สำหรับคนที่สนใจ (เฉพาะผู้ชาย) แต่อาจจะใช้ได้กับผมคนเดียวนะคับ (ก็ผมไม่ใช่ผู้หญิงหนิ)
ผู้ชายหลายๆ คนอาจจะประสบปัญหา เมื่อโลกในยุคปัจจุบัน
มีสาวๆ สวยๆ น่ารักมากมายมหาศาล ที่ป้อนเข้ามาทั้ง AV ภาพนิ่ง ทั้งภาพสาวสวยตาม facebook
ทั้งจากสื่อต่างๆ หนัง ละคร เพลง หรือแม้แต่การ์ตูน แต่ละอย่างก็ดูเหมือนจงใจล่อตะเข้ทั้งนั้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
เช่นต้องการ popularity ต้องการดูดเงินคนที่ซื้อพวกหนังสือ หนัง MV
แต่ผมไม่ได้เป็นพวกบ้ากามนะครับ ผมมีสเป็คเฉพาะ สาวบางคนที่คนอื่นว่าสวย ถ้าไม่ใช่สเป็คผมก็ไม่สนใจเลย
ปัญหาสำหรับผู้ชายอย่างผมที่คิดว่า ก็น่าจะเกิดขึ้นกับคนอื่นบ้างเหมือนกัน
คือมันทำให้เสียเวลา เสียสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ในการไล่ตามสิ่งเหล่านี้มากๆ
การ fab ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายใช่มั้ยครับ แต่ผมสังเกตุดูว่า ถ้าเราห่างจากสิ่งเหล่านี้ได้ก็น่าจะ
ทำให้เราสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้มากมาย บางคนอาจจะใช้กีฬาในการลดอารมณ์ลงไปได้
แต่ว่ามันจะมีกี่คนที่ทำได้ ภายใต้ภาวะความตึงเครียด การไม่มีเวลาว่างจากการทำงาน การอยู่ในรถติดแต่ละวัน
เหล่านี้ก็ทำให้เราหาเวลาไปออกกำลังกายได้ลำบากเต็มที
ผมขอเริ่มบอกวิธีของผมเลยนะครับ บางคนอาจจะขำหรือประณามผมก็ได้ เพราะมันอาจจะดูน่าหัวเราะเยาะ
พอดีช่วงนี้ลูกชายผม (4 ขวบ) ก็ชอบอ่านหนังสือมากๆ มาพักนึงแล้วครับ (พวกนิทาน นิยาย)
ผมจะอ่านแต่เล่มที่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนแม่เค้าอ่านเล่มที่เป็นภาษาไทย เพราะบ้านเราเลี้ยงแบบ
Bilingual ผมจะไม่พูดภาษาไทยเลย (เหมือนเล่านอกเรื่องไปนิดครับ)
แล้วช่วงนี้ หนังสือใหม่ Se-ed มาเพียบเลยที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมก็อ่านให้ลูกฟังทุกเล่มทุกคืน
ครับ อ่านทุกแนวเลย แม้กระทั่ง Bram Stoker's Dracula ลูกชายชอบมากครับ ปกติจะนอน 2 ทุ่มทุกวัน
แต่วันนั้น แกไม่ยอมให้ผมเลิกอ่านจนกว่าจะจบตั้ง 5 ทุ่ม
ผมก็หาวิธีไม่ให้หมกมุ่นมานานแล้วล่ะครับ ภรรยาจะไม่ค่อยชอบเรื่องอย่างว่า แต่ผมชอบแบบผู้ชายทั่วไปครับ
ซึ่งมันก็เกี่ยวกับหนังสือ Dracula นี่แหล่ะครับ สักพักนึงหลังจากผมอ่านเรื่อง Dracula ให้ลูกฟัง
