อันยองงงงงงงงง.......
สวัสดีค่ะ อาภิค่ะ กระทู้แรก ตั้งใจไว้แล้วว่าไปเที่ยวแล้วจะกลับมาเขียนกระทู้รีวิวบ้าง หากผิดพลาดตรงไหนก็ด่าได้แต่อย่าแรงนะคะ
ขอเกริ่นก่อนเลยค่ะ ทริปนี้อาภิเดินทางไปที่เกาหลีใต้ค่ะ วันที่15/7/2016-19/7/2016 เดินทางไปกับทัวร์ go holidayค่ะ ซื้อทัวร์กับQE tour
ไม่ได้มาโฆษณานะคะ ไม่ได้อะไรจากทัวร์ทั้งนั้น อันไหนดี จะชม อันไหนไม่ดี ก็ขอติค่ะ เพราะเป็นการรีวิวแบบจริงจัง เพื่อให้ข้อมูลแก่เพื่อนๆในพันทิป อาภิอยากแชร์ประสบการณ์กับทุกๆคน เพราะก่อนที่จะไปก็หาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปนี่แหละ
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่ตัวเราเองค่ะ มีฝันอยากไปเที่ยวต่างประเทศด้วยเงินตัวเองก่อนอายุจะพ้น25ปี
สมาชิกในทริป 3 คน มีคุณแฟน และน้องสาวเราไปด้วย
ขออนุญาตอธิบายเป็นสเต็ปค่ะ
1.เลือกประเทศ การที่อาภิเลือกเกาหลีใต้เพราะ ว่างเดินทางช่วงกรกฎาคม วันหยุดยาวนั่นเอง ดูหลายประเทศมากค่ะ ช่วงนั้นพี่จีนมรสุมเข้า ฮ่องกง สิงคโปร์ก็ฝนตก มรสุมเช่นกัน พอเหลือบไปดูเกาหลีปุ๊ป สภาพอากาศจะเป็นฤดูร้อนของเขา+ฝนตก น้องสาวก็ค่อนข้างติ่งเกาหลี และตัวเราเองก็อยากไปหาคำตอบว่าคนเกาหลีแท้จริงแล้วหน้าตาสวยหล่อจริงไหม 555+ ส่วนคุณแฟนนั้น ตามใจอาภิค่ะ
2.วางแผนเดินทาง ตอนแรกจะเลือกไปเอง แต่ด้วยการคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว การไปกับทัวร์คุ้มกว่ามากเพราะประเทศเกาหลี รัฐบาลเขาสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว แต่เราก็ต้องไปตามโปรแกรมของทัวร์ด้วย มีไปลงศูนย์เครื่องสำอางค์ ศูนย์โสม ศูนย์อัญมณี และโรงเรียนสอนทำกิมจิ แต่เขาไม่ได้บังคับให้เราซื้อของนะคะ ไม่ชอบก็ไม่ซื้อ ชอบก็ซื้อค่ะ
3.เตรียมเรื่องสภาพอากาศ ดูในเว็บพยากรณ์อากาศเกาหลี แจ้งว่าวันที่จะเดินทางมีฝนตกและอากาศอยู่ที่20องศาที่อินชอน ส่วนโซลนั้น23-24องศาค่ะ บอกเลยว่าตกใจเบาๆ เอ๊ะนี่ฉันไปเที่ยวSummerรึป่าว 555+ เทียบบ้านเราไม่ติดเลยค่ะ
4.แลกเงิน อาภิแลกไปต่อคนเพียงคนละ6,000ค่ะ เพราะทุกอย่างเราซื้อทัวร์ไปแล้ว ราคา 15,900 บาท ซึ่งก็รวมอาหารทุกมื้อ ค่าเข้าสถานที่ทุกที่แล้ว ส่วนของที่เพื่อนๆฝากหิ้วก็เป็นเครื่องสำอางค์ส่วนใหญ่ กะว่าใช้บัตรเครดิตรูดค่ะ เพราะศึกษาแล้วว่า Rate ไม่ต่างกันมาก จะบอกว่าคุณแฟนดันกั๊กเงินเกาหลีไว้ไม่ใช้ให้หมด กลับมาขาดทุนค่ะ แต่ก็ไม่เสียดายมาก เพราะว่าแฟนคงคิดเผื่อติดๆไว้ฉุกเฉินต้องใฃ้เงินวอน
5.จัดกระเป๋า ดูพวกรีวิวได้ค่ะ ดูว่าเดือนนี้ใส่เสื้อผ้ายังไง อาภิก็เอาไปแต่เสื้อที่ใส่เหมือนอยู่ไทย ติดเสื้อคลุมไป ร่มก็เอาไปค่ะเพราะมีฝน รองเท้าเอาที่เป็นผ้าใบใส่แล้วไม่กัด รองเท้าแตะไว้ใส่เดินเล่นตอนกลางคืน เครื่องสำอางค์เอาไปน้อยมาก เพราะกะไปสอยที่เกาหลี 555+ อุปกรณ์ต่อปลั๊ก เกาหลีใช้ปลั๊กคนละแบบกับเราค่ะ เป็นแบบหัวกลม อย่าลืมหัวแปลงนะคะ ส่วนระบบไฟฟ้าของเขาจะใช้ไฟ 220V เหมือนบ้านเราค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องกำลังไฟ
