[CR] เล่าประสบการณ์ สอบเข้าโรงเรียนการไปรษณีย์

สวัสดีน้องๆทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ   สาวแว่น

         วันที่พี่เขียนบทความนี้ พี่ได้เป็นนักเรียนโรงเรียนการไปรษณีย์แล้วค่ะ
วันนี้พี่ตั้งใจว่าจะมาเขียนเล่าเรื่องราว  การเตรียมตัวสอบเข้า รร การไปรษณีย์ให้น้องๆที่สนใจ  ใจหนึ่งก็อยากเขียนเก็บไว้  เพราะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของพี่  ถ้าใครมีคำถามหรือคำแนะนำอะไรทิ้งไว้อาจไม่สะดวกมาตอบนะคะ เพราะจะเขียนเก็บไว้เฉยๆ  ไม่ค่อยล็อคอินพันทิป


......มาเริ่มกันเลยนะคะ ^^  เพี้ยนกินมาม่า
ทำไมถึงซิ่ว   
      ใช่แล้วค่ะพี่ยังเรียนไม่จบค่ะ ตอนพี่รู้จัก รร การไปรษณีย์  พี่กำลังเรียนอยู่ปี 3 ตอนนั้นรู้สึกมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง (ไม่โยงเรื่องการเมืองนะคะ)5555 รู้สึกไม่แน่นอนในชีวิตค่ะ ทั้งๆที่คณะที่เรียนตอนนั้นก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย แต่มันก็มีความไม่แน่นอนค่ะ  พี่อยากทำงานที่มั่นคง  

หมายเหตุ  อาชีพอะไรก็มั่นคงได้ค่ะ แต่ในเมื่อเรามีโอกาส จะเสียโอกาสนี้ไปทำไม  ก็เลยตั้งใจไปสอบค่ะ

ความบังเอิญ หรือ โชคชะตา 5555  
      หัวข้อแปลกๆหน่อย แต่มันก็แปลกจริงๆค่ะ   น้องหลายคนอาจจะรู้จัก รร นี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว   แต่พี่เพิ่งจะมารู้จัก ก็ตอนปีสาม  ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินมาบ้างค่ะ  แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง
จนเมื่อช่วงสอบปลายภาคของปี 3 เทอม 1 มีญาติของตา มาพักที่บ้านค่ะ ลูกชายเขากำลังเรียนอยู่ม.5  แม่ของพี่ก็ถามเรื่องเรียนต่อ ว่าจบแล้วจะไปเรียนต่ออะไร  เขาก็บอกว่า “เนี่ยจะให้ลูกไปสอบ รร การไปรษณีย์ คนที่รู้จักทำอยู่ได้เกือบ 7 หมื่น สวัสดิการก็ดี พ่อแม่ลูกเบิกได้.....” เท่านั้นแหละค่ะ  แม่พี่ก็ทำการค้นข้อมูลทันที 55555  อยากบอกว่าอ่านทุกเว็ป ทุกบล็อคจริงๆค่ะที่เกี่ยวกับ รร การไปรษณีย์ และการทำงานที่บริษัทไปรษณีย์ไทย   
หมายเหตุ  ไม่รู้ว่าคิดเหมือนกันไหม ว่ามีให้อ่านน้อยมาก เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่มาเขียนเล่านี่แหละค่ะ  พี่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลย  ว่าถ้าติดนะ  จะมาเขียนเล่าให้ละเอียดๆเลย  มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคน อาจจะผิดพลาดบ้าง แต่ก็ตั้งใจนะคะ ^^

ช่วงสำคัญ  
      รร การไปรษณีย์จะประกาศรับสมัครในช่วงเดือนเมษายน ของปีพี่สมัครสอบวันที่ 18-30 เมษายน เราต้องปริ้นใบสมัครจากเว็ปไซต์ แล้วไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์แห่งไหนก็ได้ค่ะ   รับวุฒิ ม.6    เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.50   อายุ 17-25 ปีบริบูรณ์

