ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ดิฉันขอบอกก่อนนะคะว่า ดิฉันเป็นสาวประเภทสอง คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวยอมรับและให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ฉันจึงตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียน ไม่ทำตัวเหลวแหลก ไม่นอกลู่นอกทาง จนแสดงตนว่าเราเป็นผู้หญิงแบบเต็มตัว ตั้งแต่เด็กจนโตดิฉันโดนแกล้งและโดนล้อมาตลอด โดนพวกเพื่อนผู้ชายถกกางเกงที่หน้าเสาธงบ้าง โดนเอารองเท้านักเรียนไปซ่อนบ้าง โดนด่าว่า อีตุ๊ด อีกะเทยควาย สารพัด ฉันก็ได้แต่อดทนอดกลั้น ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ ฉันไม่อยากเล่าให้พ่อกับแม่ฟังด้วย เพราะด้วยความที่แม่ของฉันเป็นคนโมโหร้ายเวลามีใครคิดไม่ดีกับลูกหลานของตัวเอง แล้วฉันก็ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงฉันด้วย ฉันต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นกะเทยนะ ถึงแม้ว่าเพศสภาพฉันจะไม่ตรงกับเพศกำเนิดนะ แต่ดิฉันก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผู้ชายผู้หญิงทั่วไป จนกระทั่งโตเป็นวัยรุ่น ดิฉันก็ได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยามแบบนี้มาอีกเช่นเคย ไหนจะสายเหลือง เวลาถ่ายรูปสวยๆ ก็จะมีคนมาคอมเม้นต์ว่า ดอกไม้พลาสติก อีของปลอม ฉันต้องรับฟังคำพูดเหล่านั้นทั้งที่ดิฉันก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนหรือไปทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่พอใจอะไรเลย แต่เวลาที่ฉันรู้สึกท้อแท้ในชีวิต ฉันจะนึกถึงพ่อแม่เสมอ ฉันปฏิบัติตนและวางตัวดีมาตลอด มีแรดบ้าง แก่นบ้าง ปากจัดบ้าง ตามประสาเวลาเราอยู่กับเพื่อนฝูง
เข้าเรื่องและสรุปสั้นๆเลยแล้วกันนะคะ เวลาที่ฉันเล่นเฟสบุ๊ค หรือดูสื่อโซเชี่ยล ถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับกะเทย จะมีคนคอยวิพากย์วิจารณ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งดิฉันนั่งอ่านคอมเม้นต์และคิดไตร่ตรอง ทำให้รู้ว่า เราไม่สามารถห้ามความคิดและทัศนคติของใครได้ ถ้าเป็นเรื่องดีงามของสาวประเภทสอง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคม ด้านการกุศล น้อยคนนักที่จะมีคนออกคอมเม้นต์มาชื่นชม แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สาวประเภทสองทำเสียๆหายๆ ทุกคนพร้อมที่จะร่วมมือร่วมใจด่า เหยียดหยาม เหยียบย่ำให้จมดิน และประนามทุกคนที่เป็นกะเทยว่าเลวทุกคน จนดิฉันได้มาเจอกับตัวเองของดิฉันเองค่ะ ดิฉันคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ผ่านทางเฟสบุ๊ค เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอล ฉันก็จะทำสารทุกข์สุขดิบตามประสาหนุ่มสาวคุยกัน จนไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเขาไปเก็บกฎหรือว่ากดดันอะไรจากกะเทยคนไหนมาหรือเปล่า เขาแชทเฟสบุ๊คมาบอกกับดิฉันประมาณว่า เลิกคุยกันได้มั้ย เขาเห็นกะเทยทำตัวไม่ดีมาแล้วเขาทำใจไม่ได้ถ้าจะคบหาสมาคมกับคนที่เป็นกะเทย ตอนนั้นดิฉันทั้งงง ทั้งจุก คือความรู้สึก ณ.ตอนนั้นมันพิมพ์อะไม่ออก มีแต่คำว่า ทำไม ทำไม อยู่ในหัว แต่เขาก็ตอบมาว่า เขาเห็นว่าดิฉันเป็นกะเทย ฉันก็ต้องเป็นคนเลวเช่นกัน ดิฉันนี่หน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยสนใจหรือแคร์อะไรกับความคิดของคนและกระแสสังคมเลยสักนิด แต่พอมาเจอกับตัวเองแล้วมันพังทลายลงหมด รู้สึกท้อแท้ เสียใจ เสียความรู้สึก หรือว่าฉันต้องยอมรับให้ได้ว่าการด่าเหมารวมคือเรื่องปกติของสังคม สังคมอยู่ยากจังเลยค่ะ ทำไมถึงน่ากลัวและหดหู่ขนาดนี้😔
ทำไมสังคมถึงด่ากะเทยเหมารวม
เข้าเรื่องและสรุปสั้นๆเลยแล้วกันนะคะ เวลาที่ฉันเล่นเฟสบุ๊ค หรือดูสื่อโซเชี่ยล ถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับกะเทย จะมีคนคอยวิพากย์วิจารณ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งดิฉันนั่งอ่านคอมเม้นต์และคิดไตร่ตรอง ทำให้รู้ว่า เราไม่สามารถห้ามความคิดและทัศนคติของใครได้ ถ้าเป็นเรื่องดีงามของสาวประเภทสอง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคม ด้านการกุศล น้อยคนนักที่จะมีคนออกคอมเม้นต์มาชื่นชม แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สาวประเภทสองทำเสียๆหายๆ ทุกคนพร้อมที่จะร่วมมือร่วมใจด่า เหยียดหยาม เหยียบย่ำให้จมดิน และประนามทุกคนที่เป็นกะเทยว่าเลวทุกคน จนดิฉันได้มาเจอกับตัวเองของดิฉันเองค่ะ ดิฉันคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ผ่านทางเฟสบุ๊ค เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอล ฉันก็จะทำสารทุกข์สุขดิบตามประสาหนุ่มสาวคุยกัน จนไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเขาไปเก็บกฎหรือว่ากดดันอะไรจากกะเทยคนไหนมาหรือเปล่า เขาแชทเฟสบุ๊คมาบอกกับดิฉันประมาณว่า เลิกคุยกันได้มั้ย เขาเห็นกะเทยทำตัวไม่ดีมาแล้วเขาทำใจไม่ได้ถ้าจะคบหาสมาคมกับคนที่เป็นกะเทย ตอนนั้นดิฉันทั้งงง ทั้งจุก คือความรู้สึก ณ.ตอนนั้นมันพิมพ์อะไม่ออก มีแต่คำว่า ทำไม ทำไม อยู่ในหัว แต่เขาก็ตอบมาว่า เขาเห็นว่าดิฉันเป็นกะเทย ฉันก็ต้องเป็นคนเลวเช่นกัน ดิฉันนี่หน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยสนใจหรือแคร์อะไรกับความคิดของคนและกระแสสังคมเลยสักนิด แต่พอมาเจอกับตัวเองแล้วมันพังทลายลงหมด รู้สึกท้อแท้ เสียใจ เสียความรู้สึก หรือว่าฉันต้องยอมรับให้ได้ว่าการด่าเหมารวมคือเรื่องปกติของสังคม สังคมอยู่ยากจังเลยค่ะ ทำไมถึงน่ากลัวและหดหู่ขนาดนี้😔