คงต้องยอมรับว่าสตรีเป็นเพศที่มีบทบาทน้อยมากในประวัติศาสตร์ที่เราเคยได้ร่ำเรียน แต่นั่นไม่ได้หมายความผู้หญิงเป็นเพศที่ด้อยความสำคัญ เพราะยังมีวีรกรรมอีกมากมายของ “สตรีผู้เกรียงไกร” ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ฟัง
Lucy Stone (1818-1893)
ลูซี่ สโตน นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและการเลิกทาส เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในรัฐแมสซาชูเซตส์ ทั้งยังเป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และนักปราศรัยที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังเป็นผู้หญิงที่เลือกสวม “กางเกง” ซึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติในยุค 1800
Zenobia (ศตวรรษที่ 3)
ราชินีแห่งจักรวรรดิพาลไมรีนหรือประเทศซีเรียในปัจจุบัน พระองค์เป็นทั้งนักรบ นักสนับสนุนสิทธิสตรี และนักการทูตที่พูดได้อย่างน้อย 4 ภาษา ทรงเขียนหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียด้วยพระองค์เอง เคยล่าหมีและสิงโตบนหลังม้า ตามล่าฆาตกรที่สังหารพระสวามีมาลงโทษ ได้รับการยกย่องด้านความกล้าหาญโดยพระสันตปาปา นอกจากนี้ยังบุกยึดดินแดนอียิปต์และสถาปนาตนเป็น “ราชินีแห่งโลกตะวันออก”
Mary McLeod Bethune (1875-1955)
นักการศึกษาและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กๆ ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน จัดตั้งองค์กรช่วยเหลือสตรีผิวสีและสตรีผิวดำ เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ และเป็นสตรีผิวดำคนเดียวที่ได้ร่วมก่อตั้งสหประชาชาติ
Laskarina Bouboulina (1771-1825)
หญิงร่ำรวยชาวกรีกที่กลายเป็นม่ายถึงสองครั้งสองคราเนื่องจากสามีถูกฆาตกรรมโดยโจรสลัดแอลจีเรีย เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ได้เข้าร่วมเป็นแกนนำองค์กรใต้ดินที่เคลื่อนไหวต่อต้านจักรวรรดิออตโตมัน และยังเข้าร่วมสงคราม Greek War of Independence โดยมีหน้าที่บัญชาการกองเรือรบ นอกจากนี้ยังทำการช่วยเหลือสตรีและเด็กที่ถูกกดขี่ข่มเหง ต่อมาถูกขับไล่เพราะกรีกมองว่าเธอเป็นภัยต่อประเทศชาติ แต่หลังจากเสียชีวิตก็ได้รับการยกย่องจากรัสเซียและประเทศกรีซ
Margaret Hamilton (1936)
นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หญิงที่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับโครงการอะพอลโล มนุษย์คงไม่สามารถเหยียบดวงจันทร์ได้ถ้าไม่มีเธอ
Artemisia I of Caria (500 ปีก่อนคริสตกาล)
ราชินีและผู้บัญชาการกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเมืองฮาลิคาร์นัสเซิสและจักรวรรดิเปอร์เซีย ได้รับการยกย่องด้านอัจฉริยภาพและความสามารถด้านยุทธศาสตร์
Hürrem Sultan (1526-1558)
รู้จักกันในนาม Roxelana ทาสชาวยูเครนที่กลายเป็นบุคคลสำคัญด้านการเมือง เป็นผู้ที่ทำให้สุลต่านสุลัยมานยอมปลดปล่อยทาสและแต่งตั้งเธอเป็นชายาเอก ซึ่งนำไปสู่ยุค Sultanate of Women หรือยุคที่สตรีมีบทบาทสำคัญทางการเมืองเหนือสุลต่านออตโตมัน
Noor Inayat Khan (1914-1944)
สายลับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกทหารฝรั่งเศสทรยศและถูกทหารนาซีนำตัวไปสอบปากคำในค่ายกักกันนานถึงหนึ่งเดือน เธอต่อสู้กับนาซีจนถูกเรียกว่า “นักโทษอันตราย” และไม่เคยให้ข้อมูลใดๆ กับศัตรูเลย คำพูดสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากของเธอก่อนจะถูกประหารชีวิตคือคำว่า “เสรีภาพ”
Veronica Franco (1546-1591)
โสเภณีระดับสูง กวีหญิง และนักเขียนชาวอิตาลี เป็นสตรีมีการศึกษาซึ่งหาได้ยากในยุคนั้น เธอมีผลงานหนังสือรวมบทกลอนอย่างน้อย 2 เล่ม อุทิศตนช่วยเหลือเด็กและสตรีอยู่เสมอ ลือกันว่าเธอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 แห่งฝรั่งเศสจึงถูกเรียกว่าเป็นโสเภณีระดับสูง เธอเป็นสตรีที่เลือกทางเดินชีวิตของตนเองในยุคที่ผู้หญิงถูกวางกรอบไว้อย่างแน่นหนา
Madge Syers (1881-1917)
