อุทาหรณ์ในยุคข้าวยากหมากแพง โปรดใช้ความระมัดระวังและรอบคอบในการใช้ชีวิตนะคะ

กระทู้สนทนา
มีเรื่องเล่า แชร์ให้ฟังเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์  ต่อไปจะได้ระมัดระวังมากขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
ช่วงนี้ราคาทองขึ้น คนที่ตุนทองไว้ก็เอาออกมาขายเก็งกำไรกัน
เมื่อวาน (26/9/58)  (เป็นทองคำแท่ง 10 บาท เก็บมาหลายปี) ก่อนขายสอบถามแล้วว่าทางร้านไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ไปขาย ที่ร้านทอง พิกัดแถวๆตลาดแห่งหนึ่ง   ในตัวเมืองเชียงใหม่เป็นร้านใหญ่ เปิดมานานพอสมควร เราตกลงการขายกันที่ 218,000 บาท

ตอนรับเงิน ทางร้านทองได้ใช้เครื่องนับเงิน  และยื่นเงินให้ 2 ปึก ปึกละ 100,000 (แบงค์พัน 100 ใบ มีพลาสติกรัดเงินจากธนาคารและมีลายเซ็น เสมือนว่าออกมาจากธนาคาร ซึ่งตอนนับเครื่อง เขาให้ดูตัวเลข 100 จริง ทั้ง 2 ปิก)
กับอีก 18,000 บาท (นับมือ นับต่อหน้า และนับตามไปด้วยได้ครบตามจำนวน)  พอได้เงินก็เดินออกร้านไป (การซื้อขายไม่ได้เก็บหลักฐานใดๆ) ซึ่งหลังจากนั้นไม่ได้ทำอะไรกับเงินปึกนั้นเลย....

รุ่งเช้า ได้เอาเงิน 1 ปึก (1 แสนบาท )  ไปเข้าธนาคาร ปรากฏว่าธนาคารแจ้งว่าขาดไป 10 ใบ
คือในนั้นมีเงินแค่ 90,000 บาท  ทั้งงง สับสน อึ้ง เอาเงินเข้าแบ้งไปตามปกติ  แต่ด้วยความคาใจเลยขับรถจากธนาคารกลับไปเช็คเงิน ที่เก็บไว้ที่บ้าน ปรากฎว่านับอยู่หลายรอบ ปึกนั้นก็มี 90,000 บาทเช่นกัน  สั่นไปทั้งตัวเลยทีเดียว

ณ.เวลานั้นคิดว่าจะกลับไปที่ร้านทองเพื่อสอบถาม
แต่คิดอีกที เราเดินออกร้านมาแล้ว  เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย  ไปพูดปากเปล่าก็เหมือนกับดิสเครดิตทางร้าน
และด้วยความที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวเข้าไปก็กลัวจะเกิดปัญหา และไม่ได้เงินคืนแน่ๆ
เลยตัดสินใจปล่อยให้เรื่องผ่านไป เก็บไว้เป็นบทเรียนราคาแพง

ซึ่งเราขอออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ได้โทษว่าร้านทองผิด หรือโกง อาจจะมีข้อผิดพลาดบางอย่าง ซึ่งเราเองก็น้อมรับความผิดที่ไม่ได้นับเงินก่อนออกจากร้าน
แต่อยากแชร์เพื่อให้คนที่ผ่านมาเห็นกระทู้ จะได้ระมัดระวัง ไม่ว่าเงินจะเยอะหรือจะน้อย ควรนับด้วยมือหลังทำการซื้อขายดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่