วิพากษ์ด้วยสถิติ เพื่อหาคู่แข่งตัวฉกาจของหงส์แดง
ด้วยฟอร์มที่เฉิดฉาย ภายใต้โปรแกรมการแข่งขันที่โหดหินที่ลิเวอร์พูลต้องเผชิญในช่วงต้นของซีซั่น ทำให้ปัจจุบันบ่อนพนันถูกกฎหมายในอังกฤษปรับราคาให้หงส์แดงขยับมานั่งแท่น "
เต็งสอง" รองจากแมนเชสเตอร์ซีตี้เพียงทีมเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่า บรรดากูรูเกจิลูกหนังที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนันบนแผ่นดินอังกฤษเอง นั้นวิเคราะห์ตัวเลขข้อมูลทางสถิติ ความน่าจะเป็นแล้ว ลงความเห็นร่วมกันว่า
ฟอร์มที่ผ่านมาของหงส์แดงนั้นเป็นของจริง และน่ากลัวพอที่จะเขย่าบัลลังค์แชมป์พรีเมียร์ลีคปีนี้ได้
ตัวผมเองในฐานะที่ชอบดูข้อมูลสถิติด้านต่างๆ มาใช้ประกอบการคิดวิเคราะห์ โดยอ้างอิงเหตุและผลตามตัวเลขและสถิติที่มีการบันทึกไว้ ก็จะขอลองแสดงทัศนะความเห็นในเชิงตัวเลขและสถิติดูบ้าง ว่าเหตุใดทางบ่อนพนันถูกกฎหมายเหล่านี้ จึงขยับราคาปรับอัตตราการต่อรองของการครองแชมป์ของทีมลิเวอร์พูลขึ้นมาจากทีมระดับปลายหางตา(อันดับ 5-6 ตอนก่อนเริ่มต้นฤดูกาล) มาเป็นทีมที่มองข้ามไม่ได้ในเวลานี้
ทั้งที่คะแนนในตาราง ณ ปัจจุบันก็ยังเป็นรองทีม”
เต็งหาม นอนมา”อย่างแมนฯ ซิตี้ ของเป็บ กวาดิโอร่า ตั้ง 5 คะแนน เป็นรองทีมขนาดกลางฟอร์มแกร่งอย่าง เอฟเวอร์ตัน และสเปอร์อีกด้วย อยู่ลับ 6 มี 10 แต้มเท่ากับอีกสองทีมแกร่งอย่าง เซลซีและอาเซนอล แต่กลับถูกยกให้เป็นเต็งสองด้วยราคา 6/1 (แทง1 ได้6 ไม่รวมทุน) น้อยกว่าทั้งเซลซีและอาเซนอลที่ตอนต้นฤดูกาลถูกวางให้เป็นทีมเต็ง3 เต็ง4 ตามลำดับ
แต่บทความนี้ จะไม่คิดและวิเคราะห์ในแบบที่บ่อนพนันถูกกฎหมายคิดและตีค่าออกมาเป็นราคาต่อรอง เพราะบ่อนพนันเหล่านั้น ใช้แนวคิดเรื่องกำไรขาดทุนเป็นเกณฑ์หลักในการชี้วัดและออกราคาต่อรองต่างๆ มากกว่าจะใช้ข้อมูลด้านสถิติรวมทั้งความเชื่อมั่นในผลงานของแต่ล่ะทีมเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผมกำลังจะคิดวิเคราะห์และแสดงทัศนะในบทความนี้ โดยอาศัยปัจจัยหลักทางสถิติที่ทำให้ผลงานของลิเวอร์พูลภายใต้การทำทีมของคล็อป ทะยานผ่านช่วงยากลำบากของโปรแกรมการแข่งขันที่โหด หินกว่าทีมเต็งอื่นๆในช่วงต้นของฤดูกาล
