คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
25 กันยานี้...วันสุดท้าย รัฐบาลแจกบำนาญ...ผ่าน กอช.
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
www.doctorwe.com
Add Line: @CsiSociety
บทความนี้... เหมาะสำหรับคุณผู้อ่านที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป...มากที่สุด
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปร่วมประชุมกับท่านเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) นั่นคือ คุณสมพร จิตเป็นธม หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่านระยะหนึ่งแล้ว ก็ทำให้ผมได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของกองทุนฯดังกล่าว โดยกองทุนฯแห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะคนที่ทำงานอิสระหรือคนที่ไม่มีงานทำ จะได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการออมแห่งชาติ และที่สำคัญที่สุดก็คือ พี่น้องชาวไทยที่มีอายุเกิน 50 ปี จะมีโอกาสพิเศษสุดภายใน 25 กันยายนนี้...ที่ห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้ครับ
หนึ่ง อายุเกิน 50 ปี ก็สามารถออมเงินได้ต่อไปจนครบ 10 ปี
คุณผู้อ่านที่ตัวเองหรือญาติมิตรมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และไม่ได้เป็นสมาชิก กบข. หรือกองทุนประกันสังคม และอยากจะออมเงินเพื่อเกษียณอายุ ในเวลานี้ทาง กอช. ได้เปิดรับสมัครผู้สูงอายุเข้าเป็นสมาชิก ด้วยหลักเกณฑ์ของกฎหมายตามพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครสมาชิก กอช. เป็นกรณีพิเศษ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถออมได้ 10 ปีเต็มนับจากอายุตัวในวันที่สมัครสมาชิก ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีแล้วด้วยที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายนี้โดยไม่จำกัดอายุ โดยจะหมดเขตรับสมัครตามเงื่อนไขนี้ ในวันที่ 25 กันยายน 2559 เท่านั้น
เนื่องจากกฎหมายให้สิทธินี้เป็นระยะเวลา 1 ปีนับจากวันที่ พ.ร.บ. มีผลใช้บังคับ ดังนั้น ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนได้ภายในวันที่ 25 กันยายนนี้เท่านั้น ซึ่งจะครบ 1 ปีนับจากวันที่ประกาศกฎหมายฉบับนี้ ส่วนผู้ที่มีอายุ 50 – 60 ปี ถ้าสมัครสมาชิกก่อนวันที่ 25 กันยายนก็จะยังได้รับสิทธิออม 10 ปีนับจากอายุตัวในวันที่สมัคร แต่ถ้าเลยวันที่ 25 กันยายนไปแล้วก็สามารถสมัครสมาชิกได้ แต่จะออมได้ถึงอายุ 60 เท่านั้น
สอง รัฐบาลจ่ายสมทบทุนให้ฟรีๆ อีกร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินออมต่อปี
หากคุณผู้อ่านที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีคุณสมบัติเป็นสมาชิก กอช.ได้ หากตัดสินใจก่อน 25 กันยายน 2559 คุณผู้อ่านยังจะได้รับเงินเพิ่มสบทบพิเศษอีกร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินออมต่อปี แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปีไปจนครบ 10 ปี ซึ่งจ่ายให้โดยรัฐบาล
