ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่เคยเล่นพันทิปเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเข้ามาหาข้อมูลจากผู้รู้ที่เข้ามาแนะนำ แต่ค้นหามาประมาณ ยี่สิบกระทู้ยังก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้
ปัญหาของเราเกิดเมื่อปี 2557 ในวันที่กำลังจัดทำบุญศพป้าวันที่ 2 เหมือนละครน้ำเน่าที่เราไม่คิดว่าจะเกิดกับครอบครัวเราเลยค่ะ อยู่ๆก็มีการประกาศพร้อมโชว์เอกสารว่าหลานที่ป้าเลี้ยงตั้งแต่เด็กเป็นลูกบุญธรรมของป้า ตั้งแต่ปี 2542
แล้วปัญหาก็เริ่มตามมา จนถึงตอนนี้ ยังไม่จบเลยค่ะ เริ่มเลยนะคะ
ตายายเรามีที่ดิน 1 ผืนค่ะ ที่ดินตรงนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ ที่ราคาค่อนข้างสูงในจังหวัด บนที่ดินสร้างตึกแถวทั้งหมด 6 ห้อง และมีบ้านไม้สร้างไว้ด้านหลังตึกแถวบนที่ดินนี้เช่นกัน
ตายายมีลูกทั้งหมด 5 คน
ลูกคนที่ 1 (เสียชีวิตแล้ว ปี 2542) มีลูกสาว 1 คน ชื่อ นางสาว กอ แม่นางสาวกอ ยังมีชีวิตอยู่แต่หย่ากับลุงมาตั้งแต่นางสาว กอยังเด็ก ลุงเลยเอา นางสาวกอ มาเลี้ยงที่บ้านไม้ มีป้ากับแม่เราช่วยดูแล
ลูกคนที่ 2 (เสียชีวิตแล้ว ปี 2537) ไม่มีลูกเมีย
ลูกคนที่ 3 เป็นป้าเราเองค่ะ (เสียชีวิต ปี2557) ไม่ได้แต่งงาน "แต่ นางสาว กอ เป็นลุกบุญธรรม"
ลูกคนที่ 4 แม่เราเองค่ะ (ยังมีชีวิตอยู่)มีเราเป็นลูกและน้องสาว
ลูกคนที่ 5 (เสียชีวิตแล้ว ปี 2538) มีลูกชาย 1 คน ชื่อ นายขอ
ตึกแถวทั้งหมดแต่ละห้องตาให้ลุกทุกคนคนละห้อง ส่วนห้องสุดท้ายเป็นของตา
เราขอเล่าเรื่องพื้นฐานครอบครัวเราก่อนนะคะ ขอเรียกพื้นที่ดินที่กำลังมีปัญหาว่า"บ้านปัญหา"
หลังจากที่ ตายาย ลูกคนที่ 1 2 และ 5 เสียชีวิตไป ที่นั้นป้าเราก็อาศัยอยู่ที่ตึกแถวห้องของป้าเปิดขายข้าวแกง ส่วนตึกห้องอื่นๆก็ปล่อยให้คนเช่า ป้าอยู่กับนางสาว กอ และนาย ขอ ในฐานะหลานทั้ง 2 คน พอเข้ามหาลัยนาย ขอ ก็ย้ายไป กทม. ส่วนนางสาว กอ ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ตอนนี้มีลูกแล้ว 4 คน และสามีคนใหม่ที่เพิ่งเห็นเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนใหญ่นางสาว กอ ไม่ค่อยอยู่บ้าน อ้างว่าไปทำงานต่างจังหวัด แต่หลายครั้งที่ป้าจะมาระบายความทุกข์ว่าไม่มีเงินเพราะหลานขอยืมไปซื้อนม จ่ายค่าเทอมลูก บางครั้งก็เอาลูกชาย 3 คนมาให้ป้าเลี้ยงที่บ้าน เราและแม่ชอบไปบ้านป้าช่วยเลี้ยงเด็กๆ ส่วนแม่เราแต่งงานก็ย้ายมาอยู่อีกบ้านแต่ออกไปขายของกับป้าที่บ้านปัญหาทุกวัน
