ตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/35649193/comment10-1
เริ่มสตาร์ทปั่นออกจากโรงแรมเมอร์เคียวเรื่อยๆ เราจะมุ่งหน้าไปที่ไก่แบ้-คลองพร้าว ผ่านทางเข้าน้ำตกคลองพลู ไปจนถึงหาดทรายขาว
เริ่มมีเนินที่มีระดับความชันไม่มาก จนมาถึงที่ห่างจากจุดเริ่มต้น 3 กิโลเมตร มีจุดชันและโค้งหักศอกที่ความชันประมาณ 45 ตอนนั้นหยุดและทำใจแพรบ..
เนินวัดใจเนินแรกว่าจะผ่านไปได้มั้ย
จุดที่เริ่มมีเนินชัน 45
เริ่มปั่นลดเกียร์ลงเรื่อยๆขึ้นเนินจนสุดเกียร์ เมื่อไปไม่ไหวก็ตามฟอร์มค่ะ ลงจูงเดินจนผ่านจุดโค้งหักศอกแล้วมองลงไป ชาวบ้านส่วนมากขับมอเตอร์ไซค์ผ่านก็มองๆ ...มันบร้ารึปล่าว 555
พยายามดึงสติให้อยู่กับถนนอยู่กับเส้นทางปัจจุบัน ไม่ให้ไปกังวลกับเส้นทางข้างหน้ามาก เพราะรู้ว่าต้องผ่านอีก 2-3 เนินโหด
เส้นทางช่วงนี้ไม่มีไหล่เขาเลย ถนนราดยางแคบแค่สวนกัน หลุดไปก็เป็นหญ้าข้างทาง พงศ์แนะว่าให้ปั่นกลางถนนเลย รถที่มาข้างหลังจะได้เห็นเราถนัดและไม่เบียดตกถนน (คือไม่เบรคชะลอก็ชนเลย..เอางั้น) ก็พยายามปั่นให้กลางเลนส์ฝั่งซ้าย
ช่วงหนึ่งกิโลต่อไปก็เป็นเนินเขาที่ไต่ขึ้นเรื่อยๆ เราปั่นไปพักไปเพราะเหนื่อยมาก และ...ไม่ได้เตรียมน้ำ..อยากจะบีบคอตัวเองเลย..เริ่มกระหายน้ำ
จุดชมวิวเส้นไก่แบ้
เป็นเส้นที่ข้ามไปหาดไก่แบ้ จะมีจุดชมวิวระหว่างทางลงเนินซึ่งเป็นจุดที่ชันมากกก...ชันจนเรากดเบรคหลังแล้ว..กดเบรคหน้า..ปรากฎว่าล้อหลังปัดระหว่างทางลงเนินจนต้องกระโดดลงคร่อมรถให้หยุด..มีรถกำลังสวนมาหยุดจอด..หันลังไปมีรถปิคอัพตามมาหยุดกระทันหัน
ตอนนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดอยู่ชั่วขณะ จนดึงสติกลับมาเริ่มขยับจักรยานไปด้านริมถนนและโบกให้รถปิคอัพแซงขึ้นหน้าไป แล้วลงเดินจนถึงจุดชมวิว หวังว่าจะมีร้านน้ำขาย..แต่ไม่มีค่ะ หลบร้อนซักพักให้หายตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วนึกถึงคอมเม้นท์ในพันทิปก่อนมา หลายๆคอมเมนต์ อันนึงที่นึกได้คือ ให้เตรียมทำพินัยกรรมก่อนเลยถ้าคิดจะมาปั่นเส้นนี้...
โห..นี่มันเส้นที่ไม่มีใครปั่นเลย แล้วจะยังดื้อด้านมาแล้วจะคุ้มกับอุบัตเหตุมั้ยเนี่ย..
ทั้งโมโหที่เพื่อนไม่ยอมห้าม (เอ๋ พาลนี่นา) และนึกถึงคำโด่งที่เคยพูดว่าปั่นจักรยานยังไงโด่งคิดถึงความปลอดภัยก่อน...โบกรถกลับดีกว่า..หมดแระ..
.......
เส้นทางนี้ไม่มีจักรยานปั่นเลยสักคัน ยิ่งวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด มีนักท่องเที่ยวบ้างที่เป็นฝรั่งหรือญี่ปุ่นมาที่จุดชมวิว..พอนั่งให้เหงื่อช่วยระบายความร้อนในร่างกายออกสักพัก
แล้วค่อยตัดสินใจใหม่..