นักกีฬาหญิงชาวอังกฤษที่พลิกวงการกีฬาด้วยการลงแข่งขันสเกตน้ำแข็งชิงแชมป์โลกร่วมกับผู้ชายและได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 (เหรียญเงิน) และยังสมัครลงแข่งขันชิงแชมป์อังกฤษและคว้าชัยชนะเหนือนักกีฬาชายทุกคนรวมทั้งสามีของเธอเอง จนสมาพันธ์สเกตนานาชาติอนุญาตให้ผู้หญิงลงแข่งขันได้อย่างเป็นทางการ
Queen Hatshepsut (1478-1458 ปีก่อนคริสตกาล)
ฟาโรห์หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ พระองค์ได้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่างประเทศ การค้า การส่งออก สถาปัตยกรรม รวมทั้งสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยและความสงบสุขให้กับอียิปต์
Nettie Stevens (1861-1912)
นักพันธุศาสตร์ผู้ค้นพบว่าเพศของมนุษย์ประกอบไปด้วยโครโมโซม X และ Y ซึ่งลบล้างคำกล่าวตลอดหลายร้อยปีของผู้ชายที่อ้างว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นผู้มอบชีวิตให้แก่ตน
Queen Nzinga of Ndongo and Matamba (1583-1663)
ราชินีแห่งแองโกลาผู้ต่อต้านการรุกรานของชาวโปรตุเกส ครั้งหนึ่งในการประชุมร่วมกับนักล่าอาณานิคมชาวโปรตุเกส พวกเขาได้พยายามหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการแย่งที่นั่งที่ควรจะเป็นของพระองค์และบีบบังคับให้ราชินีประทับลงบนพื้น แต่ราชินีได้แก้ไขปัญหาด้วยการเดินเข้าไปหาผู้รับใช้คนหนึ่งที่จงรักภักดีซึ่งก้มตัวลงให้พระองค์ประทับบนหลังทันที
Maya Deren (1917-1961)
ผู้ผลิตภาพยนตร์ นักเต้น นักเขียน ช่างภาพ และนักปฏิวัติหญิงชาวยูเครนที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ผลงานภาพยนตร์ของเธอนั้นมีพลังและสื่อความหมายจนได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในวงการ
Josephine Baker (1906-1975)
นักเต้นสาวมากความสามารถที่เป็นทั้งนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองและผู้สืบราชการลับให้กับขบวนการฝรั่งเศสเสรี เธอใช้การแสดงของเธอแสดงออกถึงสิทธิสตรี คนผิวสี และความเสมอภาค นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการเปิดโปงแผนการของนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่มา: BuzzFeed
บทความจาก
http://www.meekhao.com/history/great-historical-women
15 ยอดหญิงจากประวัติศาสตร์ ที่มีวีรกรรมยิ่งใหญ่เกรียงไกรไม่แพ้ผู้ใดในโลก!!
Lucy Stone (1818-1893)
ลูซี่ สโตน นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและการเลิกทาส เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในรัฐแมสซาชูเซตส์ ทั้งยังเป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และนักปราศรัยที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังเป็นผู้หญิงที่เลือกสวม “กางเกง” ซึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติในยุค 1800
Zenobia (ศตวรรษที่ 3)
ราชินีแห่งจักรวรรดิพาลไมรีนหรือประเทศซีเรียในปัจจุบัน พระองค์เป็นทั้งนักรบ นักสนับสนุนสิทธิสตรี และนักการทูตที่พูดได้อย่างน้อย 4 ภาษา ทรงเขียนหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียด้วยพระองค์เอง เคยล่าหมีและสิงโตบนหลังม้า ตามล่าฆาตกรที่สังหารพระสวามีมาลงโทษ ได้รับการยกย่องด้านความกล้าหาญโดยพระสันตปาปา นอกจากนี้ยังบุกยึดดินแดนอียิปต์และสถาปนาตนเป็น “ราชินีแห่งโลกตะวันออก”
Mary McLeod Bethune (1875-1955)
นักการศึกษาและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กๆ ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน จัดตั้งองค์กรช่วยเหลือสตรีผิวสีและสตรีผิวดำ เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ และเป็นสตรีผิวดำคนเดียวที่ได้ร่วมก่อตั้งสหประชาชาติ
Laskarina Bouboulina (1771-1825)
หญิงร่ำรวยชาวกรีกที่กลายเป็นม่ายถึงสองครั้งสองคราเนื่องจากสามีถูกฆาตกรรมโดยโจรสลัดแอลจีเรีย เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ได้เข้าร่วมเป็นแกนนำองค์กรใต้ดินที่เคลื่อนไหวต่อต้านจักรวรรดิออตโตมัน และยังเข้าร่วมสงคราม Greek War of Independence โดยมีหน้าที่บัญชาการกองเรือรบ นอกจากนี้ยังทำการช่วยเหลือสตรีและเด็กที่ถูกกดขี่ข่มเหง ต่อมาถูกขับไล่เพราะกรีกมองว่าเธอเป็นภัยต่อประเทศชาติ แต่หลังจากเสียชีวิตก็ได้รับการยกย่องจากรัสเซียและประเทศกรีซ
