วันนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันงานบุญข้าวสาก (สลาก) ของคนอีสาน เพื่อนๆอย่าลืมทำบุญทำทานและเก็บดอกไม้
บูชาพระนะคะ
บุญข้าวสาก คืองานบุญที่ชาวชนบททางภาคอีสาน จะจัดหาอาหารคาวหวาน ผลหมากรากไม้หลายๆชนิดรวมใส่ภาชนะ
ที่เรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า “พาข้าว” (ถาด) เพื่อนำไปถวายพระภิกษุสามเณรในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งเชื่อกันว่าเพื่อ
เป็นการอุทิศส่วนกุศลผ่านพระภิกษุสามเณร ไปยังญาติโกโหติกา ปู่ย่าตายายหรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้วให้ได้รับข้าวปลาอาหาร
ตามสิ่งที่ลูกหลานจัดหาไปให้
วันนี้ เดือนสิบเพ็ง
ตอนดิฉันยังเด็ก แม่เล่าให้ฟังว่า ในวันเพ็งเดือนสิบ เค้าจะเปิดประตูให้สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกสวรรค์ กับโลกนรกให้มีโอกาส
ได้มาเยี่ยมเยียนลูกหลานในโลกมนุษย์ โดยประตูสวรรค์และประตูนรก จะเปิดตอนหลังตะวันตกดิน และจะปิดตอนตะวัน
รุ่งขึ้นของวันถัดมา แต่การเดินทางจากโลกสวรรค์ กับโลกนรกจะใช้เวลาและระยะทางไม่เท่ากัน ผู้ที่อยู่ในนรก จะเดินทาง
ด้วยความทุกข์ทรมานและยากลำบาก ในขณะที่ผู้ที่อยู่บนสวรรค์ จะเดินทางด้วยความรวดเร็วและสะดวกสบาย
โห เหมือนเดินทางด้วยรถไฟธรรมดา กับ รถไฟความเร็วสูงยังไงยังงั้นเลยเนาะ ว่าแต่ประเทศเราจะมีรถไฟความเร็วสูงกัน
แล้วใช่ไหม ?
จัดเตรียมขนม
ดิฉันสงสัยเลยถามแม่ว่า
“แม่ เค้านี่ใครกันจ๊ะ”
“ก็ผู้มีอำนาจน่ะสิ” น้าน แม่ตอบแบบไม่ลังเลเลย เหมือนแม่กำลังคุยเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือยังไงยังงั้นแหละ
“แม่ เมะ(คุณย่า)เคยเล่าให้ฟังว่าเทวดานางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์จะอิ่มทิพย์ไม่ใช่เหรอ แล้วเค้าจะมารับสิ่งที่เราจัดให้นี่เหรอจ๊ะ”
แม่ค้อนนิดหนึ่ง แล้วพูดว่า
“ถึงจะอิ่มทิพย์ยังไง ก็ต้องอยากกินของแปลกๆใหม่ๆบ้างล่ะน่า”
อืมมม ... ท่าจะจริง!
ฟังแม่เล่าต่อ ... ถ้าลูกหลานบ้านไหนขี้เกียจไม่จัดหา“พาข้าว” หรือ จัดหาแบบขอไปที อย่างเช่นมีกับข้าวอย่างสองอย่าง
ไม่มีขนม ไม่มีผลไม้ หรือมีของแต่น้อยไม่อร่อย ญาติผู้มาเยือนจากแดนไกลก็จะไม่ได้รับหรือได้รับแบบที่เราจัดหาไปให้นั่นล่ะ
จะไปขอใครเค้ากินก็ไม่ได้ เพราะของๆใครก็ของๆเค้า บุญใครทำกรรมใครแต่งก็ของคนนั้น ทดแทนกันไม่ได้
ข้าวต้ม
“ทำไมถึงแล้งน้ำใจกันจัง ขอกันมั่งไม่ได้หรอ หรือ เอาของไปแลกกันบ้างก็ยังดีแบบของที่เรามีแต่เค้าไม่มี หรือของที่เค้ามีแต่
เราไม่มีแต่อยากกินอะไรแบบนี้ แบบนี้ก็ต้องมีการขโมยกันบ้างล่ะ” ดิฉันพึมพำด้วยความสงสัย แต่แม่กลับได้ยิน
“ถึงขโมยไปก็กินไม่ได้อยู่ดี กินเข้าไปก็ว่างเปล่า ไม่หนำซ้ำยิ่งเพิ่มความหิวโหยขึ้นไปอีกเพราะไปสร้างบาปเพิ่ม และอีกอย่าง
เพราะว่าคนทำนั้นเค้าไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ไปขโมยเค้ากิน เราจึงต้องเขียน ชื่อ ที่อยู่ของเราใส่ลงไปในพาข้าวเพื่อ
ทำเครื่องหมายว่า เป็นลูกหลานของใครและต้องอธิฐานว่าเราอุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้กับใครบ้างไงล่ะ” แม่บอก
“แล้วถ้าเราย้ายบ้าน ปู่ย่าตายายของเราจะรู้มั๊ยนะ?”