ปัจจัยหนึ่งเดียวที่ผมค้นพบเมื่อมองตัวเลขทางสถิติของลิเวอร์พูล ที่ก่อให้เกิดนัยยะสำคัญ คือการวิ่ง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของสิ่งที่แฟนบอลขนานนามวิธีการเล่นของลูกทีมของคล็อปว่า “เกเก้น เพลสซิ่ง” จากสถิติ 4 นัดแรกของพรีเมียร์ลีคที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลคือทีมที่วิ่งมากที่สุดของพรีเมียร์ลีค
(ชี้แจงสักนิดว่า ทั้งสองข้อมูลที่นำมาประกอบในบทความนี้ เพราะหาข้อมูลอัพเดท 5 นัดไม่ได้ จึงขอใช้ตัวเลขย้อนหลังไป 1 นัดนะครับ)
และลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมเดียว ที่มีสถิติการวิ่งรวมกันของนักเตะมากว่าคู่แข่งในทุกนัดที่ลงเล่น และเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเหลือเชื่อที่ค่าเฉลี่ยการวิ่งรวมของนักเตะหงส์แดง
จะมากกว่าคู่ต่อสู้อยู่ที่ประมาณ 8-9 กิโลเมตร ในแต่ล่ะนัดที่ผ่านมาเสมอ
ซึ่งมาจาก 3 นักเตะกำลังสำคัญ อย่าง ฟีมีโน่ ลัลลาน่า เฮนเดอร์สัน เมื่อทั้งสามคนเป็นนักเตะที่วิ่งเยอะที่สุด อยู่ใน 10 อันดับแรกของผู้เล่นในพรีเมียร์ลีค ที่เคยรู้กันว่า มิลเนอร์เป็นผู้เล่นที่วิ่งเยอะที่สุดในทีมนั้น เป็นค่าเฉลี่ยจากจำนวนการเล่นอาชีพในพรีเมียร์ลีคทั้งหมด ไม่ได้เป็นสถิติของฤดูกาลนี้ แต่ถึงยังไง มิลเนอรืแม้ถูกจับไปเล่นแบ๊คซ้ายแล้วก็ตาม ก็ยังเป็นผู้เล่นที่จัดได้ว่าวิ่งเยอะอยู่ดี เพราะวิ่งรวมระยะทางแล้ว 11.3 km/1 macth เพียงแต่ตอนต้นของฤดูกาล มิลเนอร์ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกในการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ระยะทางสะสมจึงไม่ติดอันดับ
และเรียกได้ว่า
ระยะทาง 8-9 กิโลที่ผู้เล่นทั้งทีมร่วมกันวิ่งให้มากกว่าคู่ต่อสู้นี้ สร้างความแตกต่างของรูปเกมส์ที่สามารถครองเกมส์ได้เหนือกว่าคู่ต่อสู้ในทุกนัด ไม่ว่าจะแข่งขันกับทีมระดับใดก็ตาม รูปเกมส์และการครองบอล ลิเวอร์พูลเหนือกว่าอยู่เสมอ ส่วนผลการแข่งขันนั้น ขึ้นอยู่กับความเฉียบคมของผู้เล่นในแนวรุก ซึ่งฟอร์มกำลังเข้าฝักในตอนนี้ และความผิดพลาดของแนวรับ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทีมลิเวอร์พูลเสียประตูค่อนข้างง่ายอยู่ในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้มีแนวโน้มดีขึ้นจากการความเข้าใจในรูปแบบการเล่นที่คล็อปได้วางระบบไว้
ท่านที่อ่านมาตั้งนาน อาจสงสัย แล้วไหนล่ะ คู่แข่งหรือศัตรูตัวฉกาจตามที่จั่วหัวกะทู้…?
แมน ซิตี้..?
เซลซี..?
อาเซน่อล..?
เอฟเวอร์ตัน..?
หรือ สเปอร์..?
