ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีข่าวลือว่ากูเกิลจะเข้าสู่ตลาดแอปพลิเคชันส่งข้อความ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีอัตราการแข่งขันสูงมาก พร้อมกับกล่าวในเวลานั้นว่า จะเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งก่อนที่ฤดูร้อนใกล้จะหมดลง กูเกิลก็ได้เปิดตัวแอปฯดังกล่าวออกมาในนาม Allo
แอปพลิเคชัน Allo เปิดให้บริการเฉพาะบนระบบโมบายเท่านั้น ทั้งในระบบ iOS และ Android โดยมีคุณสมบัติครบครันที่พบได้ในแพลตฟอร์มการส่งข้อความทั่วไป เช่น การสนทนาแบบกลุ่ม, สติกเกอร์ และการส่งภาพถ่าย เป็นต้น พร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่าง ความสามารถในการเรียนรู้ โดยกูเกิลคาดหวังว่า แอปพลิเคชัน Allo จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหลุดออกจากกรอบเดิมๆ ได้
หนึ่งในคุณสมบัติหลักของ Allo ก็คือ ฟีเจอร์การตอบกลับอัจฉริยะ ซึ่งพบใน Inbox แอปฯจัดการอีเมลของกูเกิล โดยจะเป็นการตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆ รวมถึงอีโมจิที่ผู้ใช้สามารถกดเพื่อตอบกลับแทนการพิมพ์ข้อความ ซึ่งจะนำเสนอตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมให้
ข้อจำกัดของ Allo คือบริการนี้ยังจำกัดอยู่บนมือถือเท่านั้น ยังไม่ขยายไปบนเว็บไซต์ แท็บเล็ต และ หน้าจอเดสก์ทอป และยังไม่มีการประกาศใดๆ ออกมาว่า สุดท้ายแล้วแอปฯจะหยุดลงที่แพลตฟอร์มไหน
อย่างไรก็ตาม ระบบ AI ที่ช่วยในการตอบกลับข้อความ ไม่ได้เป็นการแสดงว่าจะเป็นปัจจัยเพียงพอหรือไม่ที่ทำให้ Allo เข้าไปแข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง Messenger, WhatsApp, iMessage, และ Kik ได้ เนื่องจากแอปฯอื่นๆ ก็มีระบบตอบกลับอัตโนมัติเช่นกัน รวมถึงยังมีฟีเจอร์อย่างอื่นที่ช่วยเพิ่มความนิยมด้วย
ที่มา
TechSpot
กูเกิล เปิดตัวแอปพลิเคชันส่งข้อความ Allo
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีข่าวลือว่ากูเกิลจะเข้าสู่ตลาดแอปพลิเคชันส่งข้อความ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีอัตราการแข่งขันสูงมาก พร้อมกับกล่าวในเวลานั้นว่า จะเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งก่อนที่ฤดูร้อนใกล้จะหมดลง กูเกิลก็ได้เปิดตัวแอปฯดังกล่าวออกมาในนาม Allo
แอปพลิเคชัน Allo เปิดให้บริการเฉพาะบนระบบโมบายเท่านั้น ทั้งในระบบ iOS และ Android โดยมีคุณสมบัติครบครันที่พบได้ในแพลตฟอร์มการส่งข้อความทั่วไป เช่น การสนทนาแบบกลุ่ม, สติกเกอร์ และการส่งภาพถ่าย เป็นต้น พร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่าง ความสามารถในการเรียนรู้ โดยกูเกิลคาดหวังว่า แอปพลิเคชัน Allo จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหลุดออกจากกรอบเดิมๆ ได้
หนึ่งในคุณสมบัติหลักของ Allo ก็คือ ฟีเจอร์การตอบกลับอัจฉริยะ ซึ่งพบใน Inbox แอปฯจัดการอีเมลของกูเกิล โดยจะเป็นการตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆ รวมถึงอีโมจิที่ผู้ใช้สามารถกดเพื่อตอบกลับแทนการพิมพ์ข้อความ ซึ่งจะนำเสนอตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมให้
ข้อจำกัดของ Allo คือบริการนี้ยังจำกัดอยู่บนมือถือเท่านั้น ยังไม่ขยายไปบนเว็บไซต์ แท็บเล็ต และ หน้าจอเดสก์ทอป และยังไม่มีการประกาศใดๆ ออกมาว่า สุดท้ายแล้วแอปฯจะหยุดลงที่แพลตฟอร์มไหน
อย่างไรก็ตาม ระบบ AI ที่ช่วยในการตอบกลับข้อความ ไม่ได้เป็นการแสดงว่าจะเป็นปัจจัยเพียงพอหรือไม่ที่ทำให้ Allo เข้าไปแข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง Messenger, WhatsApp, iMessage, และ Kik ได้ เนื่องจากแอปฯอื่นๆ ก็มีระบบตอบกลับอัตโนมัติเช่นกัน รวมถึงยังมีฟีเจอร์อย่างอื่นที่ช่วยเพิ่มความนิยมด้วย
ที่มา TechSpot