ไปต่อดีกว่า..รอดมาได้ขนาดนี้ ปั่นให้ครบเส้นทางนี้ดีกว่า ลองอีกสักหน่อย ก็ระวังมากขึ้น..ดีที่ได้ปั่น
“เกียร์อยู่ที่ใจ” จาก บนหลังอาน – บินหลาสันการคีรี
หนังสือเล่มนี้เก่ามากกก แต่ยังคงร่วมสมัยสำหรับการค้นหา เดินทางบนอานจักรยานว่า ปั่นไปทำไม.. นักปั่นมือใหม่เจอกับความรู้สึกนี้ทั้งนั้น ท้อ เหนื่อย ปั่นไปทำไม...
“อยู่ที่ใจ..แต่ไปให้ถึงที่หมาย” ชีวิตก็เหมือนกัน
ใส่หมวกเริ่มออกปั่นไปอีกครั้ง จนถึงคลองพร้าว ได้แวะร้านกาแฟสุดชิค..แล้วไปต่อ
เส้นนี้เริ่มไม่ชันมาก เป็นเนินขึ้นลงเตี้ยๆ เริ่มมีไหล่ทางปลอดภัยไม่เหมือนช่วง ใบลาน-ไก่แบ้
ช่วงเส้นทางนี้เจอจักรยานเสือภูเขา 2 คันคนจีน กับฝรั่งอีก 1 คนมาปั่นทางลาด..แค่นั้นทั้งเส้นค่ะ
ทางลาดสลับเนินเตี้ยไปจนถึงหาดทรายขาวใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ระยะทาง 17 กิโลเมตร
ถนนเส้นหาดทรายขาว
หาดทรายขาว
ขากลับตั้งใจเหมาแทกซี่กลับไปอ่าวใบลาน แต่ค่า taxi ตกสองร้อยบาทอัพ น้องที่นี่แนะนำให้ปั่นไปจนถึงคลองพร้าวแล้วค่อยเรียกแทกซี่แถวนั้นข้ามไปใบลานจะประหยัดกว่า
เลยปั่นย้อนกลับไปประมาณ 10 กิโลจนถึงคลองพร้าว มีคนใจดีที่ขับรถเก๋งทำน้ำกระเด็นใส่จักยานเราช่วยเรียกแทกซี่ให้กลับได้ในราคา 100 บาท
สรุปทริปนี้ได้รอดกลับบ้านโดยปลอดภัย..นี่คือเป้าหมายของการปั่นทุกครั้งค่ะ...
แล้วไปปั่นกันค่ะ
20 ล้อตะลุยโลก 555
[CR] ปั่นเดี่ยวเกาะช้าง อ่าวใบลาน-หาดทรายขาว 17กิโลเมตร (ต่อ จบ)
ตอนที่แล้ว http://ppantip.com/topic/35649193/comment10-1
เริ่มสตาร์ทปั่นออกจากโรงแรมเมอร์เคียวเรื่อยๆ เราจะมุ่งหน้าไปที่ไก่แบ้-คลองพร้าว ผ่านทางเข้าน้ำตกคลองพลู ไปจนถึงหาดทรายขาว
เริ่มมีเนินที่มีระดับความชันไม่มาก จนมาถึงที่ห่างจากจุดเริ่มต้น 3 กิโลเมตร มีจุดชันและโค้งหักศอกที่ความชันประมาณ 45 ตอนนั้นหยุดและทำใจแพรบ..
เนินวัดใจเนินแรกว่าจะผ่านไปได้มั้ย
เริ่มปั่นลดเกียร์ลงเรื่อยๆขึ้นเนินจนสุดเกียร์ เมื่อไปไม่ไหวก็ตามฟอร์มค่ะ ลงจูงเดินจนผ่านจุดโค้งหักศอกแล้วมองลงไป ชาวบ้านส่วนมากขับมอเตอร์ไซค์ผ่านก็มองๆ ...มันบร้ารึปล่าว 555
พยายามดึงสติให้อยู่กับถนนอยู่กับเส้นทางปัจจุบัน ไม่ให้ไปกังวลกับเส้นทางข้างหน้ามาก เพราะรู้ว่าต้องผ่านอีก 2-3 เนินโหด
เส้นทางช่วงนี้ไม่มีไหล่เขาเลย ถนนราดยางแคบแค่สวนกัน หลุดไปก็เป็นหญ้าข้างทาง พงศ์แนะว่าให้ปั่นกลางถนนเลย รถที่มาข้างหลังจะได้เห็นเราถนัดและไม่เบียดตกถนน (คือไม่เบรคชะลอก็ชนเลย..เอางั้น) ก็พยายามปั่นให้กลางเลนส์ฝั่งซ้าย
ช่วงหนึ่งกิโลต่อไปก็เป็นเนินเขาที่ไต่ขึ้นเรื่อยๆ เราปั่นไปพักไปเพราะเหนื่อยมาก และ...ไม่ได้เตรียมน้ำ..อยากจะบีบคอตัวเองเลย..เริ่มกระหายน้ำ
เป็นเส้นที่ข้ามไปหาดไก่แบ้ จะมีจุดชมวิวระหว่างทางลงเนินซึ่งเป็นจุดที่ชันมากกก...ชันจนเรากดเบรคหลังแล้ว..กดเบรคหน้า..ปรากฎว่าล้อหลังปัดระหว่างทางลงเนินจนต้องกระโดดลงคร่อมรถให้หยุด..มีรถกำลังสวนมาหยุดจอด..หันลังไปมีรถปิคอัพตามมาหยุดกระทันหัน
ตอนนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดอยู่ชั่วขณะ จนดึงสติกลับมาเริ่มขยับจักรยานไปด้านริมถนนและโบกให้รถปิคอัพแซงขึ้นหน้าไป แล้วลงเดินจนถึงจุดชมวิว หวังว่าจะมีร้านน้ำขาย..แต่ไม่มีค่ะ หลบร้อนซักพักให้หายตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วนึกถึงคอมเม้นท์ในพันทิปก่อนมา หลายๆคอมเมนต์ อันนึงที่นึกได้คือ ให้เตรียมทำพินัยกรรมก่อนเลยถ้าคิดจะมาปั่นเส้นนี้...