ปัญหาเกิดหลังจากป้าเราเสียชีวิตเพราะมะเร็งปากมดลูกค่ะ ตอนที่ป่วยทั้งเราและแม่คอยพาไป รพ. และรับส่งหลาน(ลูกของนาสาว กอ)ไป รร. ส่วนนางสาว กอ เพิ่งจะกลับมาอยู่กับป้าพร้อมสามีประมาณ 5 เดือนก่อนป้าจะเสีย
วันที่ป้าเสีย ทั้งแม่เราและเรายังไม่ทันได้ร่ำลา ไปเยี่ยมวันสุดท้ายป้าก็ไม่มีอาการโคม่าใดๆ เช้าวันเสาร์นางสาวกอ ก็โทรมาบอกว่าป้าเสียแล้ว ครอบครัวเราจัดการงานศพ ทั้งวัด ทั้งโลง พิธีการทั้งหมด
เรื่องเริ่มเกิดวันที่ 2ของงานศพ นางสาวกอ มาขอเบิกค่ารักษาพยาบาลจากแม่เราประมาณแสนนึง กลางงาน แม่เราบอกว่ารองานเสร็จก่อนเดี่ยวแม่เราจะไปจัดการที่ รพ .ให้เอง เกิดการทะเลาะกันกลางงานศพ
นางสาว กอ ก็อ้างว่า "เธอเป็นลูกบุญธรรมของป้า จะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล พร้อมกับติดต่อป่าช้า" ในงานมีญาติอยู่กันหลายคน ทุกคนตกใจ เพราะท ี่ผ่านมาสามสิบกว่าปี เข้าใจว่าที่ป้าอยู่กับนางสาวกอในฐานะหลาน
และไม่เคยเปิดเผยหรือเรียกว่าแม่แต่อย่างใด นางสาวกอ เอาหลักฐานการเป็นลูกบุญธรรมมาให้ดู เอกสารทำเมื่อปี 2542
หลังจากป้าเราเสียไปแล้วเดือนนึงนางสาวกอ สามี(ที่เพิ่งคบกันมา 1 ปี)และลุกทั้ง 4 คน(ไม่ใช่ลูกของสามีคนปัจจุบัน)ก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ก่อนจะออกไป ได้ก่อเรื่องไว้ นางสาว กอ แอบไปเก็บค่าเช่าล่วงหน้ากับคนเช่าห้องกงสี ที่ตอนนี้แม่เราเป็นคนเก็บอยู่และบอกคนเช่าว่าส่วนสัญญาให้มาทำที่แม่
คนเช่าโทรมาบอกแม่ แม่โมโหมากเพราะเป็นเงินจำนวนมาก และทำแบบนี้ไม่ถูกต้องจะทำให้เสียความเชื่อมั่นในคนเช่า แม่เลยโทรไปคุยถามว่าทำไมต้องเก็บไปก่อน นางสาว กอ อ้างว่าเป็นค่าเทอมลุก แม่เลยบอกว่าทำไมไม่มาบอกกันดีๆ นางสาวกอพูดประมาณว่า ถ้าบอกแล้วครอบครัวเราจะช่วยเหลือหรอ มีแต่ตอกย้ำ ด่าว่า ที่นางสาวกอ ไม่เคยทำงานการ แล้วที่มาเลี้ยงลูกให้จะมาทวงบุญคุณหรือไง
สิ่งที่นางสาว กอ พูดดออกมา ทำให้เรา อึ้งว่าเขามีความคิดแบบนี้มานานแล้วหรอ เขาไม่เคยคิดว่าแม่เราที่เลี้ยงดูเขามาเป็นครอบครัวเดียวกับเขา เราแปลกใจอีกอย่างตรงที่นางสาวกอไม่เคยอยู่บ้านป้าเลย เหมือนไม่รักบ้านนี้
