เด็กน้อยที่หน้าเบี้ยวเพราะโดนครูปาแก้ว เป็น Bell palsy หรือเปล่าครับ ครูเป้นเหยื่อหรือเปล่า

แก้วไม่น่าไปตัดเส้นประสาทคู่ที่ 7 ได้เลย ไม่รู้มีแผลไหม หรือ กระทบจนบวมไปกดเส้นประสาทคู่ที่ 7 ก้ไม่น่าเป็นไปได้

ครูตกเป็นเหยื่อหรือเปล่าครับ เป็นโรคช่วงปาแก้วพอดี

นักวิทย์ช่วยเฉลยหน่อยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
ครูเขายังยอมรับผิดเลย
ผมคิดว่าเรื่องนี้แม้แต่แพทย์ยังเห็นแย้งกันได้ ครูเองก็ไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์ เป็นธรรมดาที่ครูเขาเห็นแบบนี้ก็ย่อมตกใจและเข้าใจเช่นนั้น

แล้วแบบนี้จะตัดสินยังไง
ผมว่าถ้าหากได้ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ก็จะช่วยเป็นหลักฐานได้อย่างดี ถ้ามีรอยแตกร้าวของกระดูกtemporal bone ก็คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีก

ค่าใช้จ่ายเป็นหลายแสนครูไม่คิดจะช่วยเหลือหรือไง
เท่าที่ทราบ ด้วยอารามที่ครูก็ตกใจว่าตัวเองทำผิด เห็นว่าจ่ายค่ารักษาด้วยเงินตัวเองไปแล้ว4หมื่น แต่ทางญาติเด็กไปคุยกับรพ.เอกชนแห่งหนึ่งแล้วพูดเรื่องผ่าตัด เลยได้ตัวเลขค่าผ่าตัดมาเป็นหลายแสน ครูก็ว่าไม่มีปัญญาให้ขนาดนั้นอย่างมากก็ให้ได้8หมื่น แล้วก็เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต

แค่นั่งดูหน้าทีวีก็พูดเป็นวรรคเป็นเวรได้เลยเหรอ
ด้วยตรรกะเดียวกันครับ คนที่ด่าครูเป็นวรรคเป็นเวรก็แค่ดูจากหน้าทีวีเช่นกัน ดังนั้นผมจึงขอแสดงความเห็นและข้อมูลของผมบ้าง

หมอใหญ่ที่ยันฮีก็แถลงแล้วยังจะเถียงอีก
ผมก็มีสิทธิแสดงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยนี่ครับ

*****ยังไงเขาก็ผิดที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์******
ผมก็ย้ำอีกทีว่าเรื่องควบคุมอารมณ์ผมไม่เถียง แต่ผิดแค่ไหนก็ควรโดนลงโทษแค่นั้น ถ้าสมมติว่าหน้าเบี้ยวไม่เกี่ยวกับครูก็ไม่ควรต้องไปรับภาระค่ารักษา แล้วอีกประการ แม้จะยืนยันเอาผิดในโทษฐานอื่น แต่เวลาเราพิจารณาโดยเรายังมีอารมณ์โกรธเกลียดสงสารในเรื่องหน้าเบี้ยวมาครอบงำในใจเรา เราจะสามารถพิจารณาโทษฐานอื่นได้อย่างเป็นธรรมจริงๆหรือเปล่า

แล้วกรณีนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยเหรอที่จะเกิดจากการปาแก้ว
ในโลกแห่งความจริง ไม่มีหมอคนไหนกล้าพูดว่า “เป็นไปได้แน่ๆชัวร์100%” “ไม่มีทางแน่นอนเอาหัวเป็นประกัน” “ใช่แน่ๆรับรองได้ไม่มีทางผิดพลาด” คุณจะไม่ได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากหมอหรอกครับ  
ผมคิดไม่ออกจริงๆว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง  แต่คิดว่าโรคbellมันเป็นไปได้มากกว่า