(ทีมที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ก็เพราะประเมินแล้วไม่มีราคาพอจะให้ความสำคัญใดๆ นอกจากมีไว้เพื่อหยามหยันเล่นเท่านั้น)
ผมคงต้องบอกว่า ตามความคิดของผม ว่าไม่ใช่ทุกทีมที่เอ่ยมาทั้งหมดเลย เพราะคำตอบนี้ก็อยู่ในเนื้อหาของย่อหน้าก่อนหน้านั้นคือ
ตัวเองหรือทีมลิเวอร์พูลเองนี้แหละ คู่ศัตรูตัวฉกาจของตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่า หากผู้เล่นในแนวรุกของลิเวอร์พูล สามารถยืนระยะ “
วิ่ง” ได้เช่นนี้ไปจนจบฤดูกาล และผู้เล่นในแนวรับ ไม่ผิดพลาดเอง ออกลูก”
โง่”เสียประตูเองอย่างง่ายๆ ลิเวอร์พูลของคล็อปก็มีสิทธิ์เต็มตัวที่จะเป็นตัวเต็งอีกหนึ่งทีมที่จะแย่งบัลลังค์แชมป์กับเต็งหามอย่างแมน ซิตี้
เพราะนาทีนี้ ถามแฟนบอลทุกทีมว่าทีมใดที่จะแกร่งพอที่จะหยุดแมนซตี้ได้ หากตอบด้วยใจเป็นธรรมก็ต้องมีชื่อลิเวอร์พูลอยู่ในคำตอบของทุกคนแน่ๆ ตัวผมเองที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลก็เช่นกันที่นาทีนี้เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมรัก ว่ามีขีดความสามารถพอที่จะกลับมาบินสูงอีกครั้ง
แต่จะบินสูงจนเอื้อมถึงแชมป์ไหม บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะรูปแบบการเล่นที่เน้น “การวิ่ง” อย่างมากนี้แหละที่อาจทำลาย สมรรถนะของนักเตะตัวหลักๆที่เป็นแกนในการวิ่งของทีม ให้ไม่อาจยืนระยะได้จนจบฤดูกาล
ที่สุดแล้ว ในคำตอบก็เกิดคำถามอยู่ดี คือ แล้วลิเวอร์พูลจะทำได้ไหมล่ะ..? กับการยืนระยะ วิ่งเต็มห้อในทุกๆนัด และไม่สกัดผิดพลาดง่ายๆจนเสียประตูแบบที่ผ่านๆมา ซึ่งต่อให้คิดเอนเอียงเข้าข้างทีมตัวเองแค่ไหน คำถามนี้ก็ต้องเกิดในใจของแฟนลิเวอร์พูลเองแน่ๆ
ดังนั้นหากผมจะสรุปว่า ศัตรูที่แท้จริงของหงส์แดง ก็คือตัวเองนี้แหละ คงจะไม่ผิดใช่ไหมครับ
ป.ล.ไม่ได้เอาบทความลงในกะทู้ TIA เหมือนปกติ เพราะวันนี้ ช่วงบ่ายมีภารกิจรัดตัว
เลยขอตั้งเป็นกะทู้ทิ้งไว้ก่อนจะออกไปทำธุระนะครับ
Real enemy of Liverpool : ศัตรูที่แท้จริงของหงส์แดง
ด้วยฟอร์มที่เฉิดฉาย ภายใต้โปรแกรมการแข่งขันที่โหดหินที่ลิเวอร์พูลต้องเผชิญในช่วงต้นของซีซั่น ทำให้ปัจจุบันบ่อนพนันถูกกฎหมายในอังกฤษปรับราคาให้หงส์แดงขยับมานั่งแท่น "เต็งสอง" รองจากแมนเชสเตอร์ซีตี้เพียงทีมเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่า บรรดากูรูเกจิลูกหนังที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนันบนแผ่นดินอังกฤษเอง นั้นวิเคราะห์ตัวเลขข้อมูลทางสถิติ ความน่าจะเป็นแล้ว ลงความเห็นร่วมกันว่า ฟอร์มที่ผ่านมาของหงส์แดงนั้นเป็นของจริง และน่ากลัวพอที่จะเขย่าบัลลังค์แชมป์พรีเมียร์ลีคปีนี้ได้
ตัวผมเองในฐานะที่ชอบดูข้อมูลสถิติด้านต่างๆ มาใช้ประกอบการคิดวิเคราะห์ โดยอ้างอิงเหตุและผลตามตัวเลขและสถิติที่มีการบันทึกไว้ ก็จะขอลองแสดงทัศนะความเห็นในเชิงตัวเลขและสถิติดูบ้าง ว่าเหตุใดทางบ่อนพนันถูกกฎหมายเหล่านี้ จึงขยับราคาปรับอัตตราการต่อรองของการครองแชมป์ของทีมลิเวอร์พูลขึ้นมาจากทีมระดับปลายหางตา(อันดับ 5-6 ตอนก่อนเริ่มต้นฤดูกาล) มาเป็นทีมที่มองข้ามไม่ได้ในเวลานี้
