SEOUL STATION
Director: Sang-ho Yeon
มีการเปิดเผยเนื้อเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หรือ ไม่อ่าน ....
ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนมากจะมองว่า SEOUL STATION ค่อนข้างน่าเบื่อ หรือ น่ารำคาญ เพราะบริบทของหนังมันเล่าในมุม "ชนชั้นล่าง" ตัวละครเอกของเรื่องมีแต่
- แมงดา - คนจรจัด - พนักงานกะกลางคืน ซึ่งนับได้ว่าเป็นคนชายขอบและเป็นบุคคลประเภทที่ "ชนชั้นกลาง" มองว่าพวกเขา "น่ารำคาญ" เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และแน่นอนว่าการจะทำให้ตัวละคร "ชนชั้นล่าง" ฉลาดแบบตัวละครชนชั้นกลาง (นักธุรกิจ-คุณพ่อผู้จัดการกองทุนธนาคาร-นักเรียนมัธยมที่กำลังไปแข่งกีฬา) ใน TRAIN TO BUSAN ก็ดูจะไม่เข้ากับบริบทของหนังเท่าไหร่
บริบทของหนังที่เล่าเรื่องของชนชั้นล่าง ไม่น่าแปลกใจว่าตั้งแต่ฉากคนจรจัดที่พยายามจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้ช่วยเหลือพี่ชายตัวเองนั้นจะเป็นเหตุการณ์ที่แทบไม่ได้รับการเยียวยา ที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือขนาดคนจรจัดด้วยกันเองยัง "แบ่งเขต แบ่งพื้นที่" ในการรับความช่วยเหลืออีกต่างหาก เรียกได้ว่ามันเป็นการกดทับกันระหว่างชนชั้นกันเองอีกต่อหนึ่งก็ไม่ผิดนัก (ซึ่งตัวละครคนจรจัดก็ถูกออกแบบมาให้ดูเป็น "ภาระของสังคม" เช่นกัน)
เราเชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่จะรำคาญนางเอกของเรื่องอย่างเฮซอน โสเภณีที่อยู่ภายใต้การดูแลของแมงดา (ในคราบเนิร์ดแฟนตัวเอง) ซึ่งทั้งสองต่างก็โยงใยกันในฐานะ เห็บกับสุนัข พวกเขาขาดกันไม่ได้เพราะท้ายที่สุดทั้งสองก็เชื่อมโยงกันด้วยสายใยบางๆ ซึ่งไม่ใช่ความรักและไม่ใช่ความใคร่อีกเช่นกัน แต่ก็ขาดกันและกันไม่ได้ (จากที่เราได้เห็นจากฉากที่ตัวละครพยายามโทรศัพท์หากัน แม้ว่าพวกเขาจะโกรธและทะเลาะกันใหญ่โตก่อนหน้านี้ก็ตาม)
ถ้าตัวละคร "หญิง" ใน TRAIN TO BUSAN จะเป็นตัวละครประเภท Helpless Character (ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องรอความช่วยเหลือจากผู้ชาย) ตัวละครหญิงอย่าง เฮซอน ยิ่งขยี้บริบทความเป็นผู้หญิงในสังคมเกาหลีให้เห็นได้ชัดกว่าเดิม ในทุกฉากการเอาตัวรอดของเฮซอน ทุกฉากเธอได้รับความช่วยเหลือจากตัวละคร "ชาย" ทั้งนั้น ตั้งแต่ฉากการหนีครั้งแรกจนถึงช่วงไคลแมกซ์ น้อยฉากมากที่ตัวละครนี้จะหนีด้วย "ตัวเอง" และความน่ารำคาญ (ที่เราเข้าใจได้) ว่าทำไมตัวละครนี้ต้อง ร้องไห้ โวยวาย อยู่เนืองๆ ลองอยากให้มองในมุมกลับดูว่า ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่มีสมองและคิดได้ เธอคงไม่พาตัวเองมาอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบในหนังอย่างแน่นอน
อันที่จริงถ้าจะบอกว่า SEOUL STATION เป็นภาคต่อของ TRAIN TO BUSAN ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะสุดท้ายเราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า "ที่มา" ของเรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นที่ไหน จริงๆควรเรียกว่ามันเป็น Side Story หรือเหตุการณ์ที่เกิดช่วงใกล้เคียงกับ TRAIN TO BUSAN มากกว่า
จากบรรทัดนี้มีการเปิดเผยส่วนสำคัญของหนัง
อีกตัวละครที่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "คุณลุงจรจัด" ที่เรียกได้ว่าเป็นสหายหนีตายกับเฮซอน ในฉากสำคัญของเรื่องนั่นก็คือฉากที่ทางการเลือกใช้ กฏอัยการศึกขั้นสูงสุด นั่นหมายถึงการใช้อาวุธปราบปราบประชาชน ฉากที่คุณลุงคนนี้โดน "ทหารยิงตาย" จึงเป็นภาพความรุนแรง ในระดับที่ว่าถ้าเปลี่ยนจากแอนิเมชั่นเป็นหนังคนแสดง นี่คือความรุนแรงในระดับสมจริงสมจังในระดับที่มนุษย์ฆ่าแกงกันเอง