“เอ็งไปเล่นตรงโน้นนนนนนน ไกลๆไม้เรียวแม่เลยป่ะ” แม่พูดพร้อมกับมองหาไม้เรียว ดิฉันจึงต้องถอยฉากออกมาเพราะกลัว
โดนไม้เรียวของแม่จริงๆ
ของใส่บาตร
หลายปีแล้วที่ดิฉันไม่ได้กลับไปร่วมงานบุญประเพณีต่างๆกับทางบ้าน แต่ภาพความทรงจำต่างๆในวัยเด็กไม่เคยลบเลือนไป
จำได้ว่า พวกเด็กๆจะตื่นเต้นมากเวลามีงานบุญ อย่างงานบุญข้าวสากนี่ก็เหมือนกัน เหตุที่ต้องลั้ลลากันมากก็คือ
1.จะได้กินข้าวต้ม ขนม นมเนย ที่แต่ละครอบครัวจัดหาเตรียมไว้สำหรับใส่พาข้าว ซึ่งจะเน้นความหลากหลายของ
อาหารที่ใส่ลงไป แต่ไม่เน้นปริมาณ คือจะใส่อย่างละเล็กละน้อยแต่ให้มีหลายๆอย่าง ดังนั้น ส่วนที่เหลือสำหรับ
ใส่พา จึงตกเป็นขนมอันแสนอร่อยสำหรับเด็กๆ ที่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้กินบ่อยนัก (เด็กตามชนบท พ่อ แม่ จะไม่ค่อยให้เงิน
เพื่อซื้อขนมกิน เพราะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ดังนั้นเงินแต่ละบาทจึงมีค่ามาก)
ชาวบ้านต่างก็ตั้งใจมาทำบุญที่วัดร่วมกัน
2.จะได้วิ่งเล่นสนุกสนานตื่นเต้น เพราะต้องตื่นแต่เช้ามืดคอยช่วยพ่อแม่ จัดโน่น จัดนี่ วิ่งฝ่าความมืดไปแลกของกับบ้าน
โน้น บ้านนี้ อย่างเช่น เอาหมากเม่า ไปแลกหมากเขียบบ้านป้ามี เอาหน่อไม้ไปแลกฟักแฟงบ้านป้ามา แบ่งปิ้งปลาไป
ให้บ้านตาสี เป็นที่สนุกสนานปนตื่นเต้น เพราะฟ้ายังมืดอยู่ แต่ก็พอมองเห็นทางจากแสงไฟบ้าง อาศัยความคุ้นเคย
บ้าง กลัวผีก็กลัว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น สนุกก็สนุก
"พาข้าว" ของแต่ละบ้านมารวมกันถวายพระ เพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ที่ล่วงลับ
3.ได้ถือโอกาสไปโรงเรียนสายและงดเรียนวิชาแรกของวันนั้นอีกต่างหาก เพราะคุณครูก็ไปทำบุญที่วัดเหมือนกัน กว่า
จะเสร็จงานที่วัด ก็ปาเข้าไปเกือบ 10 โมง มาถึงก็ครึ่งๆกลางๆ คุณครูมักจะสั่งว่าให้อ่านหนังสือกันไป เดี๋ยวครูจะ
มาทดสอบเก็บคะแนน แต่เอาเข้าจริงๆ คุณครูก็ไม่ได้มาทดสอบอะไรหรอก อย่างดีก็แค่สั่งการบ้าน แบบนี้ก็สบาย
ลอกเพื่อนเอาแป๊บเดียว 555+
ขออนุโมทนาบุญ สาธุ
จบดีก่า ... เด๋วยิ่งเล่า เพื่อนสมาชิกจะรู้ว่าเพชรน้ำนิล เกเรและซนมากตอนเด็กๆ vbvb
เจอกันครั้งหน้า งานบุญออกพรรษาและบุญกฐินนะคะ ใครจะจองกฐินกับเพชรน้ำนิล ก็จัดคิวมาเลยน้า ... เจ๊ย !!
