ปตท. รัฐวิสาหกิจแบบดั้งเดิมโบราณทั่วๆไป  ยึดโยงกับรัฐและองค์กร ไม่ใช่ประชาชน
แต่เมื่อแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน  ปตท.ก็เริ่มแผ่ขยายศักยภาพทางธุรกิจ
ด้วยการบริหารแบบเอกชน  คำนึงถึงผลกำไร  แต่ยึดโยงกับประชาชน

ปตท.เริ่มใช้นโยบายประชานิยม  ให้ลูกค้าเติมลมฟรี
มีห้องน้ำที่มาตรฐาน ใครจะเข้าก็ได้ โดยไม่ต้องติดป้ายว่า "คุณเติมน้ำมันแล้วหรือยัง"
มีร้านกาแฟที่คุณสามารถนั่งได้ทั้งวัน มีปลั๊กไฟให้เสียบ

จากปั๊มน้ำมันธรรมดาๆ สมัยก่อน กลายเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ย่อมๆไปในตัว

แต่การเกิดของปตท. กลับเป็นการแตกดับของปั๊มโบราณ ปั๊มข้ามชาติรายอื่นๆ
แน่นอนว่า ถ้าเปรียบกับสนามการเมือง  ปตท.คงโดนปั๊มอื่นๆชี้หน้าว่าโกง  ผูกขาด  ขายชาติ(จริงๆขายน้ำมัน)




แต่วงการน้ำมัน ไม่ใช่สนามการเมือง  เรื่องการปลุกม๊อบมาเล่นข้างถนนจึงไม่เกิดขึ้น
ใครอยู่ไม่ได้ก็จากไป  ใครที่ปรับตัวหาวิธีลุกขึ้นสู้ก็ยืนหยัดได้
นั่น เป็นวิถีทางแห่งการค้าเสรี
นั่น เป็นวิถีแห่งประชาธิปไตย ที่ถูกต้อง
เคารพในความเสรี ภายใต้ขอบเขตแห่งกฏหมาย ต่อสู้ด้วยความคิดใหม่ๆ

ผลประโยชน์ตกอยู่กับผู้บริโภค ประชาชน

ถ้าปั๊มตราดาวแห่งนี้  ทำตัวเหมือนพรรคการเมืองเก่าแก่ คงใช้วิธีทำลายคู่แข่งด้วยน้ำลาย
คงไม่ใช้วิธีปรับปรุงตัวเองให้ทันสมัยเทียบเท่าปตท.






น่าเสียดายว่า  วงการน้ำมัน ไม่ใช่วงการเมือง
จีงมีคนบางพวกบางกลุ่ม  ใช้วิธีสกปรก เพราะไร้ความสามารถที่จะต่อสู้ในวิถีทางการค้าเสรีแบบประชาธิปไตย
ในวงการเมือง  จึงไม่มีปตท.  
ทุกวันนี้การเมืองไทย  จึงยังใช้บริการแบบอนุรักษ์นิยม

กับปั๊มโบราณแบบนี้..!