ต้องการคำแนะนำ หรือชี้แนะจากผู้รู้ทุกท่านค่ะ
ที่ดินแปลง Aและ B อยู่ตรงข้ามกัน โดยมีถนนสาธารณะประโยชน์ กั้นอยู่ตรงกลาง แปลง B ได้ทำเรื่องรังวัดและปักหมุดก่อน
โดยมีผู้ใหญ่บ้านและ จนทของอบต มาเป็นพยานให้ ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนชี้แนวถนน หลังจากวัดเสร็จ จขกทก็พบว่า แปลงB
ปักหมุดขึ้นมาบนไหล่ถนน ชิดขอบทางมากขึ้นจากเดิมที่อยู่ด้านล่าง (ระยะห่างประมาณ 1.5 ม. แนวถนนจะสูงกว่าที่ดินแปลงB)
และมาสืบทราบที่หลังจากจนท รังวัดที่ดินว่า แปลงBได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 67 ตรว.
หลังจากนั้น จขกท ก็ทำเรื่องสอบเขตเพื่อปักหมุดบ้าง ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมก็มาเป็นพยาน และบอกว่า ต้องเว้นระยะถนน ไม่น้อย
กว่า 6 เมตร โดยที่ผู้ใหญ่บ้าน ใช้วัดระยะ จากหมุดของที่ดินแปลง B มายังแปลงA ส่งผลให้ที่ดิน แปลง A รังวัดแล้ว พบว่าที่
ดินขาดไป 57.8 ตรว. เมื่อเป็นแบบนี้ จขกท จะแก้ไขอย่างไรดีค่ะ?
ทางสาธารณะประโยชน์ เป็นทางดินลูกรังค่ะ สมัยก่อนทางเส้นนี้ เริ่มจากทางเกวียณ ชาวบ้านก็สร้างขึ้นกันเอง เป็นทางเส้นเล็กๆ
มีปัญหาเรื่องการสอบเขตที่ดินตามโฉนดค่ะ
ที่ดินแปลง Aและ B อยู่ตรงข้ามกัน โดยมีถนนสาธารณะประโยชน์ กั้นอยู่ตรงกลาง แปลง B ได้ทำเรื่องรังวัดและปักหมุดก่อน
โดยมีผู้ใหญ่บ้านและ จนทของอบต มาเป็นพยานให้ ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนชี้แนวถนน หลังจากวัดเสร็จ จขกทก็พบว่า แปลงB
ปักหมุดขึ้นมาบนไหล่ถนน ชิดขอบทางมากขึ้นจากเดิมที่อยู่ด้านล่าง (ระยะห่างประมาณ 1.5 ม. แนวถนนจะสูงกว่าที่ดินแปลงB)
และมาสืบทราบที่หลังจากจนท รังวัดที่ดินว่า แปลงBได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 67 ตรว.
หลังจากนั้น จขกท ก็ทำเรื่องสอบเขตเพื่อปักหมุดบ้าง ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมก็มาเป็นพยาน และบอกว่า ต้องเว้นระยะถนน ไม่น้อย
กว่า 6 เมตร โดยที่ผู้ใหญ่บ้าน ใช้วัดระยะ จากหมุดของที่ดินแปลง B มายังแปลงA ส่งผลให้ที่ดิน แปลง A รังวัดแล้ว พบว่าที่
ดินขาดไป 57.8 ตรว. เมื่อเป็นแบบนี้ จขกท จะแก้ไขอย่างไรดีค่ะ?
ทางสาธารณะประโยชน์ เป็นทางดินลูกรังค่ะ สมัยก่อนทางเส้นนี้ เริ่มจากทางเกวียณ ชาวบ้านก็สร้างขึ้นกันเอง เป็นทางเส้นเล็กๆ