+ + (ขออนุญาต wm แท็ก รดน.) บอกบุญเพื่อนๆค่ะ เพ็งเดือนสิบ บุญข้าวสาก (Pechnamnil) + +
บูชาพระนะคะ
บุญข้าวสาก คืองานบุญที่ชาวชนบททางภาคอีสาน จะจัดหาอาหารคาวหวาน ผลหมากรากไม้หลายๆชนิดรวมใส่ภาชนะ
ที่เรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า “พาข้าว” (ถาด) เพื่อนำไปถวายพระภิกษุสามเณรในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งเชื่อกันว่าเพื่อ
เป็นการอุทิศส่วนกุศลผ่านพระภิกษุสามเณร ไปยังญาติโกโหติกา ปู่ย่าตายายหรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้วให้ได้รับข้าวปลาอาหาร
ตามสิ่งที่ลูกหลานจัดหาไปให้
ตอนดิฉันยังเด็ก แม่เล่าให้ฟังว่า ในวันเพ็งเดือนสิบ เค้าจะเปิดประตูให้สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกสวรรค์ กับโลกนรกให้มีโอกาส
ได้มาเยี่ยมเยียนลูกหลานในโลกมนุษย์ โดยประตูสวรรค์และประตูนรก จะเปิดตอนหลังตะวันตกดิน และจะปิดตอนตะวัน
รุ่งขึ้นของวันถัดมา แต่การเดินทางจากโลกสวรรค์ กับโลกนรกจะใช้เวลาและระยะทางไม่เท่ากัน ผู้ที่อยู่ในนรก จะเดินทาง
ด้วยความทุกข์ทรมานและยากลำบาก ในขณะที่ผู้ที่อยู่บนสวรรค์ จะเดินทางด้วยความรวดเร็วและสะดวกสบาย
โห เหมือนเดินทางด้วยรถไฟธรรมดา กับ รถไฟความเร็วสูงยังไงยังงั้นเลยเนาะ ว่าแต่ประเทศเราจะมีรถไฟความเร็วสูงกัน
แล้วใช่ไหม ?
ดิฉันสงสัยเลยถามแม่ว่า
“แม่ เค้านี่ใครกันจ๊ะ”
“ก็ผู้มีอำนาจน่ะสิ” น้าน แม่ตอบแบบไม่ลังเลเลย เหมือนแม่กำลังคุยเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือยังไงยังงั้นแหละ
“แม่ เมะ(คุณย่า)เคยเล่าให้ฟังว่าเทวดานางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์จะอิ่มทิพย์ไม่ใช่เหรอ แล้วเค้าจะมารับสิ่งที่เราจัดให้นี่เหรอจ๊ะ”
แม่ค้อนนิดหนึ่ง แล้วพูดว่า
“ถึงจะอิ่มทิพย์ยังไง ก็ต้องอยากกินของแปลกๆใหม่ๆบ้างล่ะน่า”
อืมมม ... ท่าจะจริง!
ฟังแม่เล่าต่อ ... ถ้าลูกหลานบ้านไหนขี้เกียจไม่จัดหา“พาข้าว” หรือ จัดหาแบบขอไปที อย่างเช่นมีกับข้าวอย่างสองอย่าง
ไม่มีขนม ไม่มีผลไม้ หรือมีของแต่น้อยไม่อร่อย ญาติผู้มาเยือนจากแดนไกลก็จะไม่ได้รับหรือได้รับแบบที่เราจัดหาไปให้นั่นล่ะ
จะไปขอใครเค้ากินก็ไม่ได้ เพราะของๆใครก็ของๆเค้า บุญใครทำกรรมใครแต่งก็ของคนนั้น ทดแทนกันไม่ได้
“ทำไมถึงแล้งน้ำใจกันจัง ขอกันมั่งไม่ได้หรอ หรือ เอาของไปแลกกันบ้างก็ยังดีแบบของที่เรามีแต่เค้าไม่มี หรือของที่เค้ามีแต่
เราไม่มีแต่อยากกินอะไรแบบนี้ แบบนี้ก็ต้องมีการขโมยกันบ้างล่ะ” ดิฉันพึมพำด้วยความสงสัย แต่แม่กลับได้ยิน
“ถึงขโมยไปก็กินไม่ได้อยู่ดี กินเข้าไปก็ว่างเปล่า ไม่หนำซ้ำยิ่งเพิ่มความหิวโหยขึ้นไปอีกเพราะไปสร้างบาปเพิ่ม และอีกอย่าง
เพราะว่าคนทำนั้นเค้าไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ไปขโมยเค้ากิน เราจึงต้องเขียน ชื่อ ที่อยู่ของเราใส่ลงไปในพาข้าวเพื่อ
ทำเครื่องหมายว่า เป็นลูกหลานของใครและต้องอธิฐานว่าเราอุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้กับใครบ้างไงล่ะ” แม่บอก
“แล้วถ้าเราย้ายบ้าน ปู่ย่าตายายของเราจะรู้มั๊ยนะ?”
