ตอนยังเป็นเด็กเมื่อผมอายุครบ6เดือนทั้งพ่อแม่พากันไปทำงานต่างจังหวัด เเละทิ้งผมไว้ให้ลุงกะป้าเลี้ยงผมมา(แต่นี้ก็รู้สึกว่ามันค่อยไม่เท่าไร) จุดที่พีคที่สุดก็ตอนที่อยู่ป.4 ร.ร.พาไปดูงานเปิดบ้านวิชาการที่รร.มัธยมเเถวๆนั้นแต่ก็ห่างกันประมาณ 4-5 กม.ได้และตอนนั้นเป็นตอนที่เลิกงานคุณครูก็รวมนักเรียนกลับ แต่ผมลืมของไว้และบอกรุ่นพี่ที่อยู่ป.6ว่าบอกครูรอแปปหนึ่งน่ะลืมของ(ตอนนั้นน่าจะบอกครูไปน่ะ555) รุ่นก็เออออรับปากไป และผมก็วิ่งไปเอาของที่ลืมไว้ แต่พอกลับมาที่จุดรวมไม่เห็นมีใครเหลืออยู่เลย ผมเดินหาทั่วรร.แต่ก็ไม่เจอใครที่มาจากรร.เดียวกับผมเลย เมื่อไม่เจอใครผมก็เลยตัดสินใจเดินกลับเอง(ตอนนั้นน่าจะของให้ใครช่วยเนอะ)ตอนผมเดินไปก็ปลอบใจตัวเองว่าเดินไปๆไปถึงคุณครูต้องชมเราแน่ๆเลย(ภาษาเด็กอ่ะเนอะ)พอเดินไปถึงรร.ปุ๊ปเจอครูท่านหนึ่งถามว่ากินข้าวรึยัง(คุณครูท่านนี้ไม่รู้ว่าผมโดนทิ้ง)และผมก็เดินไปกินข้าวที่โรงอาหราตามปรกติคุณครูที่โรงอาหารก็ถามกันว่าหายไปไหนมา ผมก็ตอบไปว่า ผมลืมของครับแต่ผมบอกพี่เขาไว้เเล้ว ครูก็บอกว่า อ่อๆดีแล้วที่ไม่เป็นไร พอครูถามจบผมก็ไปเอาข้าวมากิน แต่ไม่รู้ว่าอะไรไปดลจิตดลใจให้ผมได้ยินคำที่พวกครูคุยกันจับใจความได้ว่า"มันโง่"อะไรงี้มั้งแต่ที่แน่ๆด่าผมนั้นเเหละครับ (แต่ด่าหลับหลัง หูทิพย์มันได้ยิน555)ได้ยินอย่างนั้นผมถึงกับกินข้าวไม่ลงเลยครับ เลยเอาจานไปล้าง เเล้วก็ขึ้นห้องเรียนไป พอขึ้นห้องเรียนไปเจอเพื่อนกับรุ่นพี่คุยกันอยู่ พอผมเดินเข้าไปเพื่อนก็ถามคล้ายๆครูนี้เเหละครับ เพื่อนก็เขามาปลอบ แล้วผมก็นึกถึงคำที่ครูพูด น้ำตาก็ไหลออกมา เพื่อนก็ปลอบใจ รุ่นพี่ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า เดินเเค่นี้พี่เดินบ่อยๆไม่เห็นจะต้องร้องไห้เลย เพื่อนบอกรุ่นพี่ว่า มันไม่ได้แค่เดินอย่างเดียวมันโดนทิ้งน่ะ จบภาคประถม
สมัยม.ต้น ผมอยู่ประมาณม.2มั้ง ตอนนั้นครูที่ปรึกษาบอกว่าอยากให้มีผู้ช่วยหัวหน้าห้องซักหนึ่งคน ใครอาสาบ้าง ผมก็ยกมือขึ้นเพราะว่าน่าจะทำหน้าที่นี้ได้ แต่มีงานๆหนึ่งที่ผมไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เป็นงานประชุมหน้าหน้าห้องมั้ง หัวหน้าก็ว่าง แต่ก็บอกว่าแกไปสิ อยากเป็นไม่ใช่หรอหัวหน้าห้องอ่ะ(เมื่อได้ยินคำนี้ผมคิดในใจว่าอ่าวเห้ย!!พูดอย่างกับว่ากูเสนอตัวนั้นแหละ ถ้ากูไม่ยกจะมีใครยกไหม #แหะๆระบายนิดหน่อย)หลังจากนั้นความกล้าเเสดงออกผมก็ค่อยลดลง เมื่อความกล้าแสดงออกลดลงมันส่งผลกระทบว่าอ่าว!!ตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนจริงๆเลยซักคน มีแค่เพื่อนร่มวห้องเท่านั้น และเมื่อขึ้นมาปลายมา รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นพวกเงาจ่างแล้วอ่ะ พอมีเพื่อนที่พอจะสนิทกัน ก็ต้องตามพวกเขา อย่างเช่นไปกินข้าวที่โรงอาหาร ทุกคนบอกกันแต่ยกเว้นผม T-T มันนอยด์จริงๆน่ะครับ