โห..นี่มันเส้นที่ไม่มีใครปั่นเลย แล้วจะยังดื้อด้านมาแล้วจะคุ้มกับอุบัตเหตุมั้ยเนี่ย..
ทั้งโมโหที่เพื่อนไม่ยอมห้าม (เอ๋ พาลนี่นา) และนึกถึงคำโด่งที่เคยพูดว่าปั่นจักรยานยังไงโด่งคิดถึงความปลอดภัยก่อน...โบกรถกลับดีกว่า..หมดแระ..
.......
เส้นทางนี้ไม่มีจักรยานปั่นเลยสักคัน ยิ่งวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด มีนักท่องเที่ยวบ้างที่เป็นฝรั่งหรือญี่ปุ่นมาที่จุดชมวิว..พอนั่งให้เหงื่อช่วยระบายความร้อนในร่างกายออกสักพัก
แล้วค่อยตัดสินใจใหม่..
ไปต่อดีกว่า..รอดมาได้ขนาดนี้ ปั่นให้ครบเส้นทางนี้ดีกว่า ลองอีกสักหน่อย ก็ระวังมากขึ้น..ดีที่ได้ปั่น
หนังสือเล่มนี้เก่ามากกก แต่ยังคงร่วมสมัยสำหรับการค้นหา เดินทางบนอานจักรยานว่า ปั่นไปทำไม.. นักปั่นมือใหม่เจอกับความรู้สึกนี้ทั้งนั้น ท้อ เหนื่อย ปั่นไปทำไม...
“อยู่ที่ใจ..แต่ไปให้ถึงที่หมาย” ชีวิตก็เหมือนกัน
ใส่หมวกเริ่มออกปั่นไปอีกครั้ง จนถึงคลองพร้าว ได้แวะร้านกาแฟสุดชิค..แล้วไปต่อ
เส้นนี้เริ่มไม่ชันมาก เป็นเนินขึ้นลงเตี้ยๆ เริ่มมีไหล่ทางปลอดภัยไม่เหมือนช่วง ใบลาน-ไก่แบ้
ช่วงเส้นทางนี้เจอจักรยานเสือภูเขา 2 คันคนจีน กับฝรั่งอีก 1 คนมาปั่นทางลาด..แค่นั้นทั้งเส้นค่ะ
ทางลาดสลับเนินเตี้ยไปจนถึงหาดทรายขาวใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ระยะทาง 17 กิโลเมตร
ขากลับตั้งใจเหมาแทกซี่กลับไปอ่าวใบลาน แต่ค่า taxi ตกสองร้อยบาทอัพ น้องที่นี่แนะนำให้ปั่นไปจนถึงคลองพร้าวแล้วค่อยเรียกแทกซี่แถวนั้นข้ามไปใบลานจะประหยัดกว่า
เลยปั่นย้อนกลับไปประมาณ 10 กิโลจนถึงคลองพร้าว มีคนใจดีที่ขับรถเก๋งทำน้ำกระเด็นใส่จักยานเราช่วยเรียกแทกซี่ให้กลับได้ในราคา 100 บาท
สรุปทริปนี้ได้รอดกลับบ้านโดยปลอดภัย..นี่คือเป้าหมายของการปั่นทุกครั้งค่ะ...
แล้วไปปั่นกันค่ะ
20 ล้อตะลุยโลก 555