ผลประโยชน์ที่สมาชิก กอช. กลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปและผู้สูงอายุจะได้รับ ก็คือ เงินสมทบที่รัฐบาลจะจ่ายเข้าบัญชีกองทุนของสมาชิกในจำนวนเท่ากันกับเงินที่สมาชิกออมเข้ากองทุน นั่นคือคิดเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินออม แต่ไม่เกินปีละ 1,200 บาทที่รัฐจะสมทบให้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือฝาก กอช. 1,200 บาท ได้เพิ่มอีก 1,200 บาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนจากการลงทุน ที่ กอช. นำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนหาดอกผลให้กับสมาชิก ซึ่งพลังของดอกเบี้ยทบต้นจะทำให้สมาชิกมีเงินในบัญชีกองทุนเพิ่มมากขึ้นอีกส่วนหนึ่งด้วย โดยเงื่อนไขการออมก็ไม่ยุ่งยากหรือเป็นภาระเพราะไม่จำเป็นต้องส่งเงินออมทุกเดือน และแต่ละครั้งจะส่งเท่าไหร่ก็ได้ตามจำนวนเงินที่สมาชิกสะดวก ซึ่งไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกครั้ง จึงเป็นรูปแบบการออมที่ยืดหยุ่นมากสำหรับผู้มีรายได้น้อยและเป็นรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอ
สำหรับคุณผู้อ่านที่ไม่ค่อยจะมีเวลา จะฝากครั้งเดียวต่อปีก็ได้ ทำให้สะดวกและยังได้รับผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากรัฐบาลอีกด้วย
สาม แล้วฝากต่อปีเท่าใดดีล่ะ? จึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุด
หากมองในแง่ผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว คุณผู้อ่านควรจะออมเงินแบบปีละ 1,200 บาทต่อปี โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ
- ข้อดี ออมปีละ 1,200 บาท รัฐบาลสมทบทุนสูงสุดที่ 1,200 บาทต่อปี เท่ากับได้ผลตอบแทน 100% ผลตอบแทนสูงที่สุด
- ข้อไม่ดี พอออมครบ 10 ปีแล้ว เราจะเริ่มได้รับเงินคืน ไม่ได้เงินก้อนนะครับ แต่จะได้เป็นเงินดำรงชีพ เดือนละ 600 บาทไปจนกว่าเงินในบัญชีของเราจะหมดลง น่าจะซักประมาณ 4-5 ปี พอเงินหมด กอช. ก็จะหยุดจ่าย ซึ่งถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ก็คงต้องคิดดูอีกทีว่าจะมีเงินจากไหนมาใช้กินทุกเดือน
สี่ ออมเดือนละ 1,100 บาท หรือปีละ 13,200 บาท ดีที่สุด
จากการคำนวณและการแนะนำของเจ้าหน้าที่ใน กอช. พบว่า การออมเดือนละ 1,100 บาท หรือปีละ 13,200 บาทดีที่สุด โดยมีเหตุผลมาจาก
- ข้อดี หลังจากเราออมปีละ 13,200 บาทไปแล้ว พอครบ 10 ปี เราก็จะเริ่มได้รับเงินคืนจาก กอช. ทุกเดือนๆละไม่ต่ำกว่า 600 บาท ไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะจากโลกนี้ไป โดยไม่ต้องกังวลว่าถ้าเงินในบัญชีหมดแล้วจะทำยังไง เพราะ กอช. จะยังจ่ายบำนาญตลอดชีพนี้ให้เราไปเรื่อยๆ หรือต่อให้เราจากโลกนี้ไปก่อน โดยที่เงินในกองทุนของเรายังเหลืออยู่ เงินดังกล่าวก็จะถูกโอนไปยังทายาทของเราต่อไป จำนวนเงิน 600 บาทนี้แหละ ที่ถือว่าพอจะช่วยแบ่งเบาภาระของเราหรือญาติมิตรของเราไปได้บ้าง
- ข้อดี (อีกข้อหนึ่ง) ถึงแม้รัฐบาลยังคงสมทบทุนสูงสุดให้เราที่ 1,200 บาทต่อปีเช่นเดียวกัน แต่ด้วยเงินต้นที่ 13,200 บาท ได้สมทบทุนจากรัฐอีก 1,200 บาท คิดคร่าวๆ ก็คือผลตอบแทน 9% ต่อปี ซึ่งถ้าเราเอาไปฝากออมทรัพย์ธรรมดาๆ ยังไงดอกเบี้ยต่อปีก็เทียบกันไม่ได้
แต่การออมเงินปีละ 13,200 บาท สำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการอยู่ ก็อาจเลือกออมเท่าที่สะดวกหรือมีกำลังจะออมก็ได้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรต้องเสีย มีแต่ได้กับได้ จะได้มากได้น้อยอยู่ที่กำลังการออมของแต่ละคนเท่านั้นเอง
ท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านบ้างนะครับ อย่าลืมว่า... ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีประกันสังคมหรือ กบข. ถึงจะมีสิทธิสมัครสมาชิก
ส่วนคนที่อายุเกิน 60 ปีไปแล้ว จะต้องสมัครเป็นสมาชิก กอช. ก่อน 25 กันยายนนี้เท่านั้นนะครับ
25 กันยายนนี้ เท่านั้น รัฐบาลแจกบำนาญ...ผ่าน กอช.
คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
25 กันยานี้...วันสุดท้าย รัฐบาลแจกบำนาญ...ผ่าน กอช.
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
www.doctorwe.com
Add Line: @CsiSociety
บทความนี้... เหมาะสำหรับคุณผู้อ่านที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป...มากที่สุด
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปร่วมประชุมกับท่านเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) นั่นคือ คุณสมพร จิตเป็นธม หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่านระยะหนึ่งแล้ว ก็ทำให้ผมได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของกองทุนฯดังกล่าว โดยกองทุนฯแห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะคนที่ทำงานอิสระหรือคนที่ไม่มีงานทำ จะได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการออมแห่งชาติ และที่สำคัญที่สุดก็คือ พี่น้องชาวไทยที่มีอายุเกิน 50 ปี จะมีโอกาสพิเศษสุดภายใน 25 กันยายนนี้...ที่ห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้ครับ
หนึ่ง อายุเกิน 50 ปี ก็สามารถออมเงินได้ต่อไปจนครบ 10 ปี
คุณผู้อ่านที่ตัวเองหรือญาติมิตรมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และไม่ได้เป็นสมาชิก กบข. หรือกองทุนประกันสังคม และอยากจะออมเงินเพื่อเกษียณอายุ ในเวลานี้ทาง กอช. ได้เปิดรับสมัครผู้สูงอายุเข้าเป็นสมาชิก ด้วยหลักเกณฑ์ของกฎหมายตามพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครสมาชิก กอช. เป็นกรณีพิเศษ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถออมได้ 10 ปีเต็มนับจากอายุตัวในวันที่สมัครสมาชิก ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีแล้วด้วยที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายนี้โดยไม่จำกัดอายุ โดยจะหมดเขตรับสมัครตามเงื่อนไขนี้ ในวันที่ 25 กันยายน 2559 เท่านั้น
เนื่องจากกฎหมายให้สิทธินี้เป็นระยะเวลา 1 ปีนับจากวันที่ พ.ร.บ. มีผลใช้บังคับ ดังนั้น ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนได้ภายในวันที่ 25 กันยายนนี้เท่านั้น ซึ่งจะครบ 1 ปีนับจากวันที่ประกาศกฎหมายฉบับนี้ ส่วนผู้ที่มีอายุ 50 – 60 ปี ถ้าสมัครสมาชิกก่อนวันที่ 25 กันยายนก็จะยังได้รับสิทธิออม 10 ปีนับจากอายุตัวในวันที่สมัคร แต่ถ้าเลยวันที่ 25 กันยายนไปแล้วก็สามารถสมัครสมาชิกได้ แต่จะออมได้ถึงอายุ 60 เท่านั้น
สอง รัฐบาลจ่ายสมทบทุนให้ฟรีๆ อีกร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินออมต่อปี
หากคุณผู้อ่านที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีคุณสมบัติเป็นสมาชิก กอช.ได้ หากตัดสินใจก่อน 25 กันยายน 2559 คุณผู้อ่านยังจะได้รับเงินเพิ่มสบทบพิเศษอีกร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินออมต่อปี แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปีไปจนครบ 10 ปี ซึ่งจ่ายให้โดยรัฐบาล