ช่วงก่อนๆแม่เราก็ออกไปดูแลบ้านป้าและบ้านไม้ตลอด เช่น กวาดบ้าน ให้อาหารหมา ที่ป้าเลี้ยงไว้ ประมาณเดือน พฤศจิกายน 2558 อยู่ๆๆนางสาว กอ ส่งไลน์มาหาแม่
เป็นภาพเอกสารแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกของป้า --- พอครอบครัวเราเห็นก็ยัง ง ง ง ง ว่าส่งมาให้ดูทำไม มีผลอะไร เพราะครอบครัวเราไม่ค่อยรู้กฎหมาย
แต่สำหรับเราเอง เป็นจุดเริ่มต้น หาข้อมูล ต่างๆๆ เพระคิดว่าสักวันมันต้องมีปัญหาใหญ่ตามมา เราหาข้อมูลเกี่ยวกับการรับเป็นบุตรบุญธรรม --- เอกสารคงเป็นเอกสารแท้เพราะมีลายเซ็นของป้าและนายอำเภอ อีกทั้งการรับเป็นบุตรบุญธรรมก็ไม่จำป็นต้องป่าวประกาศบอกใคร นั้นเขาก็ทำถูกแล้ว
" แต่เราสงสัยว่าทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ป้าถึงไม่เคยเอ่ยปากบอกแม่เลยทั้งที่เวลามีปัญหาอะไรป้ามักจะมาปรึกษาแม่เสมอ"
หลังจากที่เราหาข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว เราเลยไปปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัด ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าทำไมนางสาว กอ ถึงต้องแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เราได้ความรู้มาว่า
"ลูกบุญธรรม มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการรับมรดกเหมือนลูกแท้ๆจากสายเลือด " ดังนั้น ตอนนี้นางสาว กอ จะได้รับมรดกที่เป็นค่าเช่าตึก ในส่วนของ พ่อที่เป็นลูกคนที่ 1 / ส่วนของป้า ที่เป็นลูกคนที่ 3 /ส่วนของกงสี ที่เป็นของลูกคนที่ 2 และส่วนกงสีอีกห้องที่เป็นนชื่อของ ตา
นี่คือข้อมูลที่ไปปรึกษามา ทำให้ฉันเพิ่งเข้าใจ ว่านี่อาจเป็นความตั้งใจหรือความคิดมานานแล้วของนางสาวกอ ว่าเค้าจะได้อะไรบ้าง
เท่ากับว่าเขาได้ 50 % จากมรดกที่มีอยู่ ... . พ่อเราเลยปรึกษาแม่ว่าจะขอเรียกทายาทที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือ แม่เรา นางสาวกอ นายขอ มาประชุมตกลงแบ่งเพื่อความยุติธรรมในหมู่ญาติ แบ่งตึกเช่า
ทั้งหมด 6 ห้อง ให้เท่ากัน คือ คนละ 2 ห้องเท่าๆกัน ส่วนบ้านไม้ด้านหลัง มาซ่อมแซมเพื่อให้รุ่นลุกรุ่นหลานมาอยู่ด้วยกันในเครือญาติ เราเป็นคนจัดการนัดเจอประชุมกับญาติๆ โดยใช้มุขว่ามารับค่าเช่ากงสี (ซึ่งหลังจากป้าตายแม่ก็เป็นคนจัดการเก็บค่าเช่าห้องกงสีทั้ง 2 ห้อง) ในการประชุมเราก็พูดตามจุดประสงค์พร้อมมีการอัดเสียงไว้ ซึ่งนายขอ ก็เห็นด้วย ส่วนนางสาว กอ พูดแต่ว่า "ตามสิทธิ์ที่ได้"