เดินทาง
เช็คอินที่ดอนเมืองค่ะเวลา4ทุ่ม เจอกรุ๊ปทัวร์ พี่ไกด์ของทัวร์เดินทางทักทาย พร้อมทั้งถามรายละเอียด อาภิบอกเลยนะคะ สิ่งแรกที่ทำให้ใจเสียคือเรื่องผู้หญิงไปเที่ยวเกาหลี ตม.เกาหลีค่อนข้างเข็มข้นกับสาวไทยค่ะ โดนเฉพาะสาวประเภท2 เรื่องเกิดคือ อาภิกับน้องสาว เราเดินทางครั้งแรก ในพาสปอร์ตโล่งค่ะ อาภิมีสำเนาบัตนพนักงานและสำเนานามบัตรที่ทำงาน พร้อมกับถือบัตรเครดิตหลายสำนัก มันสำคัญนะคะ คืออย่างน้อยบัตรเครดิตก็ทำให้เราดูมีเครดิตค่ะ ส่วนน้องสาวอาภิน่าเป็นห่วงสุด โชคดีที่ให้นางขอหนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเป็นอังกฤษและเอกสารเดินทางออกนอกประเทศของผู้เยาว์ คือนาง19 ไม่ถึง20 ออกนอกประเทศพ่อแม่ต้องเซ็นรับทราบและแจ้งว่าเดินทางกับใครที่เขต คุณแฟนรอดเพราะเดินทางเยอะอยู่แล้ว พี่ไกด์ก็ปลอบว่าหากไปถึงที่ตม เกาหลี ให้เตรียมเอกสารทั้งหมด ตอบคำถามปกติและอย่าลน ข้อมูลการเดินทางให้พอรู้บ้างว่าเดินทางกี่วัน เที่ยวที่ไหน พักที่ไหน ก็อุ่นใจขึ้นค่ะ คือบอกเลยนะว่าทัวร์ไม่สามารถช่วยอะไรได้ถ้าเราติดจริงๆ สรุปคือขึ้นเครื่องเกือบเที่ยงคืน เครื่องออกตี1ได้ บินค่ะ
ท้องฟ้าสดใส สวยงามค่ะ
บนเครื่องXJ700 Thai Air Asia X มีบริการอาหารนะคะ ทัวร์เราซื้อไว้
อาภิกับแฟนใช้บัตรเครดิตแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพใช้สิทธิรับเครื่องดื่มฟรี ราคาไม่เกิน60บาทค่ะ คุ้ม
เกาหลีเวลาเร็วกว่าบ้านเราประมาณ2ชม.ได้ค่ะ อย่าลืมปรับเวลาที่นาฬิกานะคะ
ถึงแย้ว Incheon International Airport
อุ๊บส์..... ฝนตกค่ะ อากาศหนาว ตอนอยุที่Gate ไม่รู้สึก ออกมาเท่านั้นแหละ 16 องศาแม่เจ้า เสื้อคลุมเอาไม่อยู่ง่ะ เย็น
ตอนผ่านด่านตม. บอกเลยค่ะลงจากเครื่องมาเรากับน้องสาวถอดคอนแทคเลนส์เพื่อจะหลับบนเครื่อง ตอนผ่านตมใส่แว่นสายตาทั้งคู่ หน้าสวยๆนั่นเป็นป้าขึ้นมาทันที แต่บอกเลยค่ะว่าตม.ผ่านสบาย เห็นพี่ที่มากรุ๊ปเดียวกัน โดนเรียกเข้าห้องไป2 คน แอบเสียวแทน แต่ก็ปล่อยออกมา จะมีฝ่ายสแกนก่อนผ่านด่านตม. คอยจับคนแล้วคนเล่าเข้าห้องเย็น ส่วนใหญ่ก็พวกที่แต่งตัวเหมือนคนมาใช้แรงงานทีโดนเรียก กับผู้หญิงแนวสก๊อยๆคนนึง
เราต้องนั่งรถไฟฟ้าเชื่อมgateค่ะเพราะสนามบินที่นี่ใหญ่มว๊ากกกกกกก
สิ่งนึงที่อาภิอยากบอกคือกระดาษทิชชู่ที่นั่นเหนียวดีจัง 5555+
หลังจากโหลดกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา พี่ไกด์ของทัวร์ พี่ไกด์ท้องถิ่น และหนุ่มเกาหลีผู้ช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างมาต้อนรับเรา พาเราขึ้นรถ พร้อมออกเดินทาง
