ยุ่น หรือ ไทย? ชาย หรือ หญิง? เพื่อน หรือ พี่?

ดักไว้ตรงนี้เลยนะคะ นี่เป็นกระทู้คำถามที่ค่อนข้างไร้สาระพอสมควร แต่มีอิทธิพลต่อจิตใจเรามาก เนื้อหาที่เล่าจะพยายามกระชับให้สั้นที่สุด เพราะเราไม่อยากมาต่อในเม้นค่ะ นี่สร้างบัญชีแล้วมาตั้งสดๆ เลยเล่นไม่ค่อยเป็น..และยังไงก็ขออนุญาติใช้คำพูดรูปประโยคแบบเรียบง่ายตามประสาเพื่อนสาวคุยกันนะ! เพื่ออรรถรส และความสะดวกในการเล่าค่ะ!




   เรื่องของเรื่องมันเกิดจากความรู้สึกป่วงๆอึนๆของเรามันตีกันมั่วในสมองล้วนๆเลย คือเรากำลังคุยกับผู้หญิงคนนึง อายุประมาณเรานั่นแหละ คุยในที่นี้คือคุยแบบ..แบบกริ๊วๆจุกกรู๊กันอ่ะเออ เข้าใจนะ55555555 (แต่เราไม่ใช่เลสนะ บอทอ่ะบอท ยูโน๊ว? บอทศิลปินไลน์อ่ะคุณ) ทุกอย่างไปได้ดีหมด ตัวเราก็รู้สึกโอเคกับเขามากๆ ประมาณว่าถ้าเขาขอเราคบตอนนั้นก็จะตกลงโดยไม่คิดเลยล่ะ (ใจง่ายไปอี๊กก)



  แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น! มันอยู่ตรงที่ช่วงความสัมพันธ์ก้าวกระโดด เราเป็นนักกีฬาไง แล้วมีแข่งต่างประเทศช่วงนั้นพอดีเลย ทั้งซ้อมหนักทั้งออกกำลังหนัก แต่เดี๋ยวค่ะ! ถ้ากำลังร้องอ๋อในใจแล้วบอกว่า"คงไม่มีเวลาให้กันสินะ โถ่เอ๊ย ปัญหาเด็กๆ" ไม่ค่ะไม่ ปัญหามันยังไม่เริ่ม นี่เพิ่งจะต้นเรื่องเท่านั้น เรามีเวลาให้เขาตลอด อย่างน้อยวันนึงสักนิดก็ต้องมี มาห่างกันจริงๆตอนเราเดินทางไปนั้นแหละ



  ตอนแรกเราก็หวั่นอยู่เหมือนกันว่าที่โรงแรมจะมีวายฟายมั้ย โชคยังดีอยู่ที่มีวายฟาย แต่ก็เหมือนโชคร้ายพอสมควร เพราะสัญญาณไม่ถึงในห้อง ต้องออกมานั่งเล่นกันหน้าห้อง ด้วยความที่ทีมเราค่อนข้างกรึ่มๆวัยรุ่นกัน พี่ใหญ่อายุประมาณ18-19เท่านั้นเองค่ะ ส่วนเราเป็นน้องเล็ก และผู้จัดการทีมรอบนี้เป็นคนเฮฮา ไม่ซีเรียสอะไรเท่าไหร่นัก มาแข่งรอบนี้ทุกคนเลยค่อนข้างจะแฮปปี้และซ่ากล้าทำกว่าปกติ จึงไม่แปลกเลยค่ะ ที่ถ้าวันไหนตารางแข่งว่าง ทุกคนจะยึดพื้นที่หน้าห้องมานั่งเล่นนอนเล่นเป็นแหล่งมั่วสุม ส่วนตัวเรามีโอกาสได้เล่น แน่นอนว่าต้องคอลคุยกับเขา ไม่ก็แชทตามปกตินั่นแหละ ทุกวันที่อยู่ที่นั่นทุกอย่างก็วนลูปอยู่แบบนี้