แต่เราก็ขอร้องให้เห็นแก่แม่เราที่เคยเลี้ยงดูนางสาวกอ มาตั้งแต่เล็ก เห็นแก่นายขอ ที่ก่อนหน้าไม่เคยได้รับเงินกงสีสองห้องนี้ที่เป็นส่วนนของพ่อเขาเลย เพราะตอนที่ป้ายังมีชีวิตอยู่ ป้าเป็นคนเก็บและไม่เคยโอนเงินไปให้นายขอเลย
นางสาว กอ ตอบตกลง ด้วยความเชื่อใจไม่ได้มีการเซ็นเอกสารการประชุมใดๆ ทุกคนก็แยกย้าย พออีกวันมาเราพิมพ์เอกสารเรียกให้มาเซ็น ปรากฎว่านางสาว กอ ปิดโทรศัพท์หนี เราทั้งโทรทั้งส่งLine ทั้งโทรตามได้ประมาณ 3 วัน ไม่มีการตอบกลับใดๆ
สุดท้ายสามีของนางสาวกอ พิมพ์ตอบกลับมาว่า "ขอให้เป็นไปตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับนะครับ"
นายขอและเราเห็นข้อความนี้แล้ว โมโหมาก โมโหตรงที่ถ้าไม่ตอบรับตั้งแต่แรกทำไมไม่บอกมาตามตรง ทำไม 3วันที่ผ่านมาต้องปิดมือถือหนี โกหกว่ากำลังรักษาตัวที่รพ. เราไม่คิดว่าครอบครัวเรา และตึกเช่าที่อยู่กันมาสามสิบปีสักวันจะต้องมาเกิดปัญหา ตายายคงไม่คิดแบบนี้ช่นกัน ก็เลยไม่ได้แบ่งโฉนดๆเป็นสัดส่วน เพราะจปส. ของบรรพบุรุษคงอยากให้ยังอยู่กันในหมู่ญาติ ซึ่งก็เป็นมาตลอดจนลูกบุญธรรมคนนี้มาก่อเรื่อง เราไม่คิดเลยว่าครอบครัวเราจะต้องมาเจอปัญหากับคนโลภ
ปรึกษาผู้รู้หน่อยค่ะ .. มหากาพแบ่งมรดก ลูกบุญธรรม
ปัญหาของเราเกิดเมื่อปี 2557 ในวันที่กำลังจัดทำบุญศพป้าวันที่ 2 เหมือนละครน้ำเน่าที่เราไม่คิดว่าจะเกิดกับครอบครัวเราเลยค่ะ อยู่ๆก็มีการประกาศพร้อมโชว์เอกสารว่าหลานที่ป้าเลี้ยงตั้งแต่เด็กเป็นลูกบุญธรรมของป้า ตั้งแต่ปี 2542
แล้วปัญหาก็เริ่มตามมา จนถึงตอนนี้ ยังไม่จบเลยค่ะ เริ่มเลยนะคะ
ตายายเรามีที่ดิน 1 ผืนค่ะ ที่ดินตรงนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ ที่ราคาค่อนข้างสูงในจังหวัด บนที่ดินสร้างตึกแถวทั้งหมด 6 ห้อง และมีบ้านไม้สร้างไว้ด้านหลังตึกแถวบนที่ดินนี้เช่นกัน
ตายายมีลูกทั้งหมด 5 คน
ลูกคนที่ 1 (เสียชีวิตแล้ว ปี 2542) มีลูกสาว 1 คน ชื่อ นางสาว กอ แม่นางสาวกอ ยังมีชีวิตอยู่แต่หย่ากับลุงมาตั้งแต่นางสาว กอยังเด็ก ลุงเลยเอา นางสาวกอ มาเลี้ยงที่บ้านไม้ มีป้ากับแม่เราช่วยดูแล
ลูกคนที่ 2 (เสียชีวิตแล้ว ปี 2537) ไม่มีลูกเมีย
ลูกคนที่ 3 เป็นป้าเราเองค่ะ (เสียชีวิต ปี2557) ไม่ได้แต่งงาน "แต่ นางสาว กอ เป็นลุกบุญธรรม"