ยิ้มมาต่อค่ะ ...ช่วงนี้จะเป็นช่วงสอบปลายภาคเรียนเทอม 2 ของมหาวิทยาลัยค่ะ ถึงแม้ว่าพี่ตั้งใจที่จะไปสอบ รร การไปรษณีย์ แต่ก็ทิ้งการสอบที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะสอบติดไหม ก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบปลายภาคเต็มที่ค่ะ หลังจากสอบปลายภาคเสร็จให้ตัวเองได้พัก 1 อาทิตย์ก่อนจะกลับมาบ้าน  ต่อไปนี้หล่ะค่ะ... ของจริงหล่ะ 55555


กลับถึงบ้านจัดตารางอ่านหนังสืออย่างคร่าวๆค่ะ*  เราต้องไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ต้องมีความยืดหยุ่น ตารางอ่านหนังสือสำหรับพี่ เหมือนเป็นแนวทางให้รู้ว่าเราควรจะอ่านวิชาไหนเท่าไหร่  พี่ให้คะแนนความหนักเบาของแต่ละวิชาตามความถนัดของตัวเองค่ะ
อ่าน อ่าน อ่าน  มีเวลาเตรียมตัวสอบ 1 เดือนเต็มค่ะ  

.......ตื่นมาตอนเช้ากินข้าวเช้าเสร็จก็ประมาณ 9 โมงถึงเริ่มอ่าน  
เวลาอ่านปกติคือ 9.00-12.00
พักกินข้าวกลางวัน แล้วอ่านต่อ 13.00-17.00
พักผ่อนกินข้าว ดูโทรทัศน์ อาบน้ำ แล้วอ่านต่อ 20.00-24.00เม่าเนิร์ด
.......วันละประมาณ 10 ชั่วโมงค่ะ   

แต่ก็มีนะคะ วันไหนที่ล้าๆ รู้สึกกดดันมากไปวันนั้นก็จะอ่านแค่ประมาณ 5 ชั่วโมงค่ะ
หรือวันไหนฟิตจัด เพาเว่อเหลือก็ถึงตีสามเลยจ้า 5555  ไม่ได้ต้องการอวดนะคะ แต่ตอนนั้นมีความคิดที่ว่า “โอกาสมีครั้งเดียว  ต้องสู้ดิ  แค่เดือนเดียว ถ้าสอบติดก็สบายแล้วนะ  จะไปเที่ยวไหนก็ไป  อยากดูซีรี่ย์จนตาแฉะก็ได้  แค่เดือนเดียวเอง สู้ดิ... ”
สอบเสร็จก็นอนดูซีรีย์ ดูหนังจนเอียนเลยค่ะ 55555


ปีพี่สอบวันที่ 19 มิถุนายน  8.00-16.00  สถานที่สอบคือ ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์  รังสิต
การแต่งกายคือ เสื้อยืดคอกลมสีขาว + กางเกงวอมขายาวสีดำ + รองเท้าแตะ เป็นปีแรกที่ให้แต่งแบบนี้ค่ะ   วันสอบมีคนแต่งผิดมาเพียบ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะมีพ่อค้า-แม่ค้ามาบริการขายให้ถึงศูนย์สอบเลยค่ะ 5555   
บางคนบัตรเข้าห้องสอบหายก็ไม่ได้สอบเลย  รู้สึกสงสารมาก อุตส่าห์เตรียมตัวมา บัตร ปชช ด้วยนะคะ  ไม่มีก็ไม่ได้เข้าสอบเหมือนกัน

แนวข้อสอบค่ะ ^^ สอบ 5 วิชา
1.ภาษาอังกฤษ  
เก็งไปว่าออกแกรมม่า กับคำศัพท์  นั่งย่อnoteกฎ จำกฎไปเยอะมาก ไม่ออกเลย 555555  เออร่งเออเร่อไม่มีสักข้อจ้า
ผลคือปีนี้ออกคำศัพท์ล้วนๆค่ะ  คร่าวๆก็ การสนทนา เติมคำศัพท์  เนื้อเรื่องยาวแล้วให้ตอบคำถาม เวลาน้อยมาก รนมากที่สุด ฝนข้อสุดท้ายพร้อมกับประกาศหมดเวลา  หลายคนทำไม่เสร็จด้วยค่ะเห็นออกมาบ่นๆกันเยอะมาก

