คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
จริงๆ เราว่าการที่ผู้หญิงถอดเสื้อในที่สาธารณะไม่ได้นั้นก็เป็นเรื่องน่าสงสัยนะคะ ความไม่เท่าเทียมในการแต่งกายเป็นประเด็นที่น่าหยิบยกมาพูดค่ะ เพราะว่าเมื่อก่อนสมัยโบราณผู้หญิงก็ถอดเสื้อเดินกันเป็นเรื่องปกติเนื่องจากเราไม่เคยได้ไปเห็นอารยธรรมและการแต่งกายของประเทศอื่น การถอดเสื้อเดินของผู้หญิงจึงเป็นเรื่องธรรมดามากเพราะเราทำกันมาตั้งแต่โบราณและประเทศเรามีอากาศที่ค่อนข้างร้อนไม่เหมือนพวกประเทศกลุ่มตะวันตก ถ้าสังเกตดูดีๆ ประเทศเอเชียกลุ่มอื่นก็มีการถอดเสื้อเหมือนกันในสมัยก่อน แต่พอมาถึงรัชกาลที่ 5 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปค่ะ เมื่อมีอารยธรรมของต่างชาติเข้ามามากๆ ในช่วงนั้น เราก็เริ่มแต่งตัวปกปิดท่อนบนเหมือนพวกฝรั่ง เนื่องจากว่าเรามองว่าอารยธรรมของพวกฝรั่งมีความเจริญและดูดีกว่าเรา และนอกจากนั้น ฝรั่งยังเคยเอาไปพูดกันหนาหูว่า ประเทศของเราดูไม่เจริญเลยเพราะผู้หญิงเดินแก้ผ้าปล่อยให้หน้าอกยานโตงเตงดูไม่งาม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้าจึงทรงรับสั่งให้ผู้หญิงเริ่มใส่เสื้อปกปิดท่อนบนจากนั้นเป็นต้นมา ผู้หญิงที่ใส่เสื้อก็จะดูเป็นคนที่มีการศึกษาและมีอารยธรรม ส่วนคนที่ไม่ใส่จะถูกมาว่าแย่หรืออยู่หลังเขา นับจากนั้นเป็นต้นมาก็เลยเป็นการสร้างค่านิยมใหม่ว่า ผู้หญิงต้องใส่เสื้อห้ามให้ส่วนของหน้าอกเล็ดลอดออกมาเด็ดขาด เพราะส่วนบนของผู้หญิงนั้นไม่ได้แบนราบไปเลยเหมือนผู้ชายจึงทำให้ดูไม่เหมาะสมในการเอาออกมาเดินโชว์ตามที่สาธารณะ
นอกจากนั้นส่วนที่ยื่นออกมานั้นยังสามารถเร้าอารมณ์ผู้ชายได้อีกด้วย จึงอาจทำให้เกิดเรื่องไม่ควรอย่างเช่นการข่มขืนเกิดขึ้นได้ ผู้หญิงที่เอาหน้าอกตนเองออกมาโชว์ในที่สาธารณะนั้น จึงจะโดนมองหรือโดนตราหน้าว่า มีความ ‘ต้องการ’ หน้าไม่อาย หรือ อาจจะโดนมองว่าเป็นโสเภณีไปเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่นการประท้วงของผู้หญิงเพื่อเรียกร้องสิทธิในการแต่งตัวโดยที่จะไม่โดนข่มขืนที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ที่ชื่อว่า ‘Slut walk’ ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในประเทศต่างๆ จะออกมาแต่งตัวโป๊วับแวมๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการที่เขาแต่งตัวแบบนั้น ไม่ควรจะทำให้เขาโดนข่มขืน แต่อย่างไรก็ตาม การที่ผู้หญิงเหล่านั้นออกมาแต่งตัวโป๊ เขาก็ได้มีการบอกว่าตัวเขาเป็น ‘โสเภณี’ นั่นเอง ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่แต่งตัวโป๊นั้นก็จะถูกมองว่าเป็นโสเภณีและการแต่งตัวไม่มิดชิดก็เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้หญิงไม่ดี นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงจึงไม่ควรแต่งตัวโป๊หรือถอดเสื้อในที่สาธารณะ