แล้วงั้น ทำไมหมอที่รักษาไม่พูดไปเลยว่าไม่ได้เกิดจากแก้วกาแฟ
ผมไม่อาจก้าวล่วงความคิดของแพทย์ท่านอื่นได้

ถ้าเป็นลูกคุณโดนจะทำยังไง
ถ้าเป็นลูกผม ผมก็ไปหาข้อมูลแล้วก็พิจารณาไปตามความถูกต้อง ไม่ว่าเราจะโดนอะไรก็ยังต้องมีสติ ยึดมั่นหลักความจริง ไม่ใช่ว่าโดนเองแล้วจะมีสิทธิ์ใช้แต่อารมณ์ความรู้สึกมาตัดสิน ถ้าครูผิดจริงก็เอาเรื่องครู แต่ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด จะเป็นลูกใครมันก็ต้องอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ

เดี๋ยวเขาก็สืบสวนได้ความจริงเองแหละ
ตอนนี้ยังไม่ตัดสินแต่ครูโดนขนาดนี้ ล่าสุดในข่าวเห็นบอกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำ ถ้าโดนคดีอาญาชีวิตจะเป็นยังไง ขึ้นโรงขึ้นศาล หน้าที่การงาน โดนหน่วยงานสอบสวน โดนย้าย เสียเงินเป็นแสน(ด้วยฐานะของครูมัธยมตจว.) เข้าไปดูในเฟสโรงเรียนมีคนด่าหยาบๆคายๆ หารูปหาที่อยู่มาประจานมารุมด่า ผมเห็นคอมเม้นนึงเขียนว่า “ไอ้ศัดนรค กรูอยากกระทืบหน้าเมิงมาก อย่าให้กรูเจอตัวนะ”  “ถ้าเมิงทำกับลูกกรู กรูคงไม่ไปขอค่ารักษานะ กรูจะเอาลูกตะกั่วไปใส่หัวเมิง” อะไรประมาณนี้

ถ้าสมมติว่าเรื่องหน้าเบี้ยวไม่เกี่ยวกับครู คุณต้องวางความรู้สึกสงสารเด็ก+โกรธแค้นครู ทิ้งไปก่อน แล้วค่อยมาพิจารณาโทษเรื่องไม่ควบคุมอารมณ์แล้วปาข้าวของโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ความผิดอันนี้มีจริงแต่มันมากมายแค่ไหน ต้องลงโทษแค่ไหน ตอนนี้ครูคนนี้โดนสั่งย้าย โดนตั้งกรรมการสอบ โดนตำรวจเรียกไปสอบปากคำ โดนเอารูปมาเผยแพร่ให้คนด่าหยาบๆคายๆ ลูกเมียเขาจะโดนอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้เขาสมควรโดนจริงเหรอ ถ้าสมควรโดนแปลว่า กรณีอื่น เวลามนุษย์เราทำงานแล้วเครียดจนเกิดเหตุการณ์เท่านี้ก็ต้องโดนขนาดนี้เช่นกันใช่มั้ย  ***ย้ำ***ทิ้งเรื่องหน้าเบี้ยวออกไปก่อน อย่าเพิ่งให้มันมาครอบงำจิตใจ สังคมต้องตั้งสติกว่านี้ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
ผมทำงานด้านนี้ครับ ได้เห็นข่าวเรื่องน้องนักเรียนหญิงม.5โดนครูโยนแก้วกาแฟมาโดนหน้า แล้ววันรุ่งขึ้นเกิดหน้าเบี้ยวไปครึ่งซีก คนจำนวนมากในสังคมเชื่อว่าเรื่องหน้าเบี้ยวเป็นความผิดของครู แต่ผมกลับคิดอีกอย่าง เห็นครูโดนซะอ่วม ไม่รู้ลูกเมียครูจะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยหรือไม่ ผมรู้สึกว่าครูอาจจะโดนลงโทษจากสังคมเกินกว่าความผิดจริงๆที่ครูทำ ทีแรกคิดว่าไม่อยากขวางน้ำเชี่ยว แต่ก็อดคิดวิจารณ์ไม่ได้ แล้วพอเห็นจขกท.มาจุดประกายแล้ว ขอแสดงความเห็นส่วนตัวบ้างครับ