2.คณิตศาสตร์
เก็งไปว่าออกแนวโอเนทแต่ยากกว่าโอเนท   วิชานี้ไม่ถนัดค่ะเลยทุ่มทุนสร้างสุดๆ  ฝึกทำโจทย์ค่อนข้างเยอะ เหมือนเริ่มทบทวนใหม่หมดเลย  แต่รู้สึกว่าทำได้มากกว่าตอนที่เรียนมอปลายนะคะ  ทำโจทย์อย่างง่ายไปจนถึงปานกลางของทุกเรื่องเลยค่ะ  คิดว่าโจทย์ยากระดับpat 1 ไม่น่าจะออกก็ไม่ทำค่ะ  ทำซ้ำเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจด้วย
ผลคือเป็นวิชาที่ทำได้มากที่สุดค่ะ  ข้อที่ทำไม่ได้นับข้อได้เลย ดีใจมาก รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่อดทนนั่งทำโจทย์ แล้วก็ทบทวนอย่างหนักหน่วง 55555  แต่จะถูกไหมอีกเรื่องหนึ่ง ^^

3.ภาษาไทย
อันนี้ไม่เก็งค่ะ ปกติไปสอบที่ไหนจะไม่อ่านวิชานี้เลยค่ะ  เพราะคิดว่าอ่านไปก็ทำไม่ได้ เดาๆมั่วๆไป  แต่ครั้งนี้ตั้งใจค่ะเป็นการอ่านภาษาไทยไปสอบครั้งแรก  ความจริงก็ไม่ได้ยากนะคะ แนวข้อสอบก็วนๆอยู่แค่เรื่องเดิมๆ  แต่บางเรื่องที่สลับหมุนเวียนกันมาออกก็บายค่ะ อ่านไปก็ไม่ได้อยู่ดี  
-อ่านทวนหลักภาษาจนแม่นนะคะน้องๆ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นอะไรที่เราจำไปสอบได้
ผลจากการไปสอบคือ ทำได้เฉพาะหลักภาษาที่อ่านมาจริงๆค่ะ นอกนั้นทำไม่ได้ และจำข้อสอบแทบไม่ได้เลย อาจเพราะพี่ไม่ถนัดวิชานี้ด้วยแหละ

4.ทัศนคติ
ตอนแรกงงค่ะ มันคือวิชาด้วยเหรอเนี่ย  ไปหาอ่านตามอินเทอร์เน็ตค่ะว่ามันคืออะไร เหมือนเป็นข้อสอบที่ใช้วัดว่าบุคลิกภาพหรือความคิดความอ่านเรา  ตรงตามที่เขาต้องการไหม  อันนี้จำข้อสอบไม่ได้จริงๆค่ะ  แต่ถ้าน้องๆเป็นคนคิดบวกก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร  เป็นข้อสอบที่ทำเสร็จไวสุดค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าข้อไหนถูกหรือผิด  ก็ฝนคำตอบข้อที่ใจเรียกร้องประมาณนั้นค่ะ ^^

5.คอมพิวเตอร์
เก็งไปว่ายากค่ะ  กว้างมากกกก ไม่รู้จะอ่านอะไร  มีอะไรก็อ่านๆไปค่ะ   ประมาณว่าจำๆไปเท่าที่สามารถจำได้ไหว
ผลก็คือเป็นวิชาที่โหดที่สุด มันกว้างมากจริงๆ     แต่ถ้าคนที่เก่งวิชานี้ก็ไม่น่ายากค่ะ  
ถ้าใครเก็บหนังสือวิชาคอมพิวเตอร์ตอนม.ปลายไว้เอามาทวนก็ดีนะคะ
...........เข้าใจว่าน้องๆหลายคนกลัวมากแค่ไหน เพราะพี่ก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว  ตอนนั้นมันไม่รู้จะอ่านอะไรจริงๆ ก็อ่านให้หมดหมดทุกอย่างเลยค่ะ ข้อสอบไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ต้องเข้าใจว่าแต่ละคนมีความถนัดต่างกันนะคะ  อันนี้ของพี่เนอะ  แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆบ้าง