  จนกระทั่งวันนึงที่เกิดเรื่องไม่ธรรมดาขึ้นน่ะสิ! พี่ใหญ่ฝ่ายชาย(พี่ใหญ่ของทีมเราบังเอิญอายุเท่ากันค่ะ แต่คนละเพศนะ)เกิดไปปิ้งสาวของทีมเจแปนเข้า!! ไอ้เราสาวๆก็วุ่นกันใหญ่ เพราะผู้ชายคนเดียวในทีมดันมีความรัก งานนี้ด้วยความรักพี่ชายอย่างสุดซึ้ง เลยช่วยกันจีบช่วยกันเต๊าะสาวให้(พี่แกป๊อดค่ะ ไม่กล้าจีบเอง) ซึ่งทุกอย่างก็ดูไปได้ดีนะ เราค่อนข้างสนิทกับเจแปนฝั่งสาวๆมากขึ้น แต่ฝั่งผู้ชายนี่เราไม่กล้าตีซี้ด้วย;-;



  มาประมาณไม่กี่วันก่อนกลับ เราถึงกับต้องไปสิงชั้นที่คุณๆญี่ปุ่นเขาอยู่(ไทยเราอยู่ชั้น3 ยุ่นอยู่ชั้น2 โรงแรมเดียวกันค่ะ) ทุกอย่างนี่ทำเพื่อพี่ชายล้วนๆ..เราลงทุนไปเนียนเซลฟี่ที่ชั้นเขา เพื่อจะเนียนถ่ายให้ติดสาวยุ่นเลยนะเออ! แต่คุณพี่แกก็ยังป๊อดอยู่นั่น



  จนวันนึงขณะที่รอรอบรถกลับโรงแรม เราเด็กๆมันว่างจัด เลยหาเกมอะไรมาเล่น ก็คงไม่พ้นเกมท้าทายๆแบบ"ทอด" (สำหรับคนที่ไม่รู้จักนะคะ เกมนี้จะมีผู้เล่นกี่คนก็ได้ โดยคนแรกที่เริ่มจะเลือกผู้เล่นมาหนึ่งคนเพื่อนถามว่า"ทอด" ถ้าหากฝ่ายโดนถามตอบว่า"ท" ฝ่ายถามจะสามารถถามอะไรอีกฝ่ายก็ได้ หากตอบว่า"ด" ฝ่ายถามสามารถสั่งให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ และฝ่ายโดนถามก็จะถามใครต่อก็ได้ วนกันไปแบบนี้ เข้าใจกันนะ?55555) เราเล่นกันเพลินจนลืมว่าอีกฝั่งของถนนมีทีมยุ่นยืนมองอยู่ด้วยค่ะ แล้วทุกคนดันพร้อมใจกันตอบ"ด"แบบถี่ๆ เลยได้ทำอะไรบ้าๆสมใจ



  แล้วจู่ๆคุณเจแปนก็วิ่งมาหาเราค่ะ! (ทีมสาวๆที่ไปตีสนิทด้วยนั่นแหละ) เขามาขอถ่ายรูปด้วยเฉ๊ย คุณชายทีมเจแปนก็โดนลากมาเกี่ยวด้วย เลยกลายเป็รรูปมิกท์ทีมไทย-เจแปนซะงั้น หลังจากถ่ายกันจนเป็นที่พอใจ ผู้สาวที่พี่เราแอบชอบ เขาก็ยกมือถือมาให้ดูค่ะ หน้าจอปรากฎผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการ แต่คุ้นตาแปลกๆขึ้นมาให้ดู แล้วถามเราว่า"ชอบมั้ย?" ไอ้เราก็ส่ายหน้ากันคอแทบหลุดด้วยความเขินอาย กำลังจะคุยกันให้รู้เรื่อง รถบัสที่ยืนรอกันกล้ามเนื้อขาจะฉีกก็ดันมาพอดี