ลูกคนที่ 4 แม่เราเองค่ะ (ยังมีชีวิตอยู่)มีเราเป็นลูกและน้องสาว
ลูกคนที่ 5 (เสียชีวิตแล้ว ปี 2538) มีลูกชาย 1 คน ชื่อ นายขอ
ตึกแถวทั้งหมดแต่ละห้องตาให้ลุกทุกคนคนละห้อง ส่วนห้องสุดท้ายเป็นของตา
เราขอเล่าเรื่องพื้นฐานครอบครัวเราก่อนนะคะ ขอเรียกพื้นที่ดินที่กำลังมีปัญหาว่า"บ้านปัญหา"
หลังจากที่ ตายาย ลูกคนที่ 1 2 และ 5 เสียชีวิตไป ที่นั้นป้าเราก็อาศัยอยู่ที่ตึกแถวห้องของป้าเปิดขายข้าวแกง ส่วนตึกห้องอื่นๆก็ปล่อยให้คนเช่า ป้าอยู่กับนางสาว กอ และนาย ขอ ในฐานะหลานทั้ง 2 คน พอเข้ามหาลัยนาย ขอ ก็ย้ายไป กทม. ส่วนนางสาว กอ ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ตอนนี้มีลูกแล้ว 4 คน และสามีคนใหม่ที่เพิ่งเห็นเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนใหญ่นางสาว กอ ไม่ค่อยอยู่บ้าน อ้างว่าไปทำงานต่างจังหวัด แต่หลายครั้งที่ป้าจะมาระบายความทุกข์ว่าไม่มีเงินเพราะหลานขอยืมไปซื้อนม จ่ายค่าเทอมลูก บางครั้งก็เอาลูกชาย 3 คนมาให้ป้าเลี้ยงที่บ้าน เราและแม่ชอบไปบ้านป้าช่วยเลี้ยงเด็กๆ ส่วนแม่เราแต่งงานก็ย้ายมาอยู่อีกบ้านแต่ออกไปขายของกับป้าที่บ้านปัญหาทุกวัน
ปัญหาเกิดหลังจากป้าเราเสียชีวิตเพราะมะเร็งปากมดลูกค่ะ ตอนที่ป่วยทั้งเราและแม่คอยพาไป รพ. และรับส่งหลาน(ลูกของนาสาว กอ)ไป รร. ส่วนนางสาว กอ เพิ่งจะกลับมาอยู่กับป้าพร้อมสามีประมาณ 5 เดือนก่อนป้าจะเสีย
วันที่ป้าเสีย ทั้งแม่เราและเรายังไม่ทันได้ร่ำลา ไปเยี่ยมวันสุดท้ายป้าก็ไม่มีอาการโคม่าใดๆ เช้าวันเสาร์นางสาวกอ ก็โทรมาบอกว่าป้าเสียแล้ว ครอบครัวเราจัดการงานศพ ทั้งวัด ทั้งโลง พิธีการทั้งหมด
เรื่องเริ่มเกิดวันที่ 2ของงานศพ นางสาวกอ มาขอเบิกค่ารักษาพยาบาลจากแม่เราประมาณแสนนึง กลางงาน แม่เราบอกว่ารองานเสร็จก่อนเดี่ยวแม่เราจะไปจัดการที่ รพ .ให้เอง เกิดการทะเลาะกันกลางงานศพ
นางสาว กอ ก็อ้างว่า "เธอเป็นลูกบุญธรรมของป้า จะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล พร้อมกับติดต่อป่าช้า" ในงานมีญาติอยู่กันหลายคน ทุกคนตกใจ เพราะท ี่ผ่านมาสามสิบกว่าปี เข้าใจว่าที่ป้าอยู่กับนางสาวกอในฐานะหลาน
และไม่เคยเปิดเผยหรือเรียกว่าแม่แต่อย่างใด นางสาวกอ เอาหลักฐานการเป็นลูกบุญธรรมมาให้ดู เอกสารทำเมื่อปี 2542