ก่อนอื่นเลยค่ะ เราต้องข้ามสะพานอินชอน(Incheon Bridge, 인천대교)เป็นสะพานที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดของเกาหลี ใช้ข้ามระหว่างเกาะ Yeongjongdo ที่เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติอินชอน(Incheon International Airport)เข้าสู่แผ่นดินใหญ่ สูงจากทะเล 238 เมตร ยาว 21 กิโลเมตร ขนาด 6 เลน สร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ. 2009 มีรูปร่างโค้งไปตามทะเล สวยงามมาก จนได้รับรางวัลจากนิตยาสารด้านสถาปัตยกรรมว่ามีเป็นหนึ่งใน 10 งานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก (เครดิตข้อมูลเชิงลึก
http://www.chilloutkorea.com/incheon-bridge/)
จุดหมายแรก กินสิคะ รออะไร เรามากันที่ร้านอาหารจาจังเมียนค่ะ อิ่มแล้วเดินทางต่อ
รสชาติจาจังเมียน โอเคอยู่ค่ะ แต่ว่ากินมากๆ เลี่ยนอ่ะ มีเครื่องเคียงให้อ่ะ
อิ่มและ เดินทางค่ะ
ทัวร์พาพวกเราไปเกาะวอลมิโด (Wolmi Theme Park, 월미테마파크)เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองอินชอน(Incheon) อยู่ริมทะเลบนเกาะวอลมิ(Wolmi) มีชื่อเดิมว่า สวนสนุกมายแลนด์(My Land) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1992 และได้รับการรีโนเวทครั้งใหญ่เมื่อปี 2009 พร้อมกับชื่อใหม่
(เครดิต
http://www.chilloutkorea.com/wolmi-theme-park/)
มีเครื่องเล่นนะคะ แต่เราไม่ได้เล่นนะ เวลาน้อย ทัวร์ให้แวะเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นไรงี้ สภาพอากาศตอนนั้น ฝนตกค่ะ แต่ฝนตกที่นั่นมีความพิเศษแตกต่างจากบ้านเราค่ะ อาภิว่าเหมือนเราโดนสเปรย์ฉีดอยู่รอบตัวเป็นละอองๆค่ะ กางร่มไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่อ่ะ
ร้านค้าที่นี่ก็น่ารักมุ้งมิ้งดีค่ะ
มาถึงแล้วก็ซื้อหนมกิน เอ๊ะตะกี้บอกอิ่ม 555+
พอถ่ายรูปเล่นสักพัก พี่ทัวร์เรียกขึ้นรถค่ะ ไปต่อกัน
ที่ต่อไปคือ อินชอน ไชน่าทาวน์ (Incheon China Town, 인천 차이나타운)เกิดขึ้นช่วงปีเดียวกับการเปิดท่าเรืออินชอน เมื่อปีค.ศ. 1883 โดยมอบเป็นพื้นที่พิเศษให้กับชาวจีนในยุคนั้นคือราชวงศ์ฉิง ในอดีตเคยมีร้านขายของประเภทต่างๆที่มาจากเมืองจีน แต่ในปัจจุบันร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร ถึงแม้ว่าคนรุ่นปัจจุบันในไชน่าทาวน์แห่งนี้จะเป็นรุ่นที่ 2 หรือ 3 แล้ว แต่ก็ยังเป็นย่านที่มีร้านอาหารที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนอยู่มากที่สุด แล้วย่านนี้ยังเป็นไชน่าทาวน์เพียงแห่งเดียวในเกาหลีด้วย
(เครดิต
http://www.chilloutkorea.com/incheon-china-town/)
ทัวร์ให้เราเดินเล่นไปเรื่อยตามสะดวกประมาณชั่วโมงนึงได้ค่ะ แก้งค์อาภิก็สรรหาของกินต่อไปค่ะ อะไรที่ว่าจัดมา
ซาลาเปา หน้าตาแบบนี้ รสชาติ อร่อยมากค่ะ กินร้อนๆ ตอนอากาศเย็นๆ ฟิน...
