สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะขอรีวิวการขอหนังสือเดินทาง หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "พาสปอร์ต" นะคะ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พาสปอร์ต กับ วีซ่า มันคนละอันกัน...บางคนเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน !!!


passport = บัตรประชาชน ที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก

visa = บัตรผ่านเข้าประเทศ (ซึ่งใช้แค่บางประเทศเท่านั้น)

รายละเอียดเพิ่มเติมของชนิดหนังสือเดินทาง https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2


ก่อนที่จะไปทำวีซ่าเราก็ต้องมีพาสปอร์ตเสียก่อน และมันจึงเป็นที่มาในการทำครั้งนี้ค่ะ เพราะแพลนไว้ว่าเดือน ธ.ค. 2559 นี้จะเดินทางไปประเทศแคนาดา ^^ ไปเยี่ยมพี่สาวสุดสวย คิดถึงนางดาอยากเที่ยวด้วย ผสมกันไป ตื่นเต้นนๆๆๆๆ กับการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต !! ไม่รู้วีซ่าจะผ่านหรือเปล่า 555+

สิ่งที่ต้องเตรียมไปในวันยื่นขอทำพาสปอร์ตมีแค่ 2 อย่างเท่านั้นนะคะคือ
1) บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
2) ค่าธรรมเนียม 1,040 บาท

วันแรกที่ไปยื่นทำบอกเลยว่าไปสายมากกกก (ได้ยินมาว่าต้องไปแต่เช้าเพื่อรับคิว) ไปถึงหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 08.50 น. (ถือว่าสายมากๆ) คือคนเยอะแล้วววววว ทำไงดี ลางานมา 1.30 ชม. จะทันมั๊ยเนี่ย !!!
.
.
จริงๆคิวเปิดรับจองของที่นี่ประมาณ 08.00 น.นะคะ แต่จะเป็นคิวสำรอง (เค้าเขียนว่างั้น) ซึ่งคิวจริงๆจะเริ่มจ่ายประมาณ 08.30 น.








ขั้นตอนคร่าวๆของการยื่นขอหนังสือเดินทาง (Passport)
1. ต่อคิวเพื่อรับบัตรคิวสำรอง
2. กรอกแบบฟอร์มลงในแบบฟอร์ม "หนังสือรับรองส่วนบุคคล"
3. นั่งรอเรียกคิวเพื่อรับบัตรคิวจริง
4. นั่งรอเรียกคิวเพื่อวัดส่วนสูง
5. นั่งรอเรียกคิวเพื่อถ่ายรูปและกรอกประวัติลงในระบบคอมพิวเตอร์
6. เสียค่าธรรมเนียม (1,000 บาท สำหรับค่าจัดทำ และ 40 บาท สำหรับค่าส่ง EMS)

พระเจ้าาาา !! ได้คิวที่ 83 !!!!




หน้าตาของหนังสือรับรองส่วนบุคคล



กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย จากนั้นจึงไปรับบัตรคิวตัวจริง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เรียกเป็นระยะๆ ถ้าเลยช่วงคิวของใครไปแล้วถึงแม้คุณจะได้คิวลำดับต้นๆ ก็เสียใจด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณต้องได้คิวไกลกว่าเดิม ที่เจ้าหน้าที่ต้องมีคิวสำรองและคิวจริงเนื่องจากว่า มีการมารับบัตรคิวไว้ก่อนแล้วไม่ได้กรอกข้อมูลหรือไม่ได้อยู่ในสถานที่นี้จริงๆ แล้วกลับมากะว่า หึหึ กูแหละ!! เพราะมาหยิบบัตรคิวไว้แล้ว !!! 555+ คุณคิดผิดค่าาา เพราะเจ้าหน้าที่เรียกเรื่อยๆ ฉะนั้นได้บัตรคิวสำรองแล้วรีบกรอกข้อมูลแล้วรอรับคิวจริง



เย้.. คิวขยับขึ้นมาแล้ว อิอิ จากเดิมได้คิวสำรอง 83 แต่พอกรอกข้อมูลเสร็จได้คิวจริง 77




หลังจากนั้นก็นั่งรอเรียกคิวเพื่อเข้าไปวัดส่วนสูงด้านใน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเรียกรอบละประมาณ 10-20 คิว



เมื่อมาถึงคิวด้านใน (หลังจากวัดส่วนสูงแล้ว) เราก็จะมานั่งรอเรียกถ่ายรูปและกรอกประวัติ โดยมีช่องดำเนินการทั้งหมด 8 ช่อง ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ต่างจากบัตรประชาชน คนเยอะแยะไปทำมีช่องเดียว 555+ แล้วที่ต่างอีกอย่างคือ รูปดูไม่ดีเราสามารถถ่ายใหม่ได้ค่ะ โดยเจ้าหน้าที่จะถามเราว่าพอใจหรือยัง 555+ (สรุปเราถ่ายไป 3 รอบค่ะ ออกมา เหมือนเดิม T____T) หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราสแกนลายนิ้วมือทั้งหมด โดยแยกเป็น 4 นิ้วขวาก่อน แล้วก็ 4 นิ้วซ้าย จากนั้นก็จะเป็นหัวแม่มือทั้งสองข้างพร้อมกัน



จากนั้นเจ้าหน้าที่จะปริ๊นกระดาษออกมา 1 แผ่น ซึ่งเกี่ยวกับเราทั้งหมด ให้เราตรวจสอบความถูกต้องและเซ็นรับรอง ซึ่งต้องบอกว่าขอให้ท่านๆเขียนหรือเซ็นให้เหมือนกันหมดนะคะ เนื่องจากว่าลายเซ็นที่เราเซ็นไป มันจะไปปรากฏอยู่ในพาสปอร์ตของเรา และเราต้องใช้ลายเซ็นนั้นๆไปตลอดที่เกียวกับการเดินทาง เช่น ทำวีซ่า หรือแม้แต่ใบที่ให้เขียนที่ตม.



หลังจากที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว ตรวจทานเรียร้อยแล้ว ลงลายมือชื่อเสร็จก็เป็นอันจบกระบวนการจัดทำ เราก็เดินออกไปชำระเงินอีกช่อง ซึ่งเป็นทางเดินบังคับไปอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายก็ 1,040 บาทถ้วนเลย แถมมีปกพลาสติกขายในราคาย่อมเยาด้วยค่ะ 25 บาท (สำหรับใส่พาสปอร์ต)
.
.
สรุปเวลาที่ใช้ทำรวดเร็วมากค่ะ ขนาดได้คิวตั้งไกลยังเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง 15 นาที
.
.
จากนั้นก็รอรับเล่มพาสปอร์ตตามที่อยู่ที่เรากรอก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันค่ะ



หน้าตาของหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต เป็นแบบนี้ค่ะ



หวังว่ากระทู้นี้คงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่จะเดินทางไปต่างประเทศกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ


.
.
.
จบค่ะ...

**จากนั้นถ้าเราจะต้องเดินทางไปต่างประเทศซึ่งต้องใช้วีซ่า เราก็ค่อยไปยืนขอยังสถานทูตหรือVFSที่รับยื่นในแต่ละประเทศค่ะ