หลังจากป้าเราเสียไปแล้วเดือนนึงนางสาวกอ สามี(ที่เพิ่งคบกันมา 1 ปี)และลุกทั้ง 4 คน(ไม่ใช่ลูกของสามีคนปัจจุบัน)ก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ก่อนจะออกไป ได้ก่อเรื่องไว้ นางสาว กอ แอบไปเก็บค่าเช่าล่วงหน้ากับคนเช่าห้องกงสี ที่ตอนนี้แม่เราเป็นคนเก็บอยู่และบอกคนเช่าว่าส่วนสัญญาให้มาทำที่แม่
คนเช่าโทรมาบอกแม่ แม่โมโหมากเพราะเป็นเงินจำนวนมาก และทำแบบนี้ไม่ถูกต้องจะทำให้เสียความเชื่อมั่นในคนเช่า แม่เลยโทรไปคุยถามว่าทำไมต้องเก็บไปก่อน นางสาว กอ อ้างว่าเป็นค่าเทอมลุก แม่เลยบอกว่าทำไมไม่มาบอกกันดีๆ นางสาวกอพูดประมาณว่า ถ้าบอกแล้วครอบครัวเราจะช่วยเหลือหรอ มีแต่ตอกย้ำ ด่าว่า ที่นางสาวกอ ไม่เคยทำงานการ แล้วที่มาเลี้ยงลูกให้จะมาทวงบุญคุณหรือไง
สิ่งที่นางสาว กอ พูดดออกมา ทำให้เรา อึ้งว่าเขามีความคิดแบบนี้มานานแล้วหรอ เขาไม่เคยคิดว่าแม่เราที่เลี้ยงดูเขามาเป็นครอบครัวเดียวกับเขา เราแปลกใจอีกอย่างตรงที่นางสาวกอไม่เคยอยู่บ้านป้าเลย เหมือนไม่รักบ้านนี้
ช่วงก่อนๆแม่เราก็ออกไปดูแลบ้านป้าและบ้านไม้ตลอด เช่น กวาดบ้าน ให้อาหารหมา ที่ป้าเลี้ยงไว้ ประมาณเดือน พฤศจิกายน 2558 อยู่ๆๆนางสาว กอ ส่งไลน์มาหาแม่
เป็นภาพเอกสารแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกของป้า --- พอครอบครัวเราเห็นก็ยัง ง ง ง ง ว่าส่งมาให้ดูทำไม มีผลอะไร เพราะครอบครัวเราไม่ค่อยรู้กฎหมาย
แต่สำหรับเราเอง เป็นจุดเริ่มต้น หาข้อมูล ต่างๆๆ เพระคิดว่าสักวันมันต้องมีปัญหาใหญ่ตามมา เราหาข้อมูลเกี่ยวกับการรับเป็นบุตรบุญธรรม --- เอกสารคงเป็นเอกสารแท้เพราะมีลายเซ็นของป้าและนายอำเภอ อีกทั้งการรับเป็นบุตรบุญธรรมก็ไม่จำป็นต้องป่าวประกาศบอกใคร นั้นเขาก็ทำถูกแล้ว
" แต่เราสงสัยว่าทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ป้าถึงไม่เคยเอ่ยปากบอกแม่เลยทั้งที่เวลามีปัญหาอะไรป้ามักจะมาปรึกษาแม่เสมอ"
หลังจากที่เราหาข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว เราเลยไปปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัด ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าทำไมนางสาว กอ ถึงต้องแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เราได้ความรู้มาว่า
