ข้ามมหาสมุทร ไปตามหาลาวา ปะทะกับทะเลฮาวาย

กระทู้นี้จะไปเที่ยวฮาวายครับ

แต่ไม่ใช่หาด Waikiki หรือดำน้ำดูปลาโลมาอะไรหรอกนะครับ
ผมจะพาไปดู “ลาวา” ต่างหาก

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ผมได้เห็นกับสองตาตัวแล้วรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ นอกจากแสงเหนือแล้ว ก็จังหวะที่ลาวานี่แหละครับ ลาวาร้อนๆนับพันองศา ร้อนขนาดเห็นเป็นแสงไฟสีส้ม ไหลออกมาพบกับน้ำทะเล เกิดเป็นควันพวยพุ่งเหมือนภูเขาไฟจะระเบิด มันดูน่าตื่นตามากๆ

ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัสปรากฏการณ์ลาวาไหลลงทะเลที่หาดูได้ยากนี้ช่วงต้นเดือนกันยายนครับ กระทู้นี้เน้นภาพนะครับ เอาบรรยากาศมาฝากกัน



ลาวาไหลลงทะเลเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูไม่ง่ายเลย ครั้งสุดท้ายเกิดตอนช่วงปี 2012-2013 อยู่ราวแปดเดือน และก็เงียบไปเกือบสามปี เพิ่งจะมีลุ้นเอาเมื่อปลายเดือนกรกฏาคม 2016 หรือเมื่อเร็วๆนี้นี่เอง ลาวาไหลจากปล่องภูเขาไฟที่ชื่อ Pu ‘U O’ O บนเกาะ Big Island ในรัฐฮาวายได้ไหลมาทางทะเล และบรรจบกับมหาสมุทรแปซิฟิก และการที่ลาวาไหลออกมาที่ทะเล ทำให้เราสามารถนั่งเรือไปชมได้อย่างใกล้ชิดมากๆ หรือแม้แต่จะเดินไปชิวๆก็ยังได้เช่นกัน

ปกติแล้วลาวานั้นเห็นได้ไม่ง่าย เพราะโอกาสที่จะได้เห็น จะเป็นช่วงภูเขาไฟระเบิดเสียมากกว่า ซึ่งก็อันตรายมากๆเช่นกัน แต่ที่ฮาวายนั้นมีภูเขาไฟที่แมกม่าที่อยู่ใต้เปลือกโลกที่มีการขยายตัวอยู่ตลอด พอแมกมาออกมานอกเปลือกโลกก็จะเรียกว่าลาวา ซึ่งพอภูเขาไฟปล่อยลาวาออกมาช้าๆ โดยที่ไม่มีเถ้า แก๊สพิษ ฝุ่นควัน และหินถูกปล่อยออกมาเหมือนตอนภูเขาไฟระเบิด ก็จะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้สัมผัสลาวาอย่างใกล้ชิดและปลอดภัยครับ



Lava ocean entry เป็นศัพท์ง่ายๆที่ใช้เรียกเวลาลาวาไหลมาเจอกับทะเล เมื่อมีปรากฏการณ์นี้ นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกจะบินมาที่นี่เพื่อสัมผัสลาวาได้อย่างใกล้ชิดครับ และ 61G ก็คือชื่อเรียกของ lava flow รอบนี้ ไหลมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่ชื่อ Puʻu ʻŌʻō และเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไฟ Kīlauea ซึ่งอยู่ใน Hawai'i Volcanoes National Park



น้ำตกลาวา พอลาวาสายใหญ่ ร้อนเป็นพันองศา มาปะทะกับน้ำทะเล บางจังหวะก็จะมีการระเบิดย่อยๆ เหมือนเวลาเอาน้ำไปหยดลงบนเตาร้อนๆ