“เอ็งไปเล่นตรงโน้นนนนนนน ไกลๆไม้เรียวแม่เลยป่ะ” แม่พูดพร้อมกับมองหาไม้เรียว ดิฉันจึงต้องถอยฉากออกมาเพราะกลัว
โดนไม้เรียวของแม่จริงๆ
หลายปีแล้วที่ดิฉันไม่ได้กลับไปร่วมงานบุญประเพณีต่างๆกับทางบ้าน แต่ภาพความทรงจำต่างๆในวัยเด็กไม่เคยลบเลือนไป
จำได้ว่า พวกเด็กๆจะตื่นเต้นมากเวลามีงานบุญ อย่างงานบุญข้าวสากนี่ก็เหมือนกัน เหตุที่ต้องลั้ลลากันมากก็คือ
1.จะได้กินข้าวต้ม ขนม นมเนย ที่แต่ละครอบครัวจัดหาเตรียมไว้สำหรับใส่พาข้าว ซึ่งจะเน้นความหลากหลายของ
อาหารที่ใส่ลงไป แต่ไม่เน้นปริมาณ คือจะใส่อย่างละเล็กละน้อยแต่ให้มีหลายๆอย่าง ดังนั้น ส่วนที่เหลือสำหรับ
ใส่พา จึงตกเป็นขนมอันแสนอร่อยสำหรับเด็กๆ ที่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้กินบ่อยนัก (เด็กตามชนบท พ่อ แม่ จะไม่ค่อยให้เงิน
เพื่อซื้อขนมกิน เพราะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ดังนั้นเงินแต่ละบาทจึงมีค่ามาก)
2.จะได้วิ่งเล่นสนุกสนานตื่นเต้น เพราะต้องตื่นแต่เช้ามืดคอยช่วยพ่อแม่ จัดโน่น จัดนี่ วิ่งฝ่าความมืดไปแลกของกับบ้าน
โน้น บ้านนี้ อย่างเช่น เอาหมากเม่า ไปแลกหมากเขียบบ้านป้ามี เอาหน่อไม้ไปแลกฟักแฟงบ้านป้ามา แบ่งปิ้งปลาไป
ให้บ้านตาสี เป็นที่สนุกสนานปนตื่นเต้น เพราะฟ้ายังมืดอยู่ แต่ก็พอมองเห็นทางจากแสงไฟบ้าง อาศัยความคุ้นเคย
บ้าง กลัวผีก็กลัว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น สนุกก็สนุก
3.ได้ถือโอกาสไปโรงเรียนสายและงดเรียนวิชาแรกของวันนั้นอีกต่างหาก เพราะคุณครูก็ไปทำบุญที่วัดเหมือนกัน กว่า
จะเสร็จงานที่วัด ก็ปาเข้าไปเกือบ 10 โมง มาถึงก็ครึ่งๆกลางๆ คุณครูมักจะสั่งว่าให้อ่านหนังสือกันไป เดี๋ยวครูจะ
มาทดสอบเก็บคะแนน แต่เอาเข้าจริงๆ คุณครูก็ไม่ได้มาทดสอบอะไรหรอก อย่างดีก็แค่สั่งการบ้าน แบบนี้ก็สบาย
ลอกเพื่อนเอาแป๊บเดียว 555+
จบดีก่า ... เด๋วยิ่งเล่า เพื่อนสมาชิกจะรู้ว่าเพชรน้ำนิล เกเรและซนมากตอนเด็กๆ vbvb
เจอกันครั้งหน้า งานบุญออกพรรษาและบุญกฐินนะคะ ใครจะจองกฐินกับเพชรน้ำนิล ก็จัดคิวมาเลยน้า ... เจ๊ย !!