เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่าน เพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญและเจ็บปวดที่สุดในชีวิตมา คือข้าพเจ้าปวดท้อง !! หลายคนอาจคิดแค่ปวดท้องระทึกขวัญตรงไหน เจ็บปวดอะไรนักหนา ... ย้อนนนนนกลับไปในวันนั้น
วันที่ 5 กันยายน
เวลา 13.00 น. (
นิดๆ) กินข้าวกลางวันเสร็จก็รู้สึกปวดท้อง ใจก็คิดว่าปวดหนักห้องน้ำ ก็เข้าห้องน้ำปกติ อ๊ะ...ไม่ออก ก็กลับมาทำงานปกติ (
แอบกระดกยาธาตุน้ำขาวไปเล็กน้อยเพราะคิดว่าคงท้องอืด อาหารไม่ย่อย) ช่วงเวลาระหว่างนั้นจนประมาณ 5 โมงเย็นก็ปวด ๆ หาย ๆ เลยเดินไปเข้าห้องน้ำอีกรอบก่อนกลับบ้าน ครั้งนี้อยู่นานประมาณเกือบ 20 นาที เบ่งก็ไม่ออกแต่มันยิ่งปวด ยิ่งปวด ยิ่งปวด เหงื่อแตก หน้ามืด เลยพยายามออกจากห้องน้ำกลับมาที่ออฟฟิต (
เป็นโชคดีที่พี่ ๆ ในที่ทำงานยังไม่กลับบ้าน ฮรื่อออออ)
เวลา 17.30 น. พี่ ๆ ที่ทำงานเห็นสภาพแล้วลงความเห็นว่าไม่ไหวแน่ ๆ จขกท.เลยถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หมอตรวจเช็คสอบถามอาการเบื้องต้น ทั้งกดท้อง ทั้งอัลต้าซาวด์ (
ในใจคิดจะถามอะไรนักกกก ฉันปวดท้องงงง ... ขอโทษที่เหวี่ยงเหล่าคุณหมอในใจนะคะ *รู้สึกผิด แหะ ๆ *) สุดท้ายคุณหมอสรุปอาการ (
ได้ยินแว่ว ๆ ว่าต้องผ่าตัด!!!! ใจหายแว๊บบบบบ ฉันเป็นอะไร!!!)
เวลา 21.00 น. เข้าห้องผ่าตัดในอาการที่ปวดท้อง สะลึมสะลือ จากฤทธิ์ยาแก้ปวดขนานต่าง ๆ ที่หมอฉีดให้ สักพักคุณหมอก็มาบอกขั้นตอน เดี๋ยวจะมีการบล็อกหลัง ระหว่างนั้นจะชา ไม่ต้องกลัว บลาๆๆๆ (
วิธีการผ่าตัดเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง อารมณ์เหมือนผ่าคลอดลูก เหมือนกันเดะ !!! ) ผ่านไป 40 นาที ถูกเข็นมาห้องพักฟื้นรอดูอาการ เที่ยงคืนก็เข้าห้องพัก
วันที่ 6 กันยายน
พยาบาลมาเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีสายปัสสาวะเสียบอยู่ ฉี่ไปตอนไหนบ้างเนี้ยยยยยย >//< สักพักกกกกใหญ่ ๆ คุณหมอก็มา บอกเล่าว่าเมื่อคืนกระทำสิ่งใดไปกับร่างกายเราบ้าง สรุปแล้วคุณหมอตัดรังไข่ด้านซ้ายเราไปเนื่องจากมันเขียวมากกก ..... เนื่องจากซีสต์บิดรอบจนขั้วเกือบขาด (
กตัวอย่างให้นึกถึงตอนเราบิดผลไม้ออกจากขั้ว) การบิดรอบขั้วของซีสต์เป็นเหตุให้เลือดไม่ไปเลี้ยงรังไข่ส่งผลให้เกิดการปวดท้องเฉียบพลัน ส่วนซีสต์ที่เราเป็นคุณหมอบอกว่าชื่อทางการแพทย์เรียกว่า “เดอร์มอยด์ซีสต์ (Dermoid cyust) เป็นซีสต์ที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังเจริญเติบโตผิดที่ ทำให้ส่วนประกอบของซีสต์ชนิดนี้มีทั้งเซลล์ผิวหนัง เส้นผม เล็บ กระดูก หรือว่าไขมัน อยู่ภายใน (
อืมมม ... อารมณ์เหมือนโดนคุณไสย มนต์ดำ แสกหนังความเข้าท้อง -- )
ตบท้ายคุณหมอเอาชีสต์ที่ตัดออกมาให้ดู ขนาดเท่ากำปั้นผู้ชาย (