Margaret Hamilton (1936)
นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หญิงที่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับโครงการอะพอลโล มนุษย์คงไม่สามารถเหยียบดวงจันทร์ได้ถ้าไม่มีเธอ
Artemisia I of Caria (500 ปีก่อนคริสตกาล)
ราชินีและผู้บัญชาการกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเมืองฮาลิคาร์นัสเซิสและจักรวรรดิเปอร์เซีย ได้รับการยกย่องด้านอัจฉริยภาพและความสามารถด้านยุทธศาสตร์
Hürrem Sultan (1526-1558)
รู้จักกันในนาม Roxelana ทาสชาวยูเครนที่กลายเป็นบุคคลสำคัญด้านการเมือง เป็นผู้ที่ทำให้สุลต่านสุลัยมานยอมปลดปล่อยทาสและแต่งตั้งเธอเป็นชายาเอก ซึ่งนำไปสู่ยุค Sultanate of Women หรือยุคที่สตรีมีบทบาทสำคัญทางการเมืองเหนือสุลต่านออตโตมัน
Noor Inayat Khan (1914-1944)
สายลับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกทหารฝรั่งเศสทรยศและถูกทหารนาซีนำตัวไปสอบปากคำในค่ายกักกันนานถึงหนึ่งเดือน เธอต่อสู้กับนาซีจนถูกเรียกว่า “นักโทษอันตราย” และไม่เคยให้ข้อมูลใดๆ กับศัตรูเลย คำพูดสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากของเธอก่อนจะถูกประหารชีวิตคือคำว่า “เสรีภาพ”
Veronica Franco (1546-1591)
โสเภณีระดับสูง กวีหญิง และนักเขียนชาวอิตาลี เป็นสตรีมีการศึกษาซึ่งหาได้ยากในยุคนั้น เธอมีผลงานหนังสือรวมบทกลอนอย่างน้อย 2 เล่ม อุทิศตนช่วยเหลือเด็กและสตรีอยู่เสมอ ลือกันว่าเธอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 แห่งฝรั่งเศสจึงถูกเรียกว่าเป็นโสเภณีระดับสูง เธอเป็นสตรีที่เลือกทางเดินชีวิตของตนเองในยุคที่ผู้หญิงถูกวางกรอบไว้อย่างแน่นหนา
Madge Syers (1881-1917)
นักกีฬาหญิงชาวอังกฤษที่พลิกวงการกีฬาด้วยการลงแข่งขันสเกตน้ำแข็งชิงแชมป์โลกร่วมกับผู้ชายและได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 (เหรียญเงิน) และยังสมัครลงแข่งขันชิงแชมป์อังกฤษและคว้าชัยชนะเหนือนักกีฬาชายทุกคนรวมทั้งสามีของเธอเอง จนสมาพันธ์สเกตนานาชาติอนุญาตให้ผู้หญิงลงแข่งขันได้อย่างเป็นทางการ
Queen Hatshepsut (1478-1458 ปีก่อนคริสตกาล)
ฟาโรห์หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ พระองค์ได้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่างประเทศ การค้า การส่งออก สถาปัตยกรรม รวมทั้งสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยและความสงบสุขให้กับอียิปต์
Nettie Stevens (1861-1912)
นักพันธุศาสตร์ผู้ค้นพบว่าเพศของมนุษย์ประกอบไปด้วยโครโมโซม X และ Y ซึ่งลบล้างคำกล่าวตลอดหลายร้อยปีของผู้ชายที่อ้างว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นผู้มอบชีวิตให้แก่ตน
Queen Nzinga of Ndongo and Matamba (1583-1663)
ราชินีแห่งแองโกลาผู้ต่อต้านการรุกรานของชาวโปรตุเกส ครั้งหนึ่งในการประชุมร่วมกับนักล่าอาณานิคมชาวโปรตุเกส พวกเขาได้พยายามหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการแย่งที่นั่งที่ควรจะเป็นของพระองค์และบีบบังคับให้ราชินีประทับลงบนพื้น แต่ราชินีได้แก้ไขปัญหาด้วยการเดินเข้าไปหาผู้รับใช้คนหนึ่งที่จงรักภักดีซึ่งก้มตัวลงให้พระองค์ประทับบนหลังทันที
Maya Deren (1917-1961)
ผู้ผลิตภาพยนตร์ นักเต้น นักเขียน ช่างภาพ และนักปฏิวัติหญิงชาวยูเครนที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ผลงานภาพยนตร์ของเธอนั้นมีพลังและสื่อความหมายจนได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในวงการ
Josephine Baker (1906-1975)
นักเต้นสาวมากความสามารถที่เป็นทั้งนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองและผู้สืบราชการลับให้กับขบวนการฝรั่งเศสเสรี เธอใช้การแสดงของเธอแสดงออกถึงสิทธิสตรี คนผิวสี และความเสมอภาค นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการเปิดโปงแผนการของนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่มา: BuzzFeed
บทความจาก http://www.meekhao.com/history/great-historical-women