ผมขอย้ำก่อนว่า ผมไม่ได้พูดว่า การเป็นครูแล้วระเบิดอารมณ์ด้วยการเขวี้ยงปาข้าวของไม่ใช่ความผิด แต่..ความผิดแค่ไหนก็ต้องลงโทษแค่นั้น ความผิดของครูคือ หงุดหงิดแล้วไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ โยนข้าวโยนของไปโดนเด็กนักเรียนแบบมั่วๆสุ่มๆ แล้วไปโดนเด็กคนดังกล่าว (ไม่ได้เป็นการทะเลาะวิวาทเฉพาะตัว) ผลของการกระทำอันนี้เกิดแค่ไหนก็ลงโทษไปแค่นั้น ส่วนเรื่องหน้าเบี้ยวผมคิดว่าถ้ามันไม่เกี่ยวกับครู ครูก็ไม่น่าจะต้องรับผิดชอบในส่วนนั้นไปด้วย

ผมคิดว่า กรณีหน้าเบี้ยวของน้องไม่น่าจะเกิดจากการกระแทกด้วยแก้วน้ำนะครับ จากเนื้อหาที่ทราบในข่าว ผมคิดว่าโอกาสที่แก้วจะไปกระแทกจนเกิดหน้าเบี้ยวแบบนี้มันยากมากๆ ผมกลับคิดว่าเป็นโรค Bell palsyมากกว่า

เส้นประสาทสมองคู่ที่7คืออะไร
หน้าเบี้ยวแบบนี้ เกิดจากโรคของเส้นประสาทสมองเส้นที่7 ชื่อว่า Facial nerve มันส่งสัญญาณจากสมองมากเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้าที่ใช้แสดงความรู้สึก(facial expression) ซึ่งถ้าเบี้ยวแบบในข่าว คือตาก็ปิดไม่ได้ ปากก็ขยับไม่ได้ แสดงว่าโรคมันคงจะอยู่ในกระดูก temporal bone (ผมไม่รู้จะเรียกภาษาไทยว่าอะไรดี กระดูกกกหู? กระดูกทัดดอกไม้?) หรือไม่ก็อยู่ในต่อมน้ำลายข้างหน้ารูหู(parotid gland) หรืออาจอยู่แถวๆก้านสมองก็ยังได้ ถ้าพ้นต่อมน้ำลายออกมาแล้วเส้นประสาทจะแตกตัวออกเป็นเส้นเล็กๆ5เส้น กระจายกันไปเลี้ยงตามทางใครทางมัน ตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงคอ ฉะนั้นถ้าพ้นต่อมน้ำลายออกมาข้างหน้าแล้ว เกิดมีบาดแผลตรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของใบหน้า(ที่รุนแรงจนเส้นประสาทเสียหาย)ก็จะทำให้หน้าเบี้ยวเฉพาะส่วน ฉะนั้นจากในข่าวช่วงแรกที่ว่าโดนกระแทกที่หัวคิ้วบ้าง หางคิ้วบ้าง จึงไม่น่าจะทำให้ปากเบี้ยวได้ อย่างมากที่สุดก็มีปัญหาแค่ตา (ยิ่งถ้าหัวคิ้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย แต่เข้าใจว่าคงใช้คำผิด)

แต่ในข่าวจริงๆบอกว่าโดนกกหู
ถ้าโดนกกหู ก็ยังพอฟังขึ้นว่าจะหน้าเบี้ยวแบบทั้งบนล่างได้(Lower motor neuron Facial palsy) แต่...กกหูคือตรงไหน? ยังไม่เห็นมีการหาข้อมูลชัดๆตรงนี้เลย ว่าแท้จริงแล้วตำแหน่งที่โดนคือตรงไหนกันแน่? แต่ไม่ว่าจะโดนตรงไหนก็ตาม โอกาสหน้าเบี้ยวเพราะแรงกระแทกตามที่เล่า ผมว่ามันเป็นไปได้ยากจริงๆครับ