ในลาวาจะมีแก๊สมีเทน ซึ่งบางจังหวะถ้าสังเกตดีๆ จะมีจังหวะฟองสบู่แตกด้วยครับ เพียงแต่ฟองสบู่นั้นคือลาวาร้อนๆดีๆนี่เอง



การเดินทางมาชมลาวาสามารถทำได้หลายวิธี และเมื่อลาวาไหลลงทะเล วิธีที่จะชมได้อย่างใกล้ชิดที่สุดก็คือการนั่งเรือ ยิ่งเรือลำเล็กเท่าไหร่ โอกาสที่จะเข้าใกล้ชิดได้ก็มีมากยิ่งขึ้น และนี่ก็เป็นภาพลาวาสีส้มแดง สะท้อนกับผืนน้ำทะเล ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาก ผมไปลองนั่งเรือของทัวร์ Lava Ocean Tour (http://lavaocean.com/) กับ Kalapana Cultural Tour (http://www.kalapanaculturaltours.com/) ผมชอบของ Kalapana Cultural Tour มากกว่า เรือเล็ก 6 คน ไม่มีเบียดกัน เข้าใกล้ลาวาได้มากกว่า และยังถูกกว่าด้วย อีกเจ้านึงเป็นเรือใหญ่ 40 ที่นั่ง แต่ดันราคาแพงกว่า

ควันที่เห็น ก็เป็นไอร้อนที่เกิดขึ้นเวลาลาวาเย็นตัวลง และยิ่งถ้ามาวันที่ฝนตก ควันจะเยอะมากๆ



พอลาวาไหลมาบรรจบกับน้ำทะเล ก็จะแข็งตัวอย่างรวดเร็ว และจมลงใต้พื้นทะเล เกิดเป็นแผ่นดินใหม่ เกาะ Big Island นี้มีการขยายตัวของพื้นดินทุกปี ใครอยากได้ที่ดินผืนนี้มาจับจองกันได้นะครับ 555

การชมลาวาสามารถมาได้ทั้งช่วงเช้าตรู่ และช่วงเย็น ใกล้พระอาทิตย์ตก จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะเราจะได้เห็นลาวาเรืองแสงสีส้ม โดดเด่นมาก และตัดกับบรรยากาศรอบๆที่เป็นสีฟ้าในช่วง blue hour หรือจะเลือกการเดินเท้าก็ได้ ระยะทางไปกลับประมาณ 8 ไมล์ หรือ 13 กิโลเมตร ปีนี้ดีหน่อย การเดินทางง่าย มีถนนลูกรังไปเกือบถึงเลย ก็เลยมีจักรยานให้เช่าด้วยครับ



ลาวาที่ไหลออกมาบนพื้นผิว จะเรียกว่า surface flow เราสามารถเข้าไปชมใกล้ๆได้ แต่ผมแนะนำให้จ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อความปลอดภัย เพราะคนท้องถื่นจะรู้ดีว่าตรงไหนมีลาวา พื้นที่ที่เรายืนแข็งแรงพอหรือไม่ และระยะใดที่เป็นระยะปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย เพราะอย่าลืมว่า แม้จุดที่เรายืนจะเป็นหินแข็ง แต่ด้านล่างนั้นมีลาวาไหลอยู่ตลอด และกำลังไหลไปลงทะเล



หินลาวาที่แข็งตัวแล้ว มีรูปร่างและลวดลายที่น่าสนใจมาก เพราะลาวามีการไหลที่คาดเดาไม่ได้ พอแข็งตัวก็จะเกิดเป็นรูปทรงแปลกๆน่าสนใจ



แถมภาพลาวากันอีกสักภาพครับ ผมชอบจังหวะที่เห็นลาวาหยดลงแบบนี้มากๆ เหมือนเราเทน้ำผึ้งเลย
ภาพลาวาส่วนใหญ่ของผมจะมาจากเลนส์เทเลครับ ผมใช้ 80-400 ควบคู่กับ Nikon D800 ครับ



วีดีโอบรรยากาศจากบนเรือครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่