  จริงๆจะคุยต่อก็ได้ แต่เราเกรงใจโค้ชเขาค่ะ หน้าดุอย่างกับคุณริว จิตสัมผัส อึ๋ยยยย พอขึ้นรถมา ด้วยความที่มัวแต่คุยกัน ทำให้รถเต็ม เราไม่มีที่นั่ง!! ตอนแรกว่าจะนั่งตักพวกพี่ๆเขาแล้ว จังหวะนั้นดันมีผู้ชายยุ่นคนนึงลุกให้เรานั่ง เราก็พยายามจะมองหน้าเขานะคะ แต่ความเขินมันมีมากกว่าเลยได้แต่ก้มหน้างุดเอาผ้าพันคอปิดหน้าไปตลอดทางลงโรงแรม เอ้อ..หลายคนอาจจะงง "เขินบ้าอะไรของมันวะ" โหยยยยยคุณ! เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนลุกให้ชั้นนั่งแบบนี้เลย!!



  ตกเย็นวันนั้นที่โรงแรมมีอาหารจัดให้เป็นปกติอยู่แล้วค่ะ โต๊ะทีมไทยกับยุ่นที่เขาจัดให้ก็อยู่เยื้องๆกันพอดี แล้ววันนั้นดันเป็นวันเกิดของคนในทีมยุ่น เขาก็จุดเค้กเป่าเทียนกัน แต่ก็ยังมีนํ้าใจเล็กๆน้อยๆแบ่งเค้กมาให้ฝั่งไทยเรา ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่ามีใครมองมา เพราะกำลังวีดิโอคอลส่งอาหารไปยั่วยัยลูกหมาฝั่งไทยที่เวลาปาไปเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว(สาวน้อยที่เราคุยๆด้วยตอนต้นเรื่องที่ตอนนี้เกือบจะไร้บทนั่นแหละค่ะ..) แต่มีพี่เขาตาดี บอกว่าเห็นหนุ่มยุ่นคนนึงแอบมองเราอยู่..(อูยยย วันนั้นดันตักข้าวซะเต็มปากเต็มคำด้วยสิ) ด้วยความที่ทีมเรากินเสร็จเร็ว เลยแยกย้ายกันตามปกติ หมายถึงแค่ผู้ใหญ่ที่แยกออกไปน่ะค่ะ พวกเด็กก็ยังนั่งเล่นกันที่โซฟาหน้าลิฟชั้น2 ที่แน่ๆจุดประสงค์ตอนนั้นคือดักเต๊าะสาวยุ่นค่ะ!5555555 แต่ดันเป็นเราที่โดนล่อด้วยขนมซะเอง หนุ่มยุ่นที่พี่ๆเขาบอกว่าแอบมองเรานั่นแหละ ตรงเข้ามาให้ขนมเรา ไอ้เราก็งงๆค่ะ เพราะตอนนั้นนั่งจิ้มโทรศัพท์เล่น คุยหยอกล้อกับยัยสาวน้อยอยู่ แต่ก็รับไว้ เพราะมันเป็นของฟรี..แฮ่55555555



