Tsukiji Wonderland
อัศจรรย์ตลาดปลาสึคึจิ
ถ้าใครเคนดู jiro dreams of sushi หรือเคยอ่านการ์ตูนเรื่องเจ้าหนูซูชิ
น่าจะพอจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ตลาดปลาสึคึจิออก
ตลาดที่เป็นศูนย์กลาง เป็นรากฐาน ชองวงการอาหารญี่ปุ่น
หนังเล่าหลายประเด็น
โดยเริ่มที่พ่อค้าคนนกลาง ไปสู่ร้านอาหาร กลับไปที่พ่อค้าส่ง เด้งกลับมาที่ร้านค้าปลีก เล่าเรื่องราวที่รายรอบตลาดสึคึจิ ไปที่คนกิน เล่าแบบเด้งไปเด้งมา ไม่ได้เป็นเส้นเรื่องจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ แต่ประเด็นเหล่านั้นก็เกาะอยู่รายล้อมใจความหลักที่หนังต้องการจะสื่อสารเพียงใจความเดียว
“ความหลงใหลอย่างคลั่งใคล้ที่มีต่อวัฒนธรรมการกินอาอาหารทะเล”
ซึ่งถ้าจะให้เน้นย้ำให้ชัด วัฒนธรรมเกี่ยวกับการทานอาหารทะเลก็เป็นหนึ่งในเสาหลักของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นด้วยซ้ำไป ลองคิดภาพอาหารญี่ปุ่นที่ไม่มีซาซึมิหรือซูชิสิ อาหารญี่ปุ่นจะขาดสิ่งเหล่านี้ไปได้หรือ?
เพราะฉะนั้นเนื้อความที่หนังสื่อออกมา จึงเป็นการฉายภาพวัฒนธรรมอาหารของคนญี่ปุ่นที่ฝังรากลึกผ่านตลาดปลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างตลาดสึคึจินั่นเอง หากไม่มีสึคึจิเราก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าอาหารญี่ปุ่นจะดำรงอยู่อย่างไร
ตลาดปลาสึคึจิและผู้คนในนั้นก็สื่อสารคุณค่าความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน
ตอนเล่าเรื่องพ่อค้าคนกลาง ก็เล่าเรื่องความเชี่ยวชาญและความรู้ในเรื่องอาหารทะเล เป็นเอตทัคคะเรื่องปลาแบบที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน พูดถึงจิตวิญญาณในการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าโดยวางเรื่องเงินไว้ข้างๆ จะมีพ่อค้าซักกี่คนบนโลกที่กล้าบอกกับลูกค้าว่าปลานี้ไม่ดีนัก อย่าซื้อเลย?
เล่าเรื่องจิตวิญญาณในการทำอาหารของพ่อครัว เล่าเรื่องพ่อค้าส่งที่จริงจังกับการประมูลปลา
และที่สำคัญคือจิตวิญญาณเหล่านั้นเรียงร้อยคุณค่าของตลาดปลาแห่งนี้ออกมาเป็นหนึ่งเดียว
ไม่มีใครเลยที่บอกว่าฉันทำเพื่อตัวเอง และฉันมีคุณค่าในตัวเอง
แต่ฉันอยู่ตรงนี้ เพราะฉันมีคุณค่ากับคนอื่น
พ่อค้าต่างบอกว่าต้องขายปลาที่ดีที่สุด ให้คนได้กินปลาที่ดีที่สุดที่ชาวประมงอุตส่าออกเรือไปหามา
พ่อครัวเองก็ทำอาหารอย่างดีที่สุดสู่คนกิน เพราะนี่คือปลาที่ได้รับการคัดเลือก และต้องการให้คนกินได้กินของดีที่สุด แม้กระทั้งบรรณารักษ์ห้องสมุดก็มีคุณค่า คนผลิตน้ำแข็ง คนขายน้ำแข็งก็มีคุณค่า
ทุกคนอยู่เพื่อเป็นหนึ่งในห่วงโซ่ที่ถ่ายทอดคุณค่าเหล่านี้ออกไป
ไม่มีใครมีคุณค่าในตัวเองแบบโดดเดี่ยวได้เลย
หากไร้ซึ่งผู้ที่จะมาเชื่อมโยงคุณค่าเหล่านั้น เราจะมีคุณค่าต่อใครได้?
และนอกจากจะเล่าถึงสึคึจิในปัจจุบัน
หนังยังเล่าย้อนอดีตการก่อตั้ง ผ่านกาลเวลาไปสู่วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นในอนาคต
เสาหลักอย่างตลาดปลาสึคึจิจะมีบทบาทต่อไปเช่นไร?