ทั้งที่คะแนนในตาราง ณ ปัจจุบันก็ยังเป็นรองทีม”เต็งหาม นอนมา”อย่างแมนฯ ซิตี้ ของเป็บ กวาดิโอร่า ตั้ง 5 คะแนน เป็นรองทีมขนาดกลางฟอร์มแกร่งอย่าง เอฟเวอร์ตัน และสเปอร์อีกด้วย อยู่ลับ 6 มี 10 แต้มเท่ากับอีกสองทีมแกร่งอย่าง เซลซีและอาเซนอล แต่กลับถูกยกให้เป็นเต็งสองด้วยราคา 6/1 (แทง1 ได้6 ไม่รวมทุน) น้อยกว่าทั้งเซลซีและอาเซนอลที่ตอนต้นฤดูกาลถูกวางให้เป็นทีมเต็ง3 เต็ง4 ตามลำดับ
แต่บทความนี้ จะไม่คิดและวิเคราะห์ในแบบที่บ่อนพนันถูกกฎหมายคิดและตีค่าออกมาเป็นราคาต่อรอง เพราะบ่อนพนันเหล่านั้น ใช้แนวคิดเรื่องกำไรขาดทุนเป็นเกณฑ์หลักในการชี้วัดและออกราคาต่อรองต่างๆ มากกว่าจะใช้ข้อมูลด้านสถิติรวมทั้งความเชื่อมั่นในผลงานของแต่ล่ะทีมเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผมกำลังจะคิดวิเคราะห์และแสดงทัศนะในบทความนี้ โดยอาศัยปัจจัยหลักทางสถิติที่ทำให้ผลงานของลิเวอร์พูลภายใต้การทำทีมของคล็อป ทะยานผ่านช่วงยากลำบากของโปรแกรมการแข่งขันที่โหด หินกว่าทีมเต็งอื่นๆในช่วงต้นของฤดูกาล
ปัจจัยหนึ่งเดียวที่ผมค้นพบเมื่อมองตัวเลขทางสถิติของลิเวอร์พูล ที่ก่อให้เกิดนัยยะสำคัญ คือการวิ่ง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของสิ่งที่แฟนบอลขนานนามวิธีการเล่นของลูกทีมของคล็อปว่า “เกเก้น เพลสซิ่ง” จากสถิติ 4 นัดแรกของพรีเมียร์ลีคที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลคือทีมที่วิ่งมากที่สุดของพรีเมียร์ลีค
และลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมเดียว ที่มีสถิติการวิ่งรวมกันของนักเตะมากว่าคู่แข่งในทุกนัดที่ลงเล่น และเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเหลือเชื่อที่ค่าเฉลี่ยการวิ่งรวมของนักเตะหงส์แดง จะมากกว่าคู่ต่อสู้อยู่ที่ประมาณ 8-9 กิโลเมตร ในแต่ล่ะนัดที่ผ่านมาเสมอ
ซึ่งมาจาก 3 นักเตะกำลังสำคัญ อย่าง ฟีมีโน่ ลัลลาน่า เฮนเดอร์สัน เมื่อทั้งสามคนเป็นนักเตะที่วิ่งเยอะที่สุด อยู่ใน 10 อันดับแรกของผู้เล่นในพรีเมียร์ลีค ที่เคยรู้กันว่า มิลเนอร์เป็นผู้เล่นที่วิ่งเยอะที่สุดในทีมนั้น เป็นค่าเฉลี่ยจากจำนวนการเล่นอาชีพในพรีเมียร์ลีคทั้งหมด ไม่ได้เป็นสถิติของฤดูกาลนี้ แต่ถึงยังไง มิลเนอรืแม้ถูกจับไปเล่นแบ๊คซ้ายแล้วก็ตาม ก็ยังเป็นผู้เล่นที่จัดได้ว่าวิ่งเยอะอยู่ดี เพราะวิ่งรวมระยะทางแล้ว 11.3 km/1 macth เพียงแต่ตอนต้นของฤดูกาล มิลเนอร์ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกในการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ระยะทางสะสมจึงไม่ติดอันดับ
และเรียกได้ว่า ระยะทาง 8-9 กิโลที่ผู้เล่นทั้งทีมร่วมกันวิ่งให้มากกว่าคู่ต่อสู้นี้ สร้างความแตกต่างของรูปเกมส์ที่สามารถครองเกมส์ได้เหนือกว่าคู่ต่อสู้ในทุกนัด ไม่ว่าจะแข่งขันกับทีมระดับใดก็ตาม รูปเกมส์และการครองบอล ลิเวอร์พูลเหนือกว่าอยู่เสมอ ส่วนผลการแข่งขันนั้น ขึ้นอยู่กับความเฉียบคมของผู้เล่นในแนวรุก ซึ่งฟอร์มกำลังเข้าฝักในตอนนี้ และความผิดพลาดของแนวรับ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทีมลิเวอร์พูลเสียประตูค่อนข้างง่ายอยู่ในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้มีแนวโน้มดีขึ้นจากการความเข้าใจในรูปแบบการเล่นที่คล็อปได้วางระบบไว้
ท่านที่อ่านมาตั้งนาน อาจสงสัย แล้วไหนล่ะ คู่แข่งหรือศัตรูตัวฉกาจตามที่จั่วหัวกะทู้…?