ปรกติผมไม่เล่นกีฬาแต่เพิ่งเริ่มเล่นตอนม.ปลาย เล่นป่วงงงงมากกกกก ทำให้ทุกคนเห็นผมล่ะเหนื่อย แต่มีวันหนึ่งผมรู้สึกว่าเฮ้ออออทำไมวันนี้มันรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าความเป็นเงาของเรามันเริ่มหายไป แต่ไม่ได้หายไปเพราะว่าโดดเด่นอะไร แต่รู้สึกว่าสายตารอบข้างพากันมองแบบเกลียดกันยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไม่เคยด่าใคร ว่าใคร แม้แต่เกลียดใครก็ยังไม่เคย หรือว่าเราทำตัวให้พวกเขาหมั่นไส้กัน ต้องแก้ไขยังไง ต้องทำยังไง เบื่อตัวเอง ทำอะไรไม่ได้เรื่องซักอย่าง ทั้งเรียน ทั้งกีฬา ทั้งกิจกรรม เกิดมาป่วงโลกจริงๆ 😢😢😥😥😥😥
อย่างนี้เขาเรียกว่าปมด้อยหรือว่าคิดไปเอง
สมัยม.ต้น ผมอยู่ประมาณม.2มั้ง ตอนนั้นครูที่ปรึกษาบอกว่าอยากให้มีผู้ช่วยหัวหน้าห้องซักหนึ่งคน ใครอาสาบ้าง ผมก็ยกมือขึ้นเพราะว่าน่าจะทำหน้าที่นี้ได้ แต่มีงานๆหนึ่งที่ผมไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เป็นงานประชุมหน้าหน้าห้องมั้ง หัวหน้าก็ว่าง แต่ก็บอกว่าแกไปสิ อยากเป็นไม่ใช่หรอหัวหน้าห้องอ่ะ(เมื่อได้ยินคำนี้ผมคิดในใจว่าอ่าวเห้ย!!พูดอย่างกับว่ากูเสนอตัวนั้นแหละ ถ้ากูไม่ยกจะมีใครยกไหม #แหะๆระบายนิดหน่อย)หลังจากนั้นความกล้าเเสดงออกผมก็ค่อยลดลง เมื่อความกล้าแสดงออกลดลงมันส่งผลกระทบว่าอ่าว!!ตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนจริงๆเลยซักคน มีแค่เพื่อนร่มวห้องเท่านั้น และเมื่อขึ้นมาปลายมา รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นพวกเงาจ่างแล้วอ่ะ พอมีเพื่อนที่พอจะสนิทกัน ก็ต้องตามพวกเขา อย่างเช่นไปกินข้าวที่โรงอาหาร ทุกคนบอกกันแต่ยกเว้นผม T-T มันนอยด์จริงๆน่ะครับ
ปรกติผมไม่เล่นกีฬาแต่เพิ่งเริ่มเล่นตอนม.ปลาย เล่นป่วงงงงมากกกกก ทำให้ทุกคนเห็นผมล่ะเหนื่อย แต่มีวันหนึ่งผมรู้สึกว่าเฮ้ออออทำไมวันนี้มันรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าความเป็นเงาของเรามันเริ่มหายไป แต่ไม่ได้หายไปเพราะว่าโดดเด่นอะไร แต่รู้สึกว่าสายตารอบข้างพากันมองแบบเกลียดกันยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไม่เคยด่าใคร ว่าใคร แม้แต่เกลียดใครก็ยังไม่เคย หรือว่าเราทำตัวให้พวกเขาหมั่นไส้กัน ต้องแก้ไขยังไง ต้องทำยังไง เบื่อตัวเอง ทำอะไรไม่ได้เรื่องซักอย่าง ทั้งเรียน ทั้งกีฬา ทั้งกิจกรรม เกิดมาป่วงโลกจริงๆ 😢😢😥😥😥😥