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว หนังก็พาคนดูไปสู่การเปรียบเทียบและเสียดสีอย่างชัดเจนที่สุด เมื่อไคลแมกซ์ของเรื่องเฮซอนที่หนีตายไปอยู่ในแกลอรี่ของคอนโดระดับไฮเอนท์ที่เปิดแสดงตัวอย่างห้องในแบบต่างๆ มีฉากที่ตัวละครนี้ลูบสัมผัสเฟอร์นิเจอร์และฟุบตัวลงนอน และหนังก็ใช้การแทนสายตาว่าเธอนั้นโหยหา "จิตนาการ" ที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริงกับคนอย่างเธอได้เลย แกลอรี่แห่งนี้เป็นได้แค่ฝันที่เธอไม่มีวันจะได้มันมา เช่นเดียวกันกับแฟนหนุ่ม(แมงดาของเธอ) หรือกระทั่งพ่อ(เล้า) ของเธอเองก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว การที่ผู้หญิงหรือคนอย่างเฮซอนจะลุกขึ้นมามีอำนาจหรือทัดเทียมกับผู้ชาย นั่นหมายความว่าเธอต้อง "ตาย" และกลายเป็นซอมบี้เท่านั้น (ฉากสุดท้ายเธอกลายเป็นซอมบี้และขึ้นคร่อมพ่อเล้าตัวเองก่อนจะฆ่าเขา) ก่อนที่เรื่องราวของหนังจะจบลง
ทั้งหมดทั้งมวลคือ SEOUL STATION เป็นด้านที่มืดกว่า TRAIN TO BUSAN ที่ท้ายที่สุดแล้วชนชั้นกลางก็คงได้แต่เกาหัวและเหนื่อยหน่ายกับความไร้สมองของตัวละคร ที่เราไม่มีวันเข้าใจสภาวะของคนเหล่านี้จริงๆ แต่สิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ทำ อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด "เท่าที่พวกเขา" จะหาทางออกให้กับชีวิตพวกเขาจริงๆ แล้วก็ได้
#SEOULSTATION
#PrettyPlasalid
ชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ละครเวที พากิน พาเที่ยว ฝากตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับ
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[CR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] SEOUL STATION - ด้านมืดของ TRAIN TO BUSAN
SEOUL STATION
Director: Sang-ho Yeon
มีการเปิดเผยเนื้อเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หรือ ไม่อ่าน ....
ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนมากจะมองว่า SEOUL STATION ค่อนข้างน่าเบื่อ หรือ น่ารำคาญ เพราะบริบทของหนังมันเล่าในมุม "ชนชั้นล่าง" ตัวละครเอกของเรื่องมีแต่ - แมงดา - คนจรจัด - พนักงานกะกลางคืน ซึ่งนับได้ว่าเป็นคนชายขอบและเป็นบุคคลประเภทที่ "ชนชั้นกลาง" มองว่าพวกเขา "น่ารำคาญ" เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และแน่นอนว่าการจะทำให้ตัวละคร "ชนชั้นล่าง" ฉลาดแบบตัวละครชนชั้นกลาง (นักธุรกิจ-คุณพ่อผู้จัดการกองทุนธนาคาร-นักเรียนมัธยมที่กำลังไปแข่งกีฬา) ใน TRAIN TO BUSAN ก็ดูจะไม่เข้ากับบริบทของหนังเท่าไหร่
บริบทของหนังที่เล่าเรื่องของชนชั้นล่าง ไม่น่าแปลกใจว่าตั้งแต่ฉากคนจรจัดที่พยายามจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้ช่วยเหลือพี่ชายตัวเองนั้นจะเป็นเหตุการณ์ที่แทบไม่ได้รับการเยียวยา ที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือขนาดคนจรจัดด้วยกันเองยัง "แบ่งเขต แบ่งพื้นที่" ในการรับความช่วยเหลืออีกต่างหาก เรียกได้ว่ามันเป็นการกดทับกันระหว่างชนชั้นกันเองอีกต่อหนึ่งก็ไม่ผิดนัก (ซึ่งตัวละครคนจรจัดก็ถูกออกแบบมาให้ดูเป็น "ภาระของสังคม" เช่นกัน)
เราเชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่จะรำคาญนางเอกของเรื่องอย่างเฮซอน โสเภณีที่อยู่ภายใต้การดูแลของแมงดา (ในคราบเนิร์ดแฟนตัวเอง) ซึ่งทั้งสองต่างก็โยงใยกันในฐานะ เห็บกับสุนัข พวกเขาขาดกันไม่ได้เพราะท้ายที่สุดทั้งสองก็เชื่อมโยงกันด้วยสายใยบางๆ ซึ่งไม่ใช่ความรักและไม่ใช่ความใคร่อีกเช่นกัน แต่ก็ขาดกันและกันไม่ได้ (จากที่เราได้เห็นจากฉากที่ตัวละครพยายามโทรศัพท์หากัน แม้ว่าพวกเขาจะโกรธและทะเลาะกันใหญ่โตก่อนหน้านี้ก็ตาม)