ผลประโยชน์ที่สมาชิก กอช. กลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปและผู้สูงอายุจะได้รับ ก็คือ เงินสมทบที่รัฐบาลจะจ่ายเข้าบัญชีกองทุนของสมาชิกในจำนวนเท่ากันกับเงินที่สมาชิกออมเข้ากองทุน นั่นคือคิดเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของเงินออม แต่ไม่เกินปีละ 1,200 บาทที่รัฐจะสมทบให้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือฝาก กอช. 1,200 บาท ได้เพิ่มอีก 1,200 บาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนจากการลงทุน ที่ กอช. นำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนหาดอกผลให้กับสมาชิก ซึ่งพลังของดอกเบี้ยทบต้นจะทำให้สมาชิกมีเงินในบัญชีกองทุนเพิ่มมากขึ้นอีกส่วนหนึ่งด้วย โดยเงื่อนไขการออมก็ไม่ยุ่งยากหรือเป็นภาระเพราะไม่จำเป็นต้องส่งเงินออมทุกเดือน และแต่ละครั้งจะส่งเท่าไหร่ก็ได้ตามจำนวนเงินที่สมาชิกสะดวก ซึ่งไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกครั้ง จึงเป็นรูปแบบการออมที่ยืดหยุ่นมากสำหรับผู้มีรายได้น้อยและเป็นรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอ
สำหรับคุณผู้อ่านที่ไม่ค่อยจะมีเวลา จะฝากครั้งเดียวต่อปีก็ได้ ทำให้สะดวกและยังได้รับผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากรัฐบาลอีกด้วย
สาม แล้วฝากต่อปีเท่าใดดีล่ะ? จึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุด
หากมองในแง่ผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว คุณผู้อ่านควรจะออมเงินแบบปีละ 1,200 บาทต่อปี โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ
- ข้อดี ออมปีละ 1,200 บาท รัฐบาลสมทบทุนสูงสุดที่ 1,200 บาทต่อปี เท่ากับได้ผลตอบแทน 100% ผลตอบแทนสูงที่สุด
- ข้อไม่ดี พอออมครบ 10 ปีแล้ว เราจะเริ่มได้รับเงินคืน ไม่ได้เงินก้อนนะครับ แต่จะได้เป็นเงินดำรงชีพ เดือนละ 600 บาทไปจนกว่าเงินในบัญชีของเราจะหมดลง น่าจะซักประมาณ 4-5 ปี พอเงินหมด กอช. ก็จะหยุดจ่าย ซึ่งถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ก็คงต้องคิดดูอีกทีว่าจะมีเงินจากไหนมาใช้กินทุกเดือน
สี่ ออมเดือนละ 1,100 บาท หรือปีละ 13,200 บาท ดีที่สุด
จากการคำนวณและการแนะนำของเจ้าหน้าที่ใน กอช. พบว่า การออมเดือนละ 1,100 บาท หรือปีละ 13,200 บาทดีที่สุด โดยมีเหตุผลมาจาก
- ข้อดี หลังจากเราออมปีละ 13,200 บาทไปแล้ว พอครบ 10 ปี เราก็จะเริ่มได้รับเงินคืนจาก กอช. ทุกเดือนๆละไม่ต่ำกว่า 600 บาท ไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะจากโลกนี้ไป โดยไม่ต้องกังวลว่าถ้าเงินในบัญชีหมดแล้วจะทำยังไง เพราะ กอช. จะยังจ่ายบำนาญตลอดชีพนี้ให้เราไปเรื่อยๆ หรือต่อให้เราจากโลกนี้ไปก่อน โดยที่เงินในกองทุนของเรายังเหลืออยู่ เงินดังกล่าวก็จะถูกโอนไปยังทายาทของเราต่อไป จำนวนเงิน 600 บาทนี้แหละ ที่ถือว่าพอจะช่วยแบ่งเบาภาระของเราหรือญาติมิตรของเราไปได้บ้าง
- ข้อดี (อีกข้อหนึ่ง) ถึงแม้รัฐบาลยังคงสมทบทุนสูงสุดให้เราที่ 1,200 บาทต่อปีเช่นเดียวกัน แต่ด้วยเงินต้นที่ 13,200 บาท ได้สมทบทุนจากรัฐอีก 1,200 บาท คิดคร่าวๆ ก็คือผลตอบแทน 9% ต่อปี ซึ่งถ้าเราเอาไปฝากออมทรัพย์ธรรมดาๆ ยังไงดอกเบี้ยต่อปีก็เทียบกันไม่ได้
แต่การออมเงินปีละ 13,200 บาท สำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการอยู่ ก็อาจเลือกออมเท่าที่สะดวกหรือมีกำลังจะออมก็ได้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรต้องเสีย มีแต่ได้กับได้ จะได้มากได้น้อยอยู่ที่กำลังการออมของแต่ละคนเท่านั้นเอง
ท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านบ้างนะครับ อย่าลืมว่า... ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีประกันสังคมหรือ กบข. ถึงจะมีสิทธิสมัครสมาชิก
ส่วนคนที่อายุเกิน 60 ปีไปแล้ว จะต้องสมัครเป็นสมาชิก กอช. ก่อน 25 กันยายนนี้เท่านั้นนะครับ