ถ้าโดนกระแทกตรงต่อมน้ำลาย ต่อมก็จะบวมมาก และกว่าจะหน้าเบี้ยวได้หน้าคงจะต้องบวมเหมือนคนเป็นคางทูม  แรงไม่น่าจะส่งไปถึงเส้นประสาทข้างในโดยที่ต่อมน้ำลายไม่เป็นอะไร

แล้วตามข่าวเห็นเพื่อนนักเรียนบอกว่ากระดอนจากกระจกมาโดนเด็กอีกทีหนึ่ง ถ้าเช่นนั้นแก้วมันจะโดนตำแหน่งใดได้? โอกาสโดนตรงกระดูกทัดดอกไม้ซึ่งมีอยู่ตรงซอกหลังใบหูเป็นไปได้เหรอ ตัวเด็กเองก็ยังพูดไม่ชัดว่าโดนตำแหน่งไหนกันแน่  บางข่าวก็บอกว่าปาใส่หน้า บางข่าวก็หางคิ้ว หัวคิ้ว บางข่าวว่ากกหู กกหูคือตรงไหน? ผมอยากทราบข้อมูลจริงๆ แต่ยังไม่ทราบ เห็นมีแต่คนพยายามไปเอาครูมาแขวนคอ เอ๊ย!มาลงโทษ (อาจเพราะด้วยจิตใจที่ลำเอียงไปก่อนแล้วด้วย เพราะน้องเขาเป็นคนหน้าตาดี พอเกิดแบบนี้คนก็สงสารเห็นใจกันยกใหญ่ ผมเองก็เห็นใจในเรื่องโรค ขอให้น้องหายไวๆ แต่เรื่องเอาผิดครูนี่ของเห็นแย้งหน่อยนะครับ)

แล้วถ้าโดนตรงกระดูกทัดดอกไม้แล้วทำให้เกิดหน้าเบี้ยวได้ ความรุนแรงมันควรจะมากกว่านี้ ขนาดประมาณ โดนไม้หน้าสามตี หรือรถคว่ำหัวกระแทกพื้น อะไรแบบนั้น จากที่ทราบ กลไกของแรงมันไม่น่าจะมากขนาดนั้น และต่อให้แรงมากจริงๆมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่น้องจะไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้นจนข้ามวัน เพราะเส้นประสาทมันไม่ได้อยู่ตื้นๆ มันฝังอยู่ในร่องกระดูกข้างในลึกๆ แรงต้องมากพอที่จะทำให้กระดูกแตกหรือร้าวจนเกิดเลือดออกหรือร่องฉีกขาดหรือเส้นประสาทฉีกขาด(temporal bone fracture) และในกระดูกที่ว่าก็ไม่ได้มีแต่เส้นประสาทที่7 แต่มีอวัยวะอื่นๆอีก ถ้าเกิดกระดูกแตกร้าวจริงก็ควรจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เลือดออกจากหู น้ำไขสันหลังไหล แก้วหูทะลุ หูดับ เวียนศีรษะรุนแรง เป็นต้น และมักจะมีรอยจ้ำเลือดหลังใบหูด้วย พอดีผมเพิ่งสมัครบัตรผ่านมาใหม่ ไม่สามารถลงรูปได้ ใครสนใจลองเอาคำนี้ไปหาดูรูปในgoogleดูครับ... Battle sign