"ลูกบุญธรรม มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการรับมรดกเหมือนลูกแท้ๆจากสายเลือด " ดังนั้น ตอนนี้นางสาว กอ จะได้รับมรดกที่เป็นค่าเช่าตึก ในส่วนของ พ่อที่เป็นลูกคนที่ 1 / ส่วนของป้า ที่เป็นลูกคนที่ 3 /ส่วนของกงสี ที่เป็นของลูกคนที่ 2 และส่วนกงสีอีกห้องที่เป็นนชื่อของ ตา
นี่คือข้อมูลที่ไปปรึกษามา ทำให้ฉันเพิ่งเข้าใจ ว่านี่อาจเป็นความตั้งใจหรือความคิดมานานแล้วของนางสาวกอ ว่าเค้าจะได้อะไรบ้าง
เท่ากับว่าเขาได้ 50 % จากมรดกที่มีอยู่ ... . พ่อเราเลยปรึกษาแม่ว่าจะขอเรียกทายาทที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือ แม่เรา นางสาวกอ นายขอ มาประชุมตกลงแบ่งเพื่อความยุติธรรมในหมู่ญาติ แบ่งตึกเช่า
ทั้งหมด 6 ห้อง ให้เท่ากัน คือ คนละ 2 ห้องเท่าๆกัน ส่วนบ้านไม้ด้านหลัง มาซ่อมแซมเพื่อให้รุ่นลุกรุ่นหลานมาอยู่ด้วยกันในเครือญาติ เราเป็นคนจัดการนัดเจอประชุมกับญาติๆ โดยใช้มุขว่ามารับค่าเช่ากงสี (ซึ่งหลังจากป้าตายแม่ก็เป็นคนจัดการเก็บค่าเช่าห้องกงสีทั้ง 2 ห้อง) ในการประชุมเราก็พูดตามจุดประสงค์พร้อมมีการอัดเสียงไว้ ซึ่งนายขอ ก็เห็นด้วย ส่วนนางสาว กอ พูดแต่ว่า "ตามสิทธิ์ที่ได้"
แต่เราก็ขอร้องให้เห็นแก่แม่เราที่เคยเลี้ยงดูนางสาวกอ มาตั้งแต่เล็ก เห็นแก่นายขอ ที่ก่อนหน้าไม่เคยได้รับเงินกงสีสองห้องนี้ที่เป็นส่วนนของพ่อเขาเลย เพราะตอนที่ป้ายังมีชีวิตอยู่ ป้าเป็นคนเก็บและไม่เคยโอนเงินไปให้นายขอเลย
นางสาว กอ ตอบตกลง ด้วยความเชื่อใจไม่ได้มีการเซ็นเอกสารการประชุมใดๆ ทุกคนก็แยกย้าย พออีกวันมาเราพิมพ์เอกสารเรียกให้มาเซ็น ปรากฎว่านางสาว กอ ปิดโทรศัพท์หนี เราทั้งโทรทั้งส่งLine ทั้งโทรตามได้ประมาณ 3 วัน ไม่มีการตอบกลับใดๆ
สุดท้ายสามีของนางสาวกอ พิมพ์ตอบกลับมาว่า "ขอให้เป็นไปตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับนะครับ"
นายขอและเราเห็นข้อความนี้แล้ว โมโหมาก โมโหตรงที่ถ้าไม่ตอบรับตั้งแต่แรกทำไมไม่บอกมาตามตรง ทำไม 3วันที่ผ่านมาต้องปิดมือถือหนี โกหกว่ากำลังรักษาตัวที่รพ. เราไม่คิดว่าครอบครัวเรา และตึกเช่าที่อยู่กันมาสามสิบปีสักวันจะต้องมาเกิดปัญหา ตายายคงไม่คิดแบบนี้ช่นกัน ก็เลยไม่ได้แบ่งโฉนดๆเป็นสัดส่วน เพราะจปส. ของบรรพบุรุษคงอยากให้ยังอยู่กันในหมู่ญาติ ซึ่งก็เป็นมาตลอดจนลูกบุญธรรมคนนี้มาก่อเรื่อง เราไม่คิดเลยว่าครอบครัวเราจะต้องมาเจอปัญหากับคนโลภ