ผมก็ยังคงมีงานที่ทำไม่เสร็จเหมือนเดิม หมดเวลาไปกับเรื่องอย่างว่าบ้างอะไรบ้าง
มาวันนึงผมก็นึกถึงฉากที่ โจนาธาน ฮาร์เกอร์ จะถูกแวมไพร์สาวสวย 3 ตนรุมดูดเลือด
ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้อยู่แล้วว่ามันแปลกๆ แต่ก็ทนความสวยเย้ายวลไม่ไหวเกือบจะโดนดูดเลือดถ้า Dracula
ไม่เข้ามาขวางซะก่อน
สมองผมก็โยงไปถึงเรื่องแมลงมุมพันธ์นึงที่ตัวเมียจะฆ่าตัวผู้หลังจากที่ผสมพันธ์กันแล้ว
แล้วผมก็เคยเห็นเรื่องที่ผู้หญิงสามารถออกัสซั่มได้เรื่อยๆ เป็นร้อยครั้งแบบต่อเนื่องก็มีมาแล้ว
(เค้าว่า 200-300 ครั้ง มีผู้ชายรุมเธอเยอะมากๆ) ผู้หญิงก็ไม่ได้เป็นอะไร
(แต่คงไม่ทุกคนเพราะแฟนผมแค่ 2 ครั้งสลบหลับเป็นตายครับ) ส่วนถ้าเป็นผู้ชาย เราจะได้ยินข่าว
ผู้ชายตายมานับต่อนับ เพราะออกัสซั่มถี่เกินไป 15-20 ครั้งก็สามารถขึ้นสวรรค์ได้
ครับ ความคิดในสมองผมก็จับเรื่องราวเหล่านี้โยงเข้าด้วยกัน
ผมเคยเหมือนกับผ่านตาว่าบางตำนานเกี่ยวกับ Vampire ในบางท้องที่ แวมไพร์จะมีเฉพาะผู้หญิง
(แล้วผมก็เพิ่งเปิดวิกิเพื่อยืนยันเรื่องนี้เมื่อกี้ว่า เหมือนจะใช่ ตำนานแวมไพร์แรกๆ เช่น Lilith เป็นต้นซึ่งเป็นเรื่องที่
โบราณกาลมากๆ) ในตอนนั้นความคิดในหัวผมโยงไปว่า หรือว่าคนที่คิดเรื่องตำนานแวมไพร์ขึ้นมา
นอกจากเรื่องโรคระบาดที่เรารู้ๆ กัน ความจริงลักษณะของเพศหญิงก็คล้ายกันกับแวมไพร์นี่นา
เพราะการที่ผู้ชายหลั่งออกมาหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งหลังจากนั้นร่างกายก็จะหมดเรี่ยวหมดแรง
โดยพลันเพราะน้ำ แร่ธาตุ เกลือแร่ วิตามินอะไรต่างๆ จะต้องถูกดึงหรือถูกสูบออกไปจากร่างกาย
เพื่อการนี้ และผู้หญิงเป็นฝ่ายที่ได้รับตรงนี้ไป
นอกจากนี้ ลักษณะของผู้หญิงก็ยังเหมือนกับการ seduction ของ Vampire ทุกประการ
ถ้าดูหนังมามากๆ แวมไพร์แม้จะเป็นผู้ชาย ก็จะมีสเน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามแบบมหาศาล ตรงนี้ก็จะ
ตรงกับธรรมชาติที่ให้สเน่ห์กับผู้หญิงมา ซึ่งบางครั้งเพียงแค่มองด้วยสายตาก็สามารถดึงดูดได้แล้ว
(ผู้ชายน้อยคนอาจจะมีพลังดึงดูดแบบนั้น) สรุปแล้ว ฝ่ายชายดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเสียพลังงาน
มากกว่า เสียเปรียบอีกฝ่ายมากกว่า แต่นี้เป็นคนล่ะเรื่องกับ ผู้ชายที่ไม่ข่มเหง ปล้ำข่มขืนหญิงนะครับ
ผมจึงทดสอบดูโดยการไปเดินห้าง ถ้าเห็นสาวสวยถูกสเป็ค ให้คิดว่าเธอเป็น Vampire