ลืมถ่ายรูปมา เสียดายจริง ๆ ) เห็นแล้วจะร้องไห้นี้แกอยู่กะช้านนนมานานขนาดไหนแล้วเนี้ย
ปล.คุณหมอแนะแนวทางมาสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย ให้ลองสังเกตร่างกายตัวเองดู เนื่องจากไอ้เจ้าซีสต์ตัวนี้คุณหมอบอกว่าเป็นโรคฮิตของสาว ๆ เลย (
แล้วทำไมฉันต้องตามกระแสอะไรพวกนี้ด้วยเนี้ยยยย) สำหรับคนที่ผอม หรือ พยายามลดความอ้วน แต่ทำไมพุงไม่ยุบ แม้กระทั่งเวลานอนหงายพุงก็ยังไม่ยุบ ให้ลองเอามือคลำ ๆ กด ๆ บริเวณท้องน้อยดู หากรู้สึกแข็ง ๆ หรือเป็นก้อน ให้ลองไปพบหมอเพื่อขอตรวจเช็คเบื้องต้นดูก่อนก็ได้ รู้ก่อนจะได้รักษาง่าย
ปลล. คุณหมอบอกว่าซีสต์รักษาด้วยการผ่าออกเท่านั้น การกินยาให้ฝ่อลงนั่นไม่มี อย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาใด ๆ เพราะเสียเงิน และเสียเวลาเปล่า ๆ *** เพิ่มเติมจากความเห็นด้านล่าง : ซีสต์สามารถฝ่อลงได้จากการทานยา หากซีสต์นั้นมีขนาดไม่เกิน 4 เซน ***
ปลลล. ขอขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ เจ้านายที่ทำงานที่หามจขกท.ส่งโรงพยาบาลและแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนและส่งไลน์มาถามไถ่อาการ ทั้งตอนที่พักฟื้นที่โรงพยาบาล และตอนที่กลับมาพักที่บ้านแล้ว ขอบคุณคุณหมอและพยาบาลแผนกสูติ ฯ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนที่ดูแลจขกท.อย่างดี คุณหมอใจดีมากกกก
ปลลลล. ขอบคุณซีสต์ที่แกไม่แตกซะก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล 55555
ปลลลลล. ขอบคุณอะไรไม่รู้แต่ขอบคุณค่ะ
ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงนะคะ
**แก้ไขคำผิดเล็กน้อย และ เพิ่มเติมข้อมูลเล็กน้อยค่ะ
บอกเล่าประสบการณ์สุดซีสต์
วันที่ 5 กันยายน
เวลา 13.00 น. (นิดๆ) กินข้าวกลางวันเสร็จก็รู้สึกปวดท้อง ใจก็คิดว่าปวดหนักห้องน้ำ ก็เข้าห้องน้ำปกติ อ๊ะ...ไม่ออก ก็กลับมาทำงานปกติ (แอบกระดกยาธาตุน้ำขาวไปเล็กน้อยเพราะคิดว่าคงท้องอืด อาหารไม่ย่อย) ช่วงเวลาระหว่างนั้นจนประมาณ 5 โมงเย็นก็ปวด ๆ หาย ๆ เลยเดินไปเข้าห้องน้ำอีกรอบก่อนกลับบ้าน ครั้งนี้อยู่นานประมาณเกือบ 20 นาที เบ่งก็ไม่ออกแต่มันยิ่งปวด ยิ่งปวด ยิ่งปวด เหงื่อแตก หน้ามืด เลยพยายามออกจากห้องน้ำกลับมาที่ออฟฟิต (เป็นโชคดีที่พี่ ๆ ในที่ทำงานยังไม่กลับบ้าน ฮรื่อออออ)
เวลา 17.30 น. พี่ ๆ ที่ทำงานเห็นสภาพแล้วลงความเห็นว่าไม่ไหวแน่ ๆ จขกท.เลยถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หมอตรวจเช็คสอบถามอาการเบื้องต้น ทั้งกดท้อง ทั้งอัลต้าซาวด์ (ในใจคิดจะถามอะไรนักกกก ฉันปวดท้องงงง ... ขอโทษที่เหวี่ยงเหล่าคุณหมอในใจนะคะ *รู้สึกผิด แหะ ๆ *) สุดท้ายคุณหมอสรุปอาการ (ได้ยินแว่ว ๆ ว่าต้องผ่าตัด!!!! ใจหายแว๊บบบบบ ฉันเป็นอะไร!!!)