ในมุมนึงของที่นี่
สังเกตไหมคะว่าบ้านเมืองเขาเป็นแบบเนินเขา ใช่ค่ะนั่นเป็นส่วนนึงที่ส่งผลให้ประเทศเขามีช่วงเวลาที่อากาศเย็นยาวนานมากค่ะ
ส่วนหุ่นของคนเกาหลี ตัวใหญ่ค่ะ ส่วนใหญ่หุ่นดีค่ะ สมส่วนกันเกือบทุกคน
ต่อค่ะยาวไปๆ
เก็บภาพ ชิมขนมได้สักพัก ถึงเวลาพี่ทัวร์เรียกแย้วไปค่ะ ไปขึ้นรถกัน รอข้ามถนนทางม้าลายค่ะ
สถานที่ถัดมา เกาะนามิ(Namiseom Island, 남이섬 종합휴양지) สถานที่ยอดฮิตจากเรื่อง winter sonata หรือชื่อไทยว่า เพลงรักในสายลมหนาว
เกาะนามิเกิดขึ้นจากผลของการกั้นน้ำเพื่อสร้างเขื่อน มีพื้นที่ประมาณ 270 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว บนเกาะนี้มีชื่อเสียงในหมู่คนเกาหลีมานานเนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามยังมีสัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ตามธรรมชาติเช่น กระรอก กระแต นก หงส์ ห่าน รวมถึงนกกระจอกเทศด้วย และที่นี่จะนำสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด เพียงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้ โดยช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะต้นไม้มากมายที่นี่จะเปลี่ยนสีเหลือง สีแดง สีส้ม โดยเฉพาะทางเดินใต้ต้นแปะก๊วยที่จะเปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองสดสวยงามมาก แต่ที่นี่คนจะเยอะตลอดทุกฤดู (เครดิต
http://www.chilloutkorea.com/namiseom-island/)
ขึ้นเรือกัน ต้องข้ามฝั่ง เรือทรงโดมแปลกๆ ไม่ค่อยชินอ่ะ
ข้ามมาถึงบรรยากาศดีมากเลยค่ะ ทิวทัศน์สบายตา
ตอนจะกลับอาภิเห็นร้านค้า เลยแวะเข้าไปหน่อยสิ เผื่อเจอของดี และสิ่งที่ตามหา
กินวนไปค่ะ
นมกล้วย อร่อยอ่ะ ละมุนลิ้น อยู่ที่นั่นอาภิฟาดไปหลายขวด
[img]http://f.ptcdn.info/985/045/000/odjvl9dcNFOSSl2O3P-o.jpg[/img
Honey Butter Chip อันนี้ก็เลิศค่ะ
มื้อค่ำ ชาบูชาบู
อิ่มค่ะ แวะ GS25 ก่อนมุ่งไปที่พักค่ะ
ปล.มีต่อภาค2ค่ะ
[CR] Summer in love at South Korea by Arpi
สวัสดีค่ะ อาภิค่ะ กระทู้แรก ตั้งใจไว้แล้วว่าไปเที่ยวแล้วจะกลับมาเขียนกระทู้รีวิวบ้าง หากผิดพลาดตรงไหนก็ด่าได้แต่อย่าแรงนะคะ
ขอเกริ่นก่อนเลยค่ะ ทริปนี้อาภิเดินทางไปที่เกาหลีใต้ค่ะ วันที่15/7/2016-19/7/2016 เดินทางไปกับทัวร์ go holidayค่ะ ซื้อทัวร์กับQE tour
ไม่ได้มาโฆษณานะคะ ไม่ได้อะไรจากทัวร์ทั้งนั้น อันไหนดี จะชม อันไหนไม่ดี ก็ขอติค่ะ เพราะเป็นการรีวิวแบบจริงจัง เพื่อให้ข้อมูลแก่เพื่อนๆในพันทิป อาภิอยากแชร์ประสบการณ์กับทุกๆคน เพราะก่อนที่จะไปก็หาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปนี่แหละ