บางคนหน้าขาวใส ปากแดงน่ารักจิ้มลิ้ม ซึ่งพอคิดให้ดีจริงๆ นี่ก็เป็นลักษณะรูปพรรณของ Vampire
ยิ่งผู้หญิงที่แต่งตัวแต่งหน้าเยอะ ก็ยิ่งเข้าข่าย แล้วเมื่อพอสมองสั่งการว่า นี่ก็คือแวมไพร์นะ
ความสนใจ จิตใจที่จดจ่อ เพ่งสนใจที่สาวสวยแบบที่ปกติเคยเป็น ก็หายไปหมดสิ้นเลยครับ
ตอนนี้ไม่ว่าจะมองสาวสวยคนไหนก็ตัดได้หมดเลย จิตใจกลับมาจดจ่อที่เรื่องอื่นได้สบายๆ
เหมือนกับเรารู้เนื้อรู้ตัวว่า เราจะต้องเสียเลือดให้กับสิ่งนี้ (สาวแวมไพร์) แล้วผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง
ก็เกิดขึ้นครับ ผมเริ่มมองผู้ชาย.....เอ้ย!!! ไม่ใช่ครับ เล่นมุกๆ ผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึงก็คือ
ภรรยาผมดูสวยขึ้นมาเฉยเลยครับ แล้วผมก็ทรงพลังมากขึ้น ผมมีอะไรกับเธอก็
คึกคักขึ้นมีความทนทำได้ยาวนานขึ้น มีสมาธิกับเธอมากขึ้น แถมตอนถึงจุดสุดยอด
ผมไม่สนใจที่จะปล่อยน้ำเลยครับ แต่ผมก็มีความสุขที่ทำให้เธอมีความสุขถึงจุดสุดยอดได้
เหมือนกับว่าผมรู้สึกว่าการปล่อยน้ำไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เท่ากับการรักษาสุขภาพของตัวเอง
(เปรียบเสมือนไม่ปล่อยให้แวมไพร์มาดูดเลือดเรา)
มันเป็นวิธีที่น่าขำมากเลยใช่มั้ยครับ แล้ววิธีแบบนี้นี่นะที่จะเอามาโพสท์ในบอร์ดสาธารณะ
มันไร้สาระมากไปมั้ย แต่ผมอยากจะบอกว่า ผมพยายามบอกความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่าง
ละเอียดที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวผมบ้างครับ และคิดว่า แต่ล่ะคนก็อาจจะมีวิธีคิดแบบอื่นแตกต่างจากนี้
ได้ แล้วสามารถระงับมันได้ สำหรับคนที่เข้าขั้น immortal ทำ 7-8 น้ำ 15 น้ำ ไม่รู้สึกเหนื่อย ทำงานได้
สุดยอดไม่มีขาดตกบกพร่องก็คงเป็นคนๆ ละแบบๆ ผมครับ ซึ่งผมต้องซูฮกในความสุดยอดนั้น
ดังนั้นผมต้องการสื่อไปถึงคนที่มีปัญหาคล้ายๆ กันกับผมมากกว่าครับ
ผมไม่แน่ใจว่านี่คือวิธีการรักษาโรคติดเซ็กซ์ด้วยตัวเองอย่างหนึ่งรึเปล่านะครับ
เพราะผมอาจจะไม่ได้ถึงขั้นติดเซ็กซ์ แต่ที่ผ่านมาแค่นี้ก็ลำบากแล้ว แต่ช่วงวัยรุ่นผมก็
เหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้ามากๆ อยู่พักนึงนะครับ แต่ก็ผ่านมาได้ ฝึกฝนให้ตัวเองคิดบวกกลับมาได้
กับได้ฟังผู้รู้เจ๋งๆ หลายๆ ท่าน (แต่ผมก็เชื่อว่าถ้าอาการพวกนี้เป็นหนักจริงๆ ก็คงช่วยตัวเองไม่ไหวแน่ครับ)