ความสำเร็จของหนังน่าจะวัดได้จากเสียงครางฮือโดยพร้อมเพียงกันจากคนดูเป็นระยะๆ
ในยามที่พ่อครัวหยิบปลาเหล่านั้นออกมาทำเป็นอาหาร
และข้อเสียหลักของหนังเรื่องนี้
น่าจะเป็นการที่มันทำให้นึกถึงรสชาติซูชิที่เคยกินที่ตลาดแห่งนี้
มันลอยมาค้างอยู่บริเวณลิ้นและลำคอตอนช่วงเกือบๆ 4 ทุ่ม
พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย แล้วจะหาไปกินได้ที่ไหนละคราวนี้
[รีวิวสั้นๆ] Tsukiji Wonderland (อัศจรรย์ตลาดปลาสึคึจิ)
อัศจรรย์ตลาดปลาสึคึจิ
ถ้าใครเคนดู jiro dreams of sushi หรือเคยอ่านการ์ตูนเรื่องเจ้าหนูซูชิ
น่าจะพอจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ตลาดปลาสึคึจิออก
ตลาดที่เป็นศูนย์กลาง เป็นรากฐาน ชองวงการอาหารญี่ปุ่น
หนังเล่าหลายประเด็น
โดยเริ่มที่พ่อค้าคนนกลาง ไปสู่ร้านอาหาร กลับไปที่พ่อค้าส่ง เด้งกลับมาที่ร้านค้าปลีก เล่าเรื่องราวที่รายรอบตลาดสึคึจิ ไปที่คนกิน เล่าแบบเด้งไปเด้งมา ไม่ได้เป็นเส้นเรื่องจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ แต่ประเด็นเหล่านั้นก็เกาะอยู่รายล้อมใจความหลักที่หนังต้องการจะสื่อสารเพียงใจความเดียว
“ความหลงใหลอย่างคลั่งใคล้ที่มีต่อวัฒนธรรมการกินอาอาหารทะเล”
ซึ่งถ้าจะให้เน้นย้ำให้ชัด วัฒนธรรมเกี่ยวกับการทานอาหารทะเลก็เป็นหนึ่งในเสาหลักของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นด้วยซ้ำไป ลองคิดภาพอาหารญี่ปุ่นที่ไม่มีซาซึมิหรือซูชิสิ อาหารญี่ปุ่นจะขาดสิ่งเหล่านี้ไปได้หรือ?
เพราะฉะนั้นเนื้อความที่หนังสื่อออกมา จึงเป็นการฉายภาพวัฒนธรรมอาหารของคนญี่ปุ่นที่ฝังรากลึกผ่านตลาดปลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างตลาดสึคึจินั่นเอง หากไม่มีสึคึจิเราก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าอาหารญี่ปุ่นจะดำรงอยู่อย่างไร
ตลาดปลาสึคึจิและผู้คนในนั้นก็สื่อสารคุณค่าความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน
ตอนเล่าเรื่องพ่อค้าคนกลาง ก็เล่าเรื่องความเชี่ยวชาญและความรู้ในเรื่องอาหารทะเล เป็นเอตทัคคะเรื่องปลาแบบที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน พูดถึงจิตวิญญาณในการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าโดยวางเรื่องเงินไว้ข้างๆ จะมีพ่อค้าซักกี่คนบนโลกที่กล้าบอกกับลูกค้าว่าปลานี้ไม่ดีนัก อย่าซื้อเลย?
เล่าเรื่องจิตวิญญาณในการทำอาหารของพ่อครัว เล่าเรื่องพ่อค้าส่งที่จริงจังกับการประมูลปลา
และที่สำคัญคือจิตวิญญาณเหล่านั้นเรียงร้อยคุณค่าของตลาดปลาแห่งนี้ออกมาเป็นหนึ่งเดียว
ไม่มีใครเลยที่บอกว่าฉันทำเพื่อตัวเอง และฉันมีคุณค่าในตัวเอง
แต่ฉันอยู่ตรงนี้ เพราะฉันมีคุณค่ากับคนอื่น
พ่อค้าต่างบอกว่าต้องขายปลาที่ดีที่สุด ให้คนได้กินปลาที่ดีที่สุดที่ชาวประมงอุตส่าออกเรือไปหามา
พ่อครัวเองก็ทำอาหารอย่างดีที่สุดสู่คนกิน เพราะนี่คือปลาที่ได้รับการคัดเลือก และต้องการให้คนกินได้กินของดีที่สุด แม้กระทั้งบรรณารักษ์ห้องสมุดก็มีคุณค่า คนผลิตน้ำแข็ง คนขายน้ำแข็งก็มีคุณค่า
ทุกคนอยู่เพื่อเป็นหนึ่งในห่วงโซ่ที่ถ่ายทอดคุณค่าเหล่านี้ออกไป
ไม่มีใครมีคุณค่าในตัวเองแบบโดดเดี่ยวได้เลย
หากไร้ซึ่งผู้ที่จะมาเชื่อมโยงคุณค่าเหล่านั้น เราจะมีคุณค่าต่อใครได้?
และนอกจากจะเล่าถึงสึคึจิในปัจจุบัน
หนังยังเล่าย้อนอดีตการก่อตั้ง ผ่านกาลเวลาไปสู่วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นในอนาคต
เสาหลักอย่างตลาดปลาสึคึจิจะมีบทบาทต่อไปเช่นไร?
ความสำเร็จของหนังน่าจะวัดได้จากเสียงครางฮือโดยพร้อมเพียงกันจากคนดูเป็นระยะๆ
ในยามที่พ่อครัวหยิบปลาเหล่านั้นออกมาทำเป็นอาหาร
และข้อเสียหลักของหนังเรื่องนี้
น่าจะเป็นการที่มันทำให้นึกถึงรสชาติซูชิที่เคยกินที่ตลาดแห่งนี้
มันลอยมาค้างอยู่บริเวณลิ้นและลำคอตอนช่วงเกือบๆ 4 ทุ่ม
พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย แล้วจะหาไปกินได้ที่ไหนละคราวนี้