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่ตัวเราเองค่ะ มีฝันอยากไปเที่ยวต่างประเทศด้วยเงินตัวเองก่อนอายุจะพ้น25ปี
สมาชิกในทริป 3 คน มีคุณแฟน และน้องสาวเราไปด้วย
ขออนุญาตอธิบายเป็นสเต็ปค่ะ
1.เลือกประเทศ การที่อาภิเลือกเกาหลีใต้เพราะ ว่างเดินทางช่วงกรกฎาคม วันหยุดยาวนั่นเอง ดูหลายประเทศมากค่ะ ช่วงนั้นพี่จีนมรสุมเข้า ฮ่องกง สิงคโปร์ก็ฝนตก มรสุมเช่นกัน พอเหลือบไปดูเกาหลีปุ๊ป สภาพอากาศจะเป็นฤดูร้อนของเขา+ฝนตก น้องสาวก็ค่อนข้างติ่งเกาหลี และตัวเราเองก็อยากไปหาคำตอบว่าคนเกาหลีแท้จริงแล้วหน้าตาสวยหล่อจริงไหม 555+ ส่วนคุณแฟนนั้น ตามใจอาภิค่ะ
2.วางแผนเดินทาง ตอนแรกจะเลือกไปเอง แต่ด้วยการคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว การไปกับทัวร์คุ้มกว่ามากเพราะประเทศเกาหลี รัฐบาลเขาสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว แต่เราก็ต้องไปตามโปรแกรมของทัวร์ด้วย มีไปลงศูนย์เครื่องสำอางค์ ศูนย์โสม ศูนย์อัญมณี และโรงเรียนสอนทำกิมจิ แต่เขาไม่ได้บังคับให้เราซื้อของนะคะ ไม่ชอบก็ไม่ซื้อ ชอบก็ซื้อค่ะ
3.เตรียมเรื่องสภาพอากาศ ดูในเว็บพยากรณ์อากาศเกาหลี แจ้งว่าวันที่จะเดินทางมีฝนตกและอากาศอยู่ที่20องศาที่อินชอน ส่วนโซลนั้น23-24องศาค่ะ บอกเลยว่าตกใจเบาๆ เอ๊ะนี่ฉันไปเที่ยวSummerรึป่าว 555+ เทียบบ้านเราไม่ติดเลยค่ะ
4.แลกเงิน อาภิแลกไปต่อคนเพียงคนละ6,000ค่ะ เพราะทุกอย่างเราซื้อทัวร์ไปแล้ว ราคา 15,900 บาท ซึ่งก็รวมอาหารทุกมื้อ ค่าเข้าสถานที่ทุกที่แล้ว ส่วนของที่เพื่อนๆฝากหิ้วก็เป็นเครื่องสำอางค์ส่วนใหญ่ กะว่าใช้บัตรเครดิตรูดค่ะ เพราะศึกษาแล้วว่า Rate ไม่ต่างกันมาก จะบอกว่าคุณแฟนดันกั๊กเงินเกาหลีไว้ไม่ใช้ให้หมด กลับมาขาดทุนค่ะ แต่ก็ไม่เสียดายมาก เพราะว่าแฟนคงคิดเผื่อติดๆไว้ฉุกเฉินต้องใฃ้เงินวอน
5.จัดกระเป๋า ดูพวกรีวิวได้ค่ะ ดูว่าเดือนนี้ใส่เสื้อผ้ายังไง อาภิก็เอาไปแต่เสื้อที่ใส่เหมือนอยู่ไทย ติดเสื้อคลุมไป ร่มก็เอาไปค่ะเพราะมีฝน รองเท้าเอาที่เป็นผ้าใบใส่แล้วไม่กัด รองเท้าแตะไว้ใส่เดินเล่นตอนกลางคืน เครื่องสำอางค์เอาไปน้อยมาก เพราะกะไปสอยที่เกาหลี 555+ อุปกรณ์ต่อปลั๊ก เกาหลีใช้ปลั๊กคนละแบบกับเราค่ะ เป็นแบบหัวกลม อย่าลืมหัวแปลงนะคะ ส่วนระบบไฟฟ้าของเขาจะใช้ไฟ 220V เหมือนบ้านเราค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องกำลังไฟ