  หลังจากนั้นเป็นเราที่โดนรุกหนักขึ้นเรื่อยๆจนวันสุดท้ายที่จะกลับ เตรียมแพคกระเป๋านั่นแหละ พี่ชายทีมเราจะไปให้ขนมเล็กๆน้อยๆกับแม่สาวยุ่นคนสวย วันนั้นทีมยุ่นก็กลับเหมือนกัน แต่เป็นรอบเช้ากว่าไทยเรา เลยต้องไปนั่งรอเขาจัดกระเป๋าที่โซฟาตัวเติม แน่นอนว่าพ่อหนุ่มยุ่นของเรา(?)จัดกระเป๋าเสร็จก่อนเพื่อนค่ะ นางเลยมานั่งเต๊าะเราที่กำลังกระโชกโฮกฮากขู่เข็นให้พี่ชายใจกล้าเลิกป๊อดเสียที พอโดนดึงดูดความสนใจ เราเลยนั่งคุยกับเขาไปนั่นแหละ เขาก็น่ารักดี ดูขี้อายนิดๆ คุยกับเราไปก็แก้มแดงปลั่งเชียว ไม่ละสายตาออกจากเราเลย น่าเอ็นดูมากค่ะ555555(ถ้าสูงน้อยกว่านี้ แม่จะจับทำเมียซ--แค่กๆๆๆๆ) ระหว่างรอพี่ชายคนป๊อดรวบรวมความกล้า เรากับเขาก็แลกไลน์กันเรียบร้อยค่ะ! /ซ่อนนอ นี่ยอมรับจากใจจริงเลยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย เพราะเรามีแม่สาวน้อยตัวเร๊ก(ด้วยส่วนสูง170ที่นางแสนภูมิใจเหลือเกิน)อยู่แล้วไงคะ



  หลังจากกลับไทยเราก็คุยกับหนุ่มยุ่นในไลน์มาตลอด จนรู้อะไรหลายๆอย่าง อาทิ เขาแก่กว่าเรา5ปี , เขาเรียนโรงเรียนกีฬา และที่สำคัญสุดๆคือ รายการแข่งรอบหน้าที่อีกประเทศนึง ทีมเขาก็ไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้คุยอะไรถี่ขนาดนั้น แบบว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับยัยสาวน้อยอีกตัวมากกว่า คือเราดูใจร้ายไปเลยแหละ เพราะตอบเขาช้า แถมกวนตีนเขาอีกเป็นของแถมด้วย และแน่นอนว่าเราคุยกับยัยนั่นมาใต้ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า"คุยๆ"กันมาตลอด จนวันนึงยัยสาวน้อยก็เหมือนจะเจอคนที่..เอ่อ..ใช่กว่าเรา? อื้ม นั่นแหละ555555 ก่อนเราเดินทางมาแข่งที่อีกประเทศนึงยัยสาวน้อยของเรากับคนที่ใช่ของเขาก็คบกันค่ะ เยยยย้;-;



  แน่นอนว่าเราจะมาเขว้ เพราะเรื่องรักๆใคร่ๆไม่ได้ เป็นนักกีฬามันก็ต้องรู้จักควบคุมความรู้สึก ไม่ใช่มาทำให้ผมแข่งมันแย่ เพียงเพราะเรื่องพวกนี้ ไปอยู่ที่นู่นเราเลยเฮฮากลบเกลื่อนค่ะ เพราะไปกับทีมหน้าเดิมๆด้วยแหละ เลยเฮฮาเป็นพิเศษ ทั้งที่ความจริงเราไม่ได้โอเคเลย..5555555



  เข้าเรื่องหนุ่มยุ่นของเราดีกว่าค่ะ คือประเทศที่เราไปไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ ทำให้กลายเป็นว่าสนามบินมันเงียบมาก เงียบจนมีแค่ทีมไทยกับยุ่นที่นั่งไฟล์บินเดียวกันมาลงที่นี่(ส่วนทีมอื่นน่าจะมาไฟล์อื่น) เหมือนเดิมค่ะ สายตาของเขายังจ้องมาที่เราตลอด มองเราจนเราก็ทำตัวไม่ค่อยถูก เคอะๆเขินๆจนหลุดไก่ทำอะไรโก๊ะๆไปเยอะเหมือนกัน