ถ้าไม่ได้โดนกระแทก แล้วคิดว่าเป็นอะไร
มันมีโรคหนึ่งซึ่งพบได้  เรียกว่า Bell palsy คืออาการหน้าเบี้ยวแบบเดียวกันนี้ อาจมีอาการอื่นนำมาก่อน(หรือไม่ก็ได้)เช่น ไข้ ปวดเมื่อย ปวดหู ปวดใบหน้า ซึ่งถ้าไม่มีประวัติหรือข้อมูลอย่างอื่น ผมก็สงสัยว่าน้องอาจจะเป็น bell palsy ก็ได้นะ โรคนี้ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด แพทย์จำนวนมากคิดว่าเกิดขึ้นเอง แต่ส่วนใหญ่เชื่อในทฤษฎีไวรัส และไวรัสที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องมากที่สุดก็คือไวรัสเริมแบบที่1(เริมที่เป็นที่ปาก)มันไประคายเคืองต่อเส้นประสาท  ทฤษฎีอื่นๆก็มีเรื่องเส้นประสาทขาดเลือดไปเลี้ยง เรื่องภูมิคุ้มกัน แม้แต่กรรมพันธุ์ก็มีคนเสนอ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ยังไม่มีข้อสรุป คืออาจจะโบ้ยว่าโรคมันเป็นของมันเองก็พูดได้ คือตามตำรามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้กวนติน

ถ้าไม่เกี่ยวกับปาแก้วน้ำ แล้วทำไมมันบังเอิญเกิดขึ้นใกล้เคียงกัน
ทำไมถึงบังเอิญเกิดใกล้ๆกัน อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน บังเอิญก็คือบังเอิญผมก็ไม่รู้จะอธิบายังไง ถ้ามีเหตุผลมันก็คงไม่เรียกว่าบังเอิญ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเล่าคือ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ธรรมชาติของคนเราเวลาเกิดอะไรขึ้นกับตัวย่อมพยายามคิดย้อนหลังไปหาสาเหตุเพื่อตอบคำถามให้ตัวเองเสมอเท่าที่ความรู้และข้อมูลที่เขามี ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดอะไร ผมเคยพบคุณยายท่านหนึ่งเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำลายข้างแก้ม แกก็ปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะก่อนหน้านั้นแกโดนแมวมาข่วนหน้าเป็นแผลตรงข้ามแก้มนั้นพอดี แผลนั้นก็ลามจนกลายเป็นเนื้องอกรักษาไม่หาย อย่างนี้เป็นต้น  

ตลกดีจัง ก็เห็นอยู่ว่าปาแก้วแล้วรุ่งขึ้นก็หน้าเบี้ยว ชัดเจนขนาดนี้ยังจะแถอีก
ลำพังแค่พิจารณาง่ายๆแค่นี้อาจตัดสินถูกผิดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นเราคงลงโทษคนมั่วไปหมด เกิดเหตุอะไรขึ้นก็แค่ย้อนไปดูวันก่อนว่าไปเจอใครมาบ้างแล้วสรุปได้เลยว่าคนนั้นคือตัวการ?สังคมจะวุ่นวายเละเทะ! การมองแบบนี้อาจใช้นำทางคร่าวๆได้ แต่ยังไงก็ต้องพิจารณาเหตุผลประกอบด้วย ถ้าเช่นนั้น สมมติว่า ตอนเช้าแม่หอมแก้มซ้าย ออกจากบ้านจิ้งจกทัก3ที ตอนสายโดนแก้วกาแฟ ตอนบ่ายนกพิราบขี้ใส่หัวด้าน ตอนเย็นมีหมาวิ่งตัดหน้า ก่อนนอนทาครีมผิดกระปุก แล้วตื่นขึ้นมาหน้าเบี้ยว แบบนี้ใครเป็นตัวการ?  แม่ จิ้งจก แก้วกาแฟ นกพิราบ หมา ครีมทาหน้า ? ฉะนั้นลำพังคิดแค่อะไรเกิดก่อนแค่นั้นไม่เพียงพอต้องมีคำอธิบายมากกว่านี้
ความคิดเห็นที่ 4
ครูห่วยๆ ทำให้คนไทยยุคนี้อ่านจับใจความไม่เป็น