ผมเพิ่งค้นพบวิธีไม่ให้หมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่า
ผู้ชายหลายๆ คนอาจจะประสบปัญหา เมื่อโลกในยุคปัจจุบัน
มีสาวๆ สวยๆ น่ารักมากมายมหาศาล ที่ป้อนเข้ามาทั้ง AV ภาพนิ่ง ทั้งภาพสาวสวยตาม facebook
ทั้งจากสื่อต่างๆ หนัง ละคร เพลง หรือแม้แต่การ์ตูน แต่ละอย่างก็ดูเหมือนจงใจล่อตะเข้ทั้งนั้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
เช่นต้องการ popularity ต้องการดูดเงินคนที่ซื้อพวกหนังสือ หนัง MV
แต่ผมไม่ได้เป็นพวกบ้ากามนะครับ ผมมีสเป็คเฉพาะ สาวบางคนที่คนอื่นว่าสวย ถ้าไม่ใช่สเป็คผมก็ไม่สนใจเลย
ปัญหาสำหรับผู้ชายอย่างผมที่คิดว่า ก็น่าจะเกิดขึ้นกับคนอื่นบ้างเหมือนกัน
คือมันทำให้เสียเวลา เสียสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ในการไล่ตามสิ่งเหล่านี้มากๆ
การ fab ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายใช่มั้ยครับ แต่ผมสังเกตุดูว่า ถ้าเราห่างจากสิ่งเหล่านี้ได้ก็น่าจะ
ทำให้เราสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้มากมาย บางคนอาจจะใช้กีฬาในการลดอารมณ์ลงไปได้
แต่ว่ามันจะมีกี่คนที่ทำได้ ภายใต้ภาวะความตึงเครียด การไม่มีเวลาว่างจากการทำงาน การอยู่ในรถติดแต่ละวัน
เหล่านี้ก็ทำให้เราหาเวลาไปออกกำลังกายได้ลำบากเต็มที
ผมขอเริ่มบอกวิธีของผมเลยนะครับ บางคนอาจจะขำหรือประณามผมก็ได้ เพราะมันอาจจะดูน่าหัวเราะเยาะ
พอดีช่วงนี้ลูกชายผม (4 ขวบ) ก็ชอบอ่านหนังสือมากๆ มาพักนึงแล้วครับ (พวกนิทาน นิยาย)
ผมจะอ่านแต่เล่มที่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนแม่เค้าอ่านเล่มที่เป็นภาษาไทย เพราะบ้านเราเลี้ยงแบบ
Bilingual ผมจะไม่พูดภาษาไทยเลย (เหมือนเล่านอกเรื่องไปนิดครับ)
แล้วช่วงนี้ หนังสือใหม่ Se-ed มาเพียบเลยที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมก็อ่านให้ลูกฟังทุกเล่มทุกคืน
ครับ อ่านทุกแนวเลย แม้กระทั่ง Bram Stoker's Dracula ลูกชายชอบมากครับ ปกติจะนอน 2 ทุ่มทุกวัน
แต่วันนั้น แกไม่ยอมให้ผมเลิกอ่านจนกว่าจะจบตั้ง 5 ทุ่ม
ผมก็หาวิธีไม่ให้หมกมุ่นมานานแล้วล่ะครับ ภรรยาจะไม่ค่อยชอบเรื่องอย่างว่า แต่ผมชอบแบบผู้ชายทั่วไปครับ
ซึ่งมันก็เกี่ยวกับหนังสือ Dracula นี่แหล่ะครับ สักพักนึงหลังจากผมอ่านเรื่อง Dracula ให้ลูกฟัง