นั่งเครื่องมาลงแล้ว ยังต้องนั่งรถต่อไปเมืองที่แข่งอีก5ชั่วโมง ซึ่งยุ่นก็นั่งรถไปเหมือนกัน แต่คนละคันนะคะ (ยอมรับว่าแอบอยากให้เขานั่งคันเดียวกับเรา;-;)
ระหว่างทางมีพักอยู่รอบนึง ทีมไทยกับยุ่นลงมาเจอกันพอดี เขาก็มองเราเหมือนเดิมนั่นแหละ มองจนตัวเองวิ่งขึ้นรถไป..พอถึงโรงแรมเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน(?) หมายถึงคนละโรงแรมนั่นแหละ55555555



  ขอเริ่มเล่าย่อกว่าเดิมแล้วนะคะ เพราะรู้สึกรายละเอียดปีกย่อยตรงนี้ก็มีแค่ฉากกุ๊กๆกิ๊กๆที่ทำเอาเราเขว้ เพราะเขาแค่นั้น เพราะโดนยัยตัวเล็กหักอกมาด้วย เลยไม่ได้เล่นบอทเลย มันเหมือนไม่มีเขาก็ไม่รู้จะเล่นไปทำไม ก็ยังมีเล่นบ้าง หมายถึงเล่นเรียล แต่ยังคุยกับพวกพี่ๆน้องๆในบอทอยู่



  คือเรารู้สึกว่าเริ่มโหยหาเขาอ่ะ หนุ่มยุ่นคนนั้นนั่นแหละ คือแบบอยากคุยกับเขานานๆ แบบไม่อยากให้เขาไปไหน เห็นเขาแข่งไม่ดี ซ้อมไม่ดีก็อยากจะกอดปลอบ รู้สึกแคร์เขามากขึ้น ทุกๆอย่างคือไปดีมากอ่ะ แต่เราก็เขินไงเลยชอบปิดหน้าปิดตา เวลาเจอเขาก็เขินๆจนทำอะไรไม่ถูกไปหมด แล้วเพิ่งมารู้ตอนหลังอีกด้วยว่าญี่ปุ่นกลับก่อนไทยสองวัน เพราะไม่มีตารางแข่งอะไรแล้ว เลยโหว่งๆแปลกๆตอนเขากลับ...



  คำถามจริงๆของกระทู้ไม่ใช่การเปรียบเทียบจากหัวข้อข้างบนหรอกค่ะ แค่อยากจะขอคำแนะนำว่าควรจะทำอย่างไรดี จัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง   


เพราะคนนึงเราก็รู้สึก แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำยังไง เพราะเขาก็มีคนของเขาไปแล้ว เขาไม่สนใจเราเลย ทำเหมือนเราเป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกของเขา แต่บางครั้งก็ทำเหมือนแคร์นักนา ทำเป็นพูดดีงั้นงี้


  ส่วนอีกคนก็รู้สึกเขว้ๆด้วย เพราะเขาดีกับเรามากจริงๆ เขาเข้ามาแคร์มาดูแลในช่วงนี้เราอ่อนแอ ตอนเราแข่งไม่ดีก็มาปลอบมาลูบหัวมาบอกว่าไม่เป็นไรนะ ตอนเราได้เหรียญก็มายินดี ถึงจะไม่ได้มาแสดงความยินดีตรงๆ เพราะเจ้าตัวดันกลับไปแล้ว ไหนจะตอนเจ้าตัวรับเหรียญก็วิ่งมาหาเราคนแรกอีก




  เราควรจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงดีคะ? ขอวอนให้เพื่อนๆช่วยให้คำปรึกษาแนะนำเราหน่อยเถอะ เพราะตอนนี้เราสับสนมากจริงๆ ปกติแล้วเรายึดคติว่า"ถ้าคุณรักคนแรก คุณจะไม่มีคำว่าคนที่สอง" แต่ครั้งเรารู้สึกงงกับตัวเองมากเลย เราไม่รู้ว่าคำที่ยึดคติมาตลอดมันจะใช้ได้จริงมั้ย






  ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนล้วงหน้าที่ทนอ่านจนจบ และให้คำปรึกษานะคะ! หากผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่