แมน ซิตี้..?
เซลซี..?
อาเซน่อล..?
เอฟเวอร์ตัน..?
หรือ สเปอร์..?
(ทีมที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ก็เพราะประเมินแล้วไม่มีราคาพอจะให้ความสำคัญใดๆ นอกจากมีไว้เพื่อหยามหยันเล่นเท่านั้น)
ผมคงต้องบอกว่า ตามความคิดของผม ว่าไม่ใช่ทุกทีมที่เอ่ยมาทั้งหมดเลย เพราะคำตอบนี้ก็อยู่ในเนื้อหาของย่อหน้าก่อนหน้านั้นคือ ตัวเองหรือทีมลิเวอร์พูลเองนี้แหละ คู่ศัตรูตัวฉกาจของตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่า หากผู้เล่นในแนวรุกของลิเวอร์พูล สามารถยืนระยะ “วิ่ง” ได้เช่นนี้ไปจนจบฤดูกาล และผู้เล่นในแนวรับ ไม่ผิดพลาดเอง ออกลูก”โง่”เสียประตูเองอย่างง่ายๆ ลิเวอร์พูลของคล็อปก็มีสิทธิ์เต็มตัวที่จะเป็นตัวเต็งอีกหนึ่งทีมที่จะแย่งบัลลังค์แชมป์กับเต็งหามอย่างแมน ซิตี้
เพราะนาทีนี้ ถามแฟนบอลทุกทีมว่าทีมใดที่จะแกร่งพอที่จะหยุดแมนซตี้ได้ หากตอบด้วยใจเป็นธรรมก็ต้องมีชื่อลิเวอร์พูลอยู่ในคำตอบของทุกคนแน่ๆ ตัวผมเองที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลก็เช่นกันที่นาทีนี้เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมรัก ว่ามีขีดความสามารถพอที่จะกลับมาบินสูงอีกครั้ง
แต่จะบินสูงจนเอื้อมถึงแชมป์ไหม บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะรูปแบบการเล่นที่เน้น “การวิ่ง” อย่างมากนี้แหละที่อาจทำลาย สมรรถนะของนักเตะตัวหลักๆที่เป็นแกนในการวิ่งของทีม ให้ไม่อาจยืนระยะได้จนจบฤดูกาล
ที่สุดแล้ว ในคำตอบก็เกิดคำถามอยู่ดี คือ แล้วลิเวอร์พูลจะทำได้ไหมล่ะ..? กับการยืนระยะ วิ่งเต็มห้อในทุกๆนัด และไม่สกัดผิดพลาดง่ายๆจนเสียประตูแบบที่ผ่านๆมา ซึ่งต่อให้คิดเอนเอียงเข้าข้างทีมตัวเองแค่ไหน คำถามนี้ก็ต้องเกิดในใจของแฟนลิเวอร์พูลเองแน่ๆ
ดังนั้นหากผมจะสรุปว่า ศัตรูที่แท้จริงของหงส์แดง ก็คือตัวเองนี้แหละ คงจะไม่ผิดใช่ไหมครับ
ป.ล.ไม่ได้เอาบทความลงในกะทู้ TIA เหมือนปกติ เพราะวันนี้ ช่วงบ่ายมีภารกิจรัดตัว
เลยขอตั้งเป็นกะทู้ทิ้งไว้ก่อนจะออกไปทำธุระนะครับ