เวลา 21.00 น. เข้าห้องผ่าตัดในอาการที่ปวดท้อง สะลึมสะลือ จากฤทธิ์ยาแก้ปวดขนานต่าง ๆ ที่หมอฉีดให้ สักพักคุณหมอก็มาบอกขั้นตอน เดี๋ยวจะมีการบล็อกหลัง ระหว่างนั้นจะชา ไม่ต้องกลัว บลาๆๆๆ (วิธีการผ่าตัดเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง อารมณ์เหมือนผ่าคลอดลูก เหมือนกันเดะ !!! ) ผ่านไป 40 นาที ถูกเข็นมาห้องพักฟื้นรอดูอาการ เที่ยงคืนก็เข้าห้องพัก
วันที่ 6 กันยายน
พยาบาลมาเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีสายปัสสาวะเสียบอยู่ ฉี่ไปตอนไหนบ้างเนี้ยยยยยย >//< สักพักกกกกใหญ่ ๆ คุณหมอก็มา บอกเล่าว่าเมื่อคืนกระทำสิ่งใดไปกับร่างกายเราบ้าง สรุปแล้วคุณหมอตัดรังไข่ด้านซ้ายเราไปเนื่องจากมันเขียวมากกก ..... เนื่องจากซีสต์บิดรอบจนขั้วเกือบขาด (กตัวอย่างให้นึกถึงตอนเราบิดผลไม้ออกจากขั้ว) การบิดรอบขั้วของซีสต์เป็นเหตุให้เลือดไม่ไปเลี้ยงรังไข่ส่งผลให้เกิดการปวดท้องเฉียบพลัน ส่วนซีสต์ที่เราเป็นคุณหมอบอกว่าชื่อทางการแพทย์เรียกว่า “เดอร์มอยด์ซีสต์ (Dermoid cyust) เป็นซีสต์ที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังเจริญเติบโตผิดที่ ทำให้ส่วนประกอบของซีสต์ชนิดนี้มีทั้งเซลล์ผิวหนัง เส้นผม เล็บ กระดูก หรือว่าไขมัน อยู่ภายใน (อืมมม ... อารมณ์เหมือนโดนคุณไสย มนต์ดำ แสกหนังความเข้าท้อง -- )
ตบท้ายคุณหมอเอาชีสต์ที่ตัดออกมาให้ดู ขนาดเท่ากำปั้นผู้ชาย (ลืมถ่ายรูปมา เสียดายจริง ๆ ) เห็นแล้วจะร้องไห้นี้แกอยู่กะช้านนนมานานขนาดไหนแล้วเนี้ย
ปล.คุณหมอแนะแนวทางมาสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย ให้ลองสังเกตร่างกายตัวเองดู เนื่องจากไอ้เจ้าซีสต์ตัวนี้คุณหมอบอกว่าเป็นโรคฮิตของสาว ๆ เลย (แล้วทำไมฉันต้องตามกระแสอะไรพวกนี้ด้วยเนี้ยยยย) สำหรับคนที่ผอม หรือ พยายามลดความอ้วน แต่ทำไมพุงไม่ยุบ แม้กระทั่งเวลานอนหงายพุงก็ยังไม่ยุบ ให้ลองเอามือคลำ ๆ กด ๆ บริเวณท้องน้อยดู หากรู้สึกแข็ง ๆ หรือเป็นก้อน ให้ลองไปพบหมอเพื่อขอตรวจเช็คเบื้องต้นดูก่อนก็ได้ รู้ก่อนจะได้รักษาง่าย
ปลล. คุณหมอบอกว่าซีสต์รักษาด้วยการผ่าออกเท่านั้น การกินยาให้ฝ่อลงนั่นไม่มี อย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาใด ๆ เพราะเสียเงิน และเสียเวลาเปล่า ๆ *** เพิ่มเติมจากความเห็นด้านล่าง : ซีสต์สามารถฝ่อลงได้จากการทานยา หากซีสต์นั้นมีขนาดไม่เกิน 4 เซน ***
ปลลล. ขอขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ เจ้านายที่ทำงานที่หามจขกท.ส่งโรงพยาบาลและแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนและส่งไลน์มาถามไถ่อาการ ทั้งตอนที่พักฟื้นที่โรงพยาบาล และตอนที่กลับมาพักที่บ้านแล้ว ขอบคุณคุณหมอและพยาบาลแผนกสูติ ฯ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนที่ดูแลจขกท.อย่างดี คุณหมอใจดีมากกกก
ปลลลล. ขอบคุณซีสต์ที่แกไม่แตกซะก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล 55555
ปลลลลล. ขอบคุณอะไรไม่รู้แต่ขอบคุณค่ะ
ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงนะคะ
**แก้ไขคำผิดเล็กน้อย และ เพิ่มเติมข้อมูลเล็กน้อยค่ะ