ถ้าตัวละคร "หญิง" ใน TRAIN TO BUSAN จะเป็นตัวละครประเภท Helpless Character (ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องรอความช่วยเหลือจากผู้ชาย) ตัวละครหญิงอย่าง เฮซอน ยิ่งขยี้บริบทความเป็นผู้หญิงในสังคมเกาหลีให้เห็นได้ชัดกว่าเดิม ในทุกฉากการเอาตัวรอดของเฮซอน ทุกฉากเธอได้รับความช่วยเหลือจากตัวละคร "ชาย" ทั้งนั้น ตั้งแต่ฉากการหนีครั้งแรกจนถึงช่วงไคลแมกซ์ น้อยฉากมากที่ตัวละครนี้จะหนีด้วย "ตัวเอง" และความน่ารำคาญ (ที่เราเข้าใจได้) ว่าทำไมตัวละครนี้ต้อง ร้องไห้ โวยวาย อยู่เนืองๆ ลองอยากให้มองในมุมกลับดูว่า ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่มีสมองและคิดได้ เธอคงไม่พาตัวเองมาอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบในหนังอย่างแน่นอน
อันที่จริงถ้าจะบอกว่า SEOUL STATION เป็นภาคต่อของ TRAIN TO BUSAN ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะสุดท้ายเราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า "ที่มา" ของเรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นที่ไหน จริงๆควรเรียกว่ามันเป็น Side Story หรือเหตุการณ์ที่เกิดช่วงใกล้เคียงกับ TRAIN TO BUSAN มากกว่า
จากบรรทัดนี้มีการเปิดเผยส่วนสำคัญของหนัง
อีกตัวละครที่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "คุณลุงจรจัด" ที่เรียกได้ว่าเป็นสหายหนีตายกับเฮซอน ในฉากสำคัญของเรื่องนั่นก็คือฉากที่ทางการเลือกใช้ กฏอัยการศึกขั้นสูงสุด นั่นหมายถึงการใช้อาวุธปราบปราบประชาชน ฉากที่คุณลุงคนนี้โดน "ทหารยิงตาย" จึงเป็นภาพความรุนแรง ในระดับที่ว่าถ้าเปลี่ยนจากแอนิเมชั่นเป็นหนังคนแสดง นี่คือความรุนแรงในระดับสมจริงสมจังในระดับที่มนุษย์ฆ่าแกงกันเอง
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว หนังก็พาคนดูไปสู่การเปรียบเทียบและเสียดสีอย่างชัดเจนที่สุด เมื่อไคลแมกซ์ของเรื่องเฮซอนที่หนีตายไปอยู่ในแกลอรี่ของคอนโดระดับไฮเอนท์ที่เปิดแสดงตัวอย่างห้องในแบบต่างๆ มีฉากที่ตัวละครนี้ลูบสัมผัสเฟอร์นิเจอร์และฟุบตัวลงนอน และหนังก็ใช้การแทนสายตาว่าเธอนั้นโหยหา "จิตนาการ" ที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริงกับคนอย่างเธอได้เลย แกลอรี่แห่งนี้เป็นได้แค่ฝันที่เธอไม่มีวันจะได้มันมา เช่นเดียวกันกับแฟนหนุ่ม(แมงดาของเธอ) หรือกระทั่งพ่อ(เล้า) ของเธอเองก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว การที่ผู้หญิงหรือคนอย่างเฮซอนจะลุกขึ้นมามีอำนาจหรือทัดเทียมกับผู้ชาย นั่นหมายความว่าเธอต้อง "ตาย" และกลายเป็นซอมบี้เท่านั้น (ฉากสุดท้ายเธอกลายเป็นซอมบี้และขึ้นคร่อมพ่อเล้าตัวเองก่อนจะฆ่าเขา) ก่อนที่เรื่องราวของหนังจะจบลง
ทั้งหมดทั้งมวลคือ SEOUL STATION เป็นด้านที่มืดกว่า TRAIN TO BUSAN ที่ท้ายที่สุดแล้วชนชั้นกลางก็คงได้แต่เกาหัวและเหนื่อยหน่ายกับความไร้สมองของตัวละคร ที่เราไม่มีวันเข้าใจสภาวะของคนเหล่านี้จริงๆ แต่สิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ทำ อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด "เท่าที่พวกเขา" จะหาทางออกให้กับชีวิตพวกเขาจริงๆ แล้วก็ได้
#SEOULSTATION
#PrettyPlasalid
ชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ละครเวที พากิน พาเที่ยว ฝากตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับ https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/