มาถึงตรงนี้กำลังนั่งนึกอยู่ว่าจะเล่าอะไรต่อดี พักแปปหนึ่ง ......^^

**ค่าใช้จ่าย  ตอนไปสอบ*
ค่าสมัครสอบน่าจะ  300 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ กทม 1650*2 = 3300 บาท พี่ไปกับแม่สองคนค่ะ
ค่ารถแท็กซี่น่าจะซัก 400 บาท
ค่ามอเตอร์ไซรับจ้างน่าจะ 100 บาท
ค่าที่พัก  500 บาท
ไม่รวมค่ากิน ก็ประมาณ 4600 บาท  
**เห็นหลายคนมากับเพื่อนนะคะ  ถ้าแชร์กันก็น่าจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่านี้ครึ่งหนึ่งได้

**อันนี้เป็นคำตอบคร่าวๆจากที่ได้ค้นข้อมูล
1.ใช้เวลาเรียน 1 ปี
2.จบแล้วได้บรรจุเป็นพนักงานไปรษณีย์ระดับ2
3.เงินเดือนเริ่มต้น 11,350บาท  ค่าครองชีพประมาณ 2000บาท เริ่มต้นน้อย แต่จะขึ้นทุกๆปี 5-8% ของเงินเดือน
4.สวัสดิการเหมือนรัฐทุกอย่าง ได้ทั้งพ่อ-แม่, ลูกและคู่สมรส
5.มีกองทุนเลี้ยงชีพตอนเกษียณได้หลักล้าน
6.เรื่องเด็กเส้นไม่รู้ว่ามีรึเปล่า  แต่พี่ก็ไม่มีคนในครอบครัวหรือญาติทำงานไปรษณีย์นะคะ
7.ข้อสอบเป็นกากบาท 5 วิชา คณิต อังกฤษ ไทย คอม ทัศนคติ วิชาละ100คะแนน
8.แต่ละปีคนสมัครสอบหมื่นกว่าคน จำนวนรับแต่ละปีไม่เท่ากันประมาณ100-200คน
อมยิ้ม02อมยิ้ม07

ตอนสอบสัมภาษณ์จะรับเกิน ปีพี่รับผู้หญิงเกินมา20คน แต่พอประกาศจริงรับเท่าจำนวนประกาศรับในตอนแรกเลยค่ะ ที่เหลือได้เป็นตัวสำรองไปค่ะ เปิดเทอมมหาลัยก็ยังต้องมาเรียน เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าจะผ่านสัมภาษณ์รึเปล่า มาเรียนรอผลประมาณสองสัปดาห์ค่ะ แต่ใจนี่อยู่ที่รร การไปรษณีย์แล้วค่ะ ^^


.......ถ้าใครจะหาซื้อหนังสือแนวข้อสอบเข้ารร การไปรษณีย์ทางอินเทอร์เน็ต พี่เข้าใจว่าเป็นแค่การเก็งแนวข้อสอบเฉยๆนะคะ  ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เป็นข้อสอบเก่าย้อนหลัง หรือเป็นแนวข้อสอบที่จะคอนเฟิร์มว่าน้องๆจะสามารถสอบเข้าได้แน่นอน  มันอยู่ที่ความขยันและทุ่มเทของน้องๆเอง  พี่เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือเยอะมาก ไม่มีใครในตระกูลทำงานไปรษณีย์เลย ไม่ได้ไปติวที่ไหนเลยซักที่ ใช้เวลาอ่านแค่ 1 เดือนจริงๆ แต่ทุ่มเทกับมันให้มาก  และพี่เชื่อว่าน้องๆทุกคนสามารถทำได้แน่นอนถ้าเราตั้งใจจริงๆ


ถ้าหากมีข้อมูลที่ผิดพลาดไป ต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^
ก่อนจากกัน ขอฝากเพจน้อยๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ^^
ชื่อเพจ : โรงเรียนการไปรษณีย์-แนวข้อสอบ
** ถ้าอยากปรึกษา หรือซื้อแนวข้อสอบ ติดต่อได้ที่เพจเลยนะคะ จะมีพี่ๆในเพจมาช่วยกันตอบน้องๆค่ะ
พาพันไฟท์ติ้ง
ชื่อสินค้า:   โรงเรียนการไปรษณีย์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่