กรณี​นี้ครูผิดตั้งปาแก้วใส่เด็กแล้ว
เด็กจะป่วยอยู่แล้วหรือไม่ก็ไม่ทำให้ผิดน้อยลง หรือผลิกกลายเป็นเหยื่อ​เสียเองได้

หรือจะอ้างว่าปาแก้วใส่เด็กหน้าที่เบี้ยวอยู่แล้วไม่เป็นความผิดงั้นหรือ?
ความคิดเห็นที่ 42
หมอยันฮียืนยันว่าไม่ได้เป็น Bell's palsy


หมอ3โรงบาลวินิจฉัยตรงกัน น้องโดนของแข็งไม่มีคมกระทบ





ยืนยันตามแพทย์ที่ตรวจน้องเขาแล้วเป็นหลักดีกว่าไหมคะ
ความคิดเห็นที่ 22
ความคิดเห็นที่ 3-1
เมื่อวานดูตู้ปณ.ข่าว 3
ผอ.ว่าเป็นแก้วทับเปอร์แวร์
ครูโยนไปโดนกระจกแล้วค่อยโดนเด็ก
บอกว่าสอบถามจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์และมีพยานหลายปากยืนยันตรงกัน
ส่วนเด็กบอกว่าเป็นแก้วเซรามิค
ตั้งใจปา ไม่ใช่โยน แล้วย้อนถามว่าผอ.อยู่ในเหตุการณ์หรือ
นักข่าวถามว่าแก้วแตกไหม
เด็กบอกว่าไม่แตก
ส่วนปาห่างเท่าไหร่ บอกว่าห่างประมาณ 3-4 เมตร

ส่วนวันนี้ดูข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ช่วงประมาณก่อน 7 น.นิดหน่อย
นักข่าวไปถามเด็กที่โรงเรียนที่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้วให้จำลองเหตุการณ์
เห็นเด็กเป็นกลุ่มใหญ่เลย
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ได้ปา
แต่โยนแล้วไปกระทบกับกระจกก่อนแล้วค่อยกระเด็นมาโดนเด็กอีกที( เด็กเล่นโทรศัพท์อยู่ )
จากนั้นตัดไปสัมภาษณ์เด็กที่เดินอยู่อีก 2 คน
คนหนึ่งเป็นผู้หญิงบอกว่าอยู่ติดกับเด็กที่โดนปา
ยืนยันว่าครูโยนแก้ว ไม่ได้ปา แล้วโดนกระจกก่อนจะเด้งมาโดนเด็กอีกที
คือดูแล้วเด็กทั้งหมดให้การตรงกับผอ.
แต่เมื่อวานเท่าที่อ่าน commemt ใน FB เกือบทั้งหมดพิพากษาไปแล้วว่าผอ.แถเข้าข้างครูไปแทบทั้งนั้น
ฟันธงว่าปาแน่นอนไม่งั้นมันจะรุนแรงแบบนี้ได้อย่างไร
ช่วงนี้เสพข่าวพวกนี้อาจจะต้องยั้งมือยั้งใจอย่าเพิ่งด่าใครไปก่อนแล้วกันครับ
ข้อมูลบางทีเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ
รอความชัดเจนอีกสักระยะแล้วกันครับ

Megaman X  
10 ชั่วโมงที่แล้ว
ความคิดเห็นที่ 21
ประเด็นมันเป็นอย่างนี้

1) ครูปาแก้วใส่เด็กเป็นโรคหน้าเบี้ยวอยู่แล้ว ....หน้าเบี้ยวอยู่แล้ว...ไม่เกี่ยวกับครูผิดหรือไม่ผิด

2) แต่มันเกี่ยวกับการสวมรอย เกาะกระแส ตีโพยตีพาย เรียกร้องค่าเสียหายเกินจริง

3) ติดตามข่าวกันบ้างไหม เรียกค่าเสียหายนั้น มันคำนวณจากการเสียหายจริงๆ หรือ คิดเอาเอง ....... อะ อะ อย่าโลกสวย มองด้วยความเป็นธรรม นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่