ผมก็ยังคงมีงานที่ทำไม่เสร็จเหมือนเดิม หมดเวลาไปกับเรื่องอย่างว่าบ้างอะไรบ้าง
มาวันนึงผมก็นึกถึงฉากที่ โจนาธาน ฮาร์เกอร์ จะถูกแวมไพร์สาวสวย 3 ตนรุมดูดเลือด
ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้อยู่แล้วว่ามันแปลกๆ แต่ก็ทนความสวยเย้ายวลไม่ไหวเกือบจะโดนดูดเลือดถ้า Dracula
ไม่เข้ามาขวางซะก่อน
สมองผมก็โยงไปถึงเรื่องแมลงมุมพันธ์นึงที่ตัวเมียจะฆ่าตัวผู้หลังจากที่ผสมพันธ์กันแล้ว
แล้วผมก็เคยเห็นเรื่องที่ผู้หญิงสามารถออกัสซั่มได้เรื่อยๆ เป็นร้อยครั้งแบบต่อเนื่องก็มีมาแล้ว
(เค้าว่า 200-300 ครั้ง มีผู้ชายรุมเธอเยอะมากๆ) ผู้หญิงก็ไม่ได้เป็นอะไร
(แต่คงไม่ทุกคนเพราะแฟนผมแค่ 2 ครั้งสลบหลับเป็นตายครับ) ส่วนถ้าเป็นผู้ชาย เราจะได้ยินข่าว
ผู้ชายตายมานับต่อนับ เพราะออกัสซั่มถี่เกินไป 15-20 ครั้งก็สามารถขึ้นสวรรค์ได้
ครับ ความคิดในสมองผมก็จับเรื่องราวเหล่านี้โยงเข้าด้วยกัน
ผมเคยเหมือนกับผ่านตาว่าบางตำนานเกี่ยวกับ Vampire ในบางท้องที่ แวมไพร์จะมีเฉพาะผู้หญิง
(แล้วผมก็เพิ่งเปิดวิกิเพื่อยืนยันเรื่องนี้เมื่อกี้ว่า เหมือนจะใช่ ตำนานแวมไพร์แรกๆ เช่น Lilith เป็นต้นซึ่งเป็นเรื่องที่
โบราณกาลมากๆ) ในตอนนั้นความคิดในหัวผมโยงไปว่า หรือว่าคนที่คิดเรื่องตำนานแวมไพร์ขึ้นมา
นอกจากเรื่องโรคระบาดที่เรารู้ๆ กัน ความจริงลักษณะของเพศหญิงก็คล้ายกันกับแวมไพร์นี่นา
เพราะการที่ผู้ชายหลั่งออกมาหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งหลังจากนั้นร่างกายก็จะหมดเรี่ยวหมดแรง
โดยพลันเพราะน้ำ แร่ธาตุ เกลือแร่ วิตามินอะไรต่างๆ จะต้องถูกดึงหรือถูกสูบออกไปจากร่างกาย
เพื่อการนี้ และผู้หญิงเป็นฝ่ายที่ได้รับตรงนี้ไป
นอกจากนี้ ลักษณะของผู้หญิงก็ยังเหมือนกับการ seduction ของ Vampire ทุกประการ
ถ้าดูหนังมามากๆ แวมไพร์แม้จะเป็นผู้ชาย ก็จะมีสเน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามแบบมหาศาล ตรงนี้ก็จะ
ตรงกับธรรมชาติที่ให้สเน่ห์กับผู้หญิงมา ซึ่งบางครั้งเพียงแค่มองด้วยสายตาก็สามารถดึงดูดได้แล้ว
(ผู้ชายน้อยคนอาจจะมีพลังดึงดูดแบบนั้น) สรุปแล้ว ฝ่ายชายดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเสียพลังงาน
มากกว่า เสียเปรียบอีกฝ่ายมากกว่า แต่นี้เป็นคนล่ะเรื่องกับ ผู้ชายที่ไม่ข่มเหง ปล้ำข่มขืนหญิงนะครับ
ผมจึงทดสอบดูโดยการไปเดินห้าง ถ้าเห็นสาวสวยถูกสเป็ค ให้คิดว่าเธอเป็น Vampire