เรื่องที่ผู้ชายไม่สามารถใส่กางเกงได้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ เราเองก็ยังไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ใส่กางเกงกันหมดเป็นสากลส่วนใครที่ไม่ใส่ก็จะถูกมองว่าเป็นตุ๊ด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระโปรงนั้นเป็นเครื่องหมายของความเป็นผู้หญิงเพราะปฏิบัติตามกันมานานแล้ว แต่จริงๆ เราว่าเรื่องนี้เป็นแค่ค่านิยมของสังคมหนึ่งมากกว่า เพราะว่าก็มีผู้ชายในประเทศอื่นที่ยังสวมสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกระโปรงกันบ้างอย่างเช่นสโร่งของพม่า หรือ กระโปรงของผู้ชายสก็อตแลนด์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่และแค่มีการอนุรักษ์ไว้ แต่สมัยนี้บางคนก็จะหันมาใส่กางเกงที่เป็นสากลกว่าอยู่ดีค่ะ และอีกข้อหนึ่งคือ (ไม่ได้ตั้งใจพูดจาลามกนะคะ) เราว่าผู้ชายมีส่วนห้อยยื่นออกมาการใส่กางเกงจึงน่าจะสะดวกกว่าค่ะ และอีกอย่างกระโปรงนั้นมีส่วนเปิดค่ะ เวลานั่งจึงเห็นได้ง่ายกว่า และมันจะดูไม่งามถ้าปล่อยสิ่งนั้นออกมาให้คนเห็นค่ะ และอีกอย่างผู้ชายมีกิจกรรมมากกว่าผู้หญิง อย่างเช่นการทำงานทั่วไป หรือ เล่นกีฬาการใส่กางเกงนั้นจะทำให้สะดวกกว่าเยอะเลยค่ะ
ส่วนเรื่องเครื่องประดับที่คุณจขกทพูดถึงนั้นเราก็ไม่ทราบได้เลยค่ะ เราไม่ทราบว่าทำไมผู้ชายใส่ต่างหูแล้วถึงต้องดูไม่ดี น่าจะเป็นเพราะว่าเด็กแว๊นหรือคนที่ไม่มีการศึกษาเป็นคนเริ่มทำหรือเปล่าค่ะ มันเลยทำให้ภาพรวมดูแย่ไปหมด จึงมีการเหมารวมเกิดขึ้นในสังคมค่ะ คนเรามักตัดสินจากการใช้คนส่วนมากเป็นภาพรวม และเหมารวมเอานะคะ เช่นเดียวกับการสักที่ทำให้ผู้หญิงดูไม่ดี เพราะผู้หญิงที่เริ่มสักนั้นเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีชั้นที่ต่ำในสังคมจึงทำให้การสักในผู้หญิงดูสกปรกและไม่งามค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการ stereotype หรือการเหมารวมของคนกลุ่มใหญ่ทั้งนั้น ถึงมีบางคนที่คิดต่าง ภาพก็จะไม่เปลี่ยนค่ะ นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำหนด คิดตามๆกันและกลายเป็นค่านิยมของสังคมของเราค่ะ
ในวันหนึ่งเมื่อคนเลิกมองจากภาพเหมารวม เลิกยึดติดกับค่านิยม และตัดสินคนจากสิ่งที่เขาเป็นมากกว่าสิ่งที่สังคมกำหนดให้เขาเป็นจากการประพฤติและแต่งตัวของเขา ความไม่เท่าเทียมทางการแต่งกายเหล่านี้ก็จะหายไปได้ในที่สุดค่ะ ซึ่งเราว่าน่าจะส่งผลดีต่อสังคมของเรา คนจะกล้าแสดงความเป็นตัวเองมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องกลัวสังคมตัดสิน จึงจะสร้างความหลากหลายและไอเดียแนวคิดใหม่ๆที่ดีกว่า ในสังคมได้ค่ะ
นอกจากนั้นส่วนที่ยื่นออกมานั้นยังสามารถเร้าอารมณ์ผู้ชายได้อีกด้วย จึงอาจทำให้เกิดเรื่องไม่ควรอย่างเช่นการข่มขืนเกิดขึ้นได้ ผู้หญิงที่เอาหน้าอกตนเองออกมาโชว์ในที่สาธารณะนั้น จึงจะโดนมองหรือโดนตราหน้าว่า มีความ ‘ต้องการ’ หน้าไม่อาย หรือ อาจจะโดนมองว่าเป็นโสเภณีไปเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่นการประท้วงของผู้หญิงเพื่อเรียกร้องสิทธิในการแต่งตัวโดยที่จะไม่โดนข่มขืนที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ที่ชื่อว่า ‘Slut walk’ ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในประเทศต่างๆ จะออกมาแต่งตัวโป๊วับแวมๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการที่เขาแต่งตัวแบบนั้น ไม่ควรจะทำให้เขาโดนข่มขืน แต่อย่างไรก็ตาม การที่ผู้หญิงเหล่านั้นออกมาแต่งตัวโป๊ เขาก็ได้มีการบอกว่าตัวเขาเป็น ‘โสเภณี’ นั่นเอง ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่แต่งตัวโป๊นั้นก็จะถูกมองว่าเป็นโสเภณีและการแต่งตัวไม่มิดชิดก็เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้หญิงไม่ดี นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงจึงไม่ควรแต่งตัวโป๊หรือถอดเสื้อในที่สาธารณะ
