ศูนย์ซ่อมรถให้ลูกค้าแบบนี้ก็ได้เหรอ?

ย่อๆ เอารถไปเช็คอาการ คันเร่งไม่ตอบสนอง(ตอนแรกผมไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร) ที่ศูนย์แถวนครนายก พอดีศูนย์ปิดและต้องทิ้งรถไว้เช็ควันถัดไป ผมไม่สะดวกช่างเลยบอกชื่ออาการมา และบอกคร่าวๆว่าต้องใช้โน๊ตบุ๊คตรวจเช็คอาการรถขนะขับและเช็คปีกผีเสื้อ แต่ศูนย์นี้ก็ช่วยหารถยกไปพุทธมณฑลให้ เพราะผมสะดวกซ่อมแถวนี้

วันถัดมา 27 ส.ค. มาติดต่อที่ศูนย์แถวสาย5 ก่อนถึงโลตัส แจ้งอาการตามนั้นและทิ้งรถไว้ให้ช่างเช็ค ช่างบอกต้องเปลี่ยนนู่น. นี่ นั้น รอสั่งอะไหล่ก่อน

รออะไหล่ตั้งแต่วันที่ 27  บอกอังคารหน้าได้     วันอังคารโทรไป  บอกอาจจะเข้าวันพฤหัส    วันพฤหัสโทรไปอีกบอก อังคารหน้า  เป็นอย่างนี้จนถึงวันที่ 14  ซึ่งตั้งแต่ 27 ผมไม่มีรถใช้ทำงาน ต้องคุยทางโทรศัพท์  ยืมรถเพื่อน  และสุดท้ายเช่ารถบริษัทไปทำงาน

1. เกิดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นมาละ 1 ก้อน      

                       โทรไปถามศูนย์แถวบางแค เจ้านั้นก็บอกว่า  สั่งของ 3-4 วันก็ได้แล้ว จะมาศูนย์เค้ามั้ย  ผมปฏิเสธไปเพราะเผื่อว่าเจ้าเดิมของจะแล้ว    แต่สุดท้ายก็ผลัดวันประกันพรุ่งเหมือนเดิม       จนวันที่ 13 ผมทนไม่ไหวละ(โดนกดดันจากแฟน และเรื่องการเดินทางไปทำงาน)   ผมจึงไปที่ศูนย์เพื่อขอคำตอบที่แน่นอนเรื่องอะไหล่       พนักงานอีกคนบอกว่าจะเร่งสินค้าให้ ไม่เกิน 2 วัน      โอเค  ได้คำตอบมาละ เราจะได้กำหนดวันที่เช่ารถบริษัทได้ด้วย  เพราะมันต้องแจ้งคืนรถก่อน  ถึงจะเอาไปคืนได้
                     วันที่ 14  โคตรดีใจศูนย์โทรมาบอกว่าอะไหล่ได้แล้ว    ผมจึงเอารถเข้าซ่อมวันถัดมา (15 ก.ย.)  และทิ้งรถไว้เพราะต้องไปต่างจังหวัดมารับอีกทีวันเสาร์      ก็ดีใจจ่ายค่าเสียหายไป 5 พันต้นๆ     รับรถวันเสาร์   ใช้รถระยะใกล้ๆ เพราะยังไม่ออกต่างจังหวัด  ก็พอจะสังเกตได้ว่า  ยังมีอาการอยู่  ขณะวิ่งปกติ รถกระชากเป็นช่วงๆ   จนถึงวันอังคารต้องไปลพบุรี  อาการมาทันทีที่ถึงสระบุรีครับ  เหยียบคันเร่งที่ 100 - 110  มาตลอดทาง จู่ๆเครื่องกระชาก และวิ่งด้วยแรงเฉี่อย  คันเร่งไม่ตอบสนองอีกเช่นเคย  สรุปอาการเดิม    แต่หนักขึ้น เพราะตอนเย็นจะขับกลับกรุงเทพ  ต้องขับแบบ 60-70  และจอดทุกๆ 20 กิโล   เดินทางจากลพบุรี-กรุงเทพฯ  ใช้เวลา  5 ชั่วโมง  จากบ่ายสามถถึง 2 ทุ่ม

2. เสียเวลา และรถเสีย ต้องโทรไปยกเลิกนัดลูกค้า  เสียหายอีกแล้ว

3. อาการของรถหนักกว่าเก่า  บางช่วงเกิดเสียงดัง ปัง!!!!  ที่เครื่องยนต์  ไฟเครื่องโชว์ขึ้น ไฟเกียร์กระพริบ  

                   ตอนนั้นสิ่งที่ลอยมาในสมองคือ  ตังค์ๆๆๆ   และ ซ่อมๆๆๆ            เช้าวันนี้ เอาไปเข้าศูนย์  และเช็คอาการกับช่าง  ช่างบอกว่า คราวที่แล้วเปิดดูเห็นว่ายางแท่นเครื่องขาด เลยเปลี่ยนให้ (ไม่ได้พูดถึงแกนดึงคันเร่งที่เปลี่ยนมาทำไมก็ไม่รู้)   และพูดอีกว่า "คราวนี้รู้แล้วว่าเกิดปัญหาอะไร"    "คราวนี้"   คำนี้ลอยมาในสมอง   แล้วคราวที่แล้วล่ะ ห้าพันที่จ่ายไป  คือ.......

4. รู้ทันทีว่าคราวที่แล้วซ่อมโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็คอย่างครบถ้วน  ทั้งๆที่รถมีปัญหาเรื่องการขับขี่อันเป็นอันตรายต่อคนใช้  

                ซึ่งเราก็ถามเพิ่มเติมว่า คราวที่แล้วได้เช็คพวกปีดผีเสื้อ ไรงี้ บ้างป่าวพี่      ช่างบอก  เปล่า ไม่ได้เช็ค  เดี๋ยวคราวนี้เช็คให้ แต่คอมพิวเตอร์เสีย  ต้องรอซ่อมก่อนจึงงจะเอามาเช็คเครื่องได้   และตอนขึ้นไปออฟฟิศก่อนกลับ ช่างก็ถามพนักงานบนออฟฟิศว่า  คอมพี่เมื่อไหร่ช่างจะซ่อม  นานแล้วนะ

5. รู้ได้ทันทีว่าคอมเสียนานแล้ว  แหม่  อุปกรณืที่จำเป็นต้องใช้เพื่อซ่อมรถเสีย  แล้วทุกวันนี้ซ่อมด้วยอะไรครับพี่

6. รู้ได้อีกว่าเสียนานแล้วทำให้รู้ว่าคราวที่แล้วไม่ได้ใช้  ซึ่งมันควรจะใช้เพื่อตรวจสอบอาการรถ  

7. รู้อีกอย่างว่ามาตรฐานการเป็นช่างซ่อมไม่เท่ากันทุกศูนย์  แนะนำว่าถ้าจะซ่อมไม่ต้องเข้าศูนย์นี้นะครับ

ตอนนี้บ่ายละ รถไม่มีใช้  ยอดขายยังปิดไม่ลง  ลูกพี่บ่น  เจ้านายบ่น  ไม่มีค่าคอม   เสียค่าแท็กซี่ไปนู่นไปนี่  เดี๋ยวต้องหาเช่ารถอีก  

"ซ่อมแบบนี้ก็ได้เหรอครับ   ถามหน่อย"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่