บางคนหน้าขาวใส ปากแดงน่ารักจิ้มลิ้ม ซึ่งพอคิดให้ดีจริงๆ นี่ก็เป็นลักษณะรูปพรรณของ Vampire
ยิ่งผู้หญิงที่แต่งตัวแต่งหน้าเยอะ ก็ยิ่งเข้าข่าย แล้วเมื่อพอสมองสั่งการว่า นี่ก็คือแวมไพร์นะ
ความสนใจ จิตใจที่จดจ่อ เพ่งสนใจที่สาวสวยแบบที่ปกติเคยเป็น ก็หายไปหมดสิ้นเลยครับ
ตอนนี้ไม่ว่าจะมองสาวสวยคนไหนก็ตัดได้หมดเลย จิตใจกลับมาจดจ่อที่เรื่องอื่นได้สบายๆ
เหมือนกับเรารู้เนื้อรู้ตัวว่า เราจะต้องเสียเลือดให้กับสิ่งนี้ (สาวแวมไพร์) แล้วผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง
ก็เกิดขึ้นครับ ผมเริ่มมองผู้ชาย.....เอ้ย!!! ไม่ใช่ครับ เล่นมุกๆ ผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึงก็คือ
ภรรยาผมดูสวยขึ้นมาเฉยเลยครับ แล้วผมก็ทรงพลังมากขึ้น ผมมีอะไรกับเธอก็
คึกคักขึ้นมีความทนทำได้ยาวนานขึ้น มีสมาธิกับเธอมากขึ้น แถมตอนถึงจุดสุดยอด
ผมไม่สนใจที่จะปล่อยน้ำเลยครับ แต่ผมก็มีความสุขที่ทำให้เธอมีความสุขถึงจุดสุดยอดได้
เหมือนกับว่าผมรู้สึกว่าการปล่อยน้ำไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เท่ากับการรักษาสุขภาพของตัวเอง
(เปรียบเสมือนไม่ปล่อยให้แวมไพร์มาดูดเลือดเรา)
มันเป็นวิธีที่น่าขำมากเลยใช่มั้ยครับ แล้ววิธีแบบนี้นี่นะที่จะเอามาโพสท์ในบอร์ดสาธารณะ
มันไร้สาระมากไปมั้ย แต่ผมอยากจะบอกว่า ผมพยายามบอกความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่าง
ละเอียดที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวผมบ้างครับ และคิดว่า แต่ล่ะคนก็อาจจะมีวิธีคิดแบบอื่นแตกต่างจากนี้
ได้ แล้วสามารถระงับมันได้ สำหรับคนที่เข้าขั้น immortal ทำ 7-8 น้ำ 15 น้ำ ไม่รู้สึกเหนื่อย ทำงานได้
สุดยอดไม่มีขาดตกบกพร่องก็คงเป็นคนๆ ละแบบๆ ผมครับ ซึ่งผมต้องซูฮกในความสุดยอดนั้น
ดังนั้นผมต้องการสื่อไปถึงคนที่มีปัญหาคล้ายๆ กันกับผมมากกว่าครับ
ผมไม่แน่ใจว่านี่คือวิธีการรักษาโรคติดเซ็กซ์ด้วยตัวเองอย่างหนึ่งรึเปล่านะครับ
เพราะผมอาจจะไม่ได้ถึงขั้นติดเซ็กซ์ แต่ที่ผ่านมาแค่นี้ก็ลำบากแล้ว แต่ช่วงวัยรุ่นผมก็
เหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้ามากๆ อยู่พักนึงนะครับ แต่ก็ผ่านมาได้ ฝึกฝนให้ตัวเองคิดบวกกลับมาได้
กับได้ฟังผู้รู้เจ๋งๆ หลายๆ ท่าน (แต่ผมก็เชื่อว่าถ้าอาการพวกนี้เป็นหนักจริงๆ ก็คงช่วยตัวเองไม่ไหวแน่ครับ)