เรื่องที่ผู้ชายไม่สามารถใส่กางเกงได้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ เราเองก็ยังไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ใส่กางเกงกันหมดเป็นสากลส่วนใครที่ไม่ใส่ก็จะถูกมองว่าเป็นตุ๊ด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระโปรงนั้นเป็นเครื่องหมายของความเป็นผู้หญิงเพราะปฏิบัติตามกันมานานแล้ว แต่จริงๆ เราว่าเรื่องนี้เป็นแค่ค่านิยมของสังคมหนึ่งมากกว่า เพราะว่าก็มีผู้ชายในประเทศอื่นที่ยังสวมสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกระโปรงกันบ้างอย่างเช่นสโร่งของพม่า หรือ กระโปรงของผู้ชายสก็อตแลนด์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่และแค่มีการอนุรักษ์ไว้ แต่สมัยนี้บางคนก็จะหันมาใส่กางเกงที่เป็นสากลกว่าอยู่ดีค่ะ และอีกข้อหนึ่งคือ (ไม่ได้ตั้งใจพูดจาลามกนะคะ) เราว่าผู้ชายมีส่วนห้อยยื่นออกมาการใส่กางเกงจึงน่าจะสะดวกกว่าค่ะ และอีกอย่างกระโปรงนั้นมีส่วนเปิดค่ะ เวลานั่งจึงเห็นได้ง่ายกว่า และมันจะดูไม่งามถ้าปล่อยสิ่งนั้นออกมาให้คนเห็นค่ะ และอีกอย่างผู้ชายมีกิจกรรมมากกว่าผู้หญิง อย่างเช่นการทำงานทั่วไป หรือ เล่นกีฬาการใส่กางเกงนั้นจะทำให้สะดวกกว่าเยอะเลยค่ะ
ส่วนเรื่องเครื่องประดับที่คุณจขกทพูดถึงนั้นเราก็ไม่ทราบได้เลยค่ะ เราไม่ทราบว่าทำไมผู้ชายใส่ต่างหูแล้วถึงต้องดูไม่ดี น่าจะเป็นเพราะว่าเด็กแว๊นหรือคนที่ไม่มีการศึกษาเป็นคนเริ่มทำหรือเปล่าค่ะ มันเลยทำให้ภาพรวมดูแย่ไปหมด จึงมีการเหมารวมเกิดขึ้นในสังคมค่ะ คนเรามักตัดสินจากการใช้คนส่วนมากเป็นภาพรวม และเหมารวมเอานะคะ เช่นเดียวกับการสักที่ทำให้ผู้หญิงดูไม่ดี เพราะผู้หญิงที่เริ่มสักนั้นเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีชั้นที่ต่ำในสังคมจึงทำให้การสักในผู้หญิงดูสกปรกและไม่งามค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการ stereotype หรือการเหมารวมของคนกลุ่มใหญ่ทั้งนั้น ถึงมีบางคนที่คิดต่าง ภาพก็จะไม่เปลี่ยนค่ะ นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำหนด คิดตามๆกันและกลายเป็นค่านิยมของสังคมของเราค่ะ
ในวันหนึ่งเมื่อคนเลิกมองจากภาพเหมารวม เลิกยึดติดกับค่านิยม และตัดสินคนจากสิ่งที่เขาเป็นมากกว่าสิ่งที่สังคมกำหนดให้เขาเป็นจากการประพฤติและแต่งตัวของเขา ความไม่เท่าเทียมทางการแต่งกายเหล่านี้ก็จะหายไปได้ในที่สุดค่ะ ซึ่งเราว่าน่าจะส่งผลดีต่อสังคมของเรา คนจะกล้าแสดงความเป็นตัวเองมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องกลัวสังคมตัดสิน จึงจะสร้างความหลากหลายและไอเดียแนวคิดใหม่ๆที่ดีกว่า ในสังคมได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผู้หญิงถอดเสื้อไม่ได้ ทำไมผู้ชายไม่ใส่กระโปรง?! ความเท่าเทียมอยู่ที่ใดบอกฉันที