เดินทาง
เช็คอินที่ดอนเมืองค่ะเวลา4ทุ่ม เจอกรุ๊ปทัวร์ พี่ไกด์ของทัวร์เดินทางทักทาย พร้อมทั้งถามรายละเอียด อาภิบอกเลยนะคะ สิ่งแรกที่ทำให้ใจเสียคือเรื่องผู้หญิงไปเที่ยวเกาหลี ตม.เกาหลีค่อนข้างเข็มข้นกับสาวไทยค่ะ โดนเฉพาะสาวประเภท2 เรื่องเกิดคือ อาภิกับน้องสาว เราเดินทางครั้งแรก ในพาสปอร์ตโล่งค่ะ อาภิมีสำเนาบัตนพนักงานและสำเนานามบัตรที่ทำงาน พร้อมกับถือบัตรเครดิตหลายสำนัก มันสำคัญนะคะ คืออย่างน้อยบัตรเครดิตก็ทำให้เราดูมีเครดิตค่ะ ส่วนน้องสาวอาภิน่าเป็นห่วงสุด โชคดีที่ให้นางขอหนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเป็นอังกฤษและเอกสารเดินทางออกนอกประเทศของผู้เยาว์ คือนาง19 ไม่ถึง20 ออกนอกประเทศพ่อแม่ต้องเซ็นรับทราบและแจ้งว่าเดินทางกับใครที่เขต คุณแฟนรอดเพราะเดินทางเยอะอยู่แล้ว พี่ไกด์ก็ปลอบว่าหากไปถึงที่ตม เกาหลี ให้เตรียมเอกสารทั้งหมด ตอบคำถามปกติและอย่าลน ข้อมูลการเดินทางให้พอรู้บ้างว่าเดินทางกี่วัน เที่ยวที่ไหน พักที่ไหน ก็อุ่นใจขึ้นค่ะ คือบอกเลยนะว่าทัวร์ไม่สามารถช่วยอะไรได้ถ้าเราติดจริงๆ สรุปคือขึ้นเครื่องเกือบเที่ยงคืน เครื่องออกตี1ได้ บินค่ะ
ท้องฟ้าสดใส สวยงามค่ะ
บนเครื่องXJ700 Thai Air Asia X มีบริการอาหารนะคะ ทัวร์เราซื้อไว้
อาภิกับแฟนใช้บัตรเครดิตแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพใช้สิทธิรับเครื่องดื่มฟรี ราคาไม่เกิน60บาทค่ะ คุ้ม
เกาหลีเวลาเร็วกว่าบ้านเราประมาณ2ชม.ได้ค่ะ อย่าลืมปรับเวลาที่นาฬิกานะคะ
ถึงแย้ว Incheon International Airport
อุ๊บส์..... ฝนตกค่ะ อากาศหนาว ตอนอยุที่Gate ไม่รู้สึก ออกมาเท่านั้นแหละ 16 องศาแม่เจ้า เสื้อคลุมเอาไม่อยู่ง่ะ เย็น
ตอนผ่านด่านตม. บอกเลยค่ะลงจากเครื่องมาเรากับน้องสาวถอดคอนแทคเลนส์เพื่อจะหลับบนเครื่อง ตอนผ่านตมใส่แว่นสายตาทั้งคู่ หน้าสวยๆนั่นเป็นป้าขึ้นมาทันที แต่บอกเลยค่ะว่าตม.ผ่านสบาย เห็นพี่ที่มากรุ๊ปเดียวกัน โดนเรียกเข้าห้องไป2 คน แอบเสียวแทน แต่ก็ปล่อยออกมา จะมีฝ่ายสแกนก่อนผ่านด่านตม. คอยจับคนแล้วคนเล่าเข้าห้องเย็น ส่วนใหญ่ก็พวกที่แต่งตัวเหมือนคนมาใช้แรงงานทีโดนเรียก กับผู้หญิงแนวสก๊อยๆคนนึง
เราต้องนั่งรถไฟฟ้าเชื่อมgateค่ะเพราะสนามบินที่นี่ใหญ่มว๊ากกกกกกก
สิ่งนึงที่อาภิอยากบอกคือกระดาษทิชชู่ที่นั่นเหนียวดีจัง 5555+
หลังจากโหลดกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา พี่ไกด์ของทัวร์ พี่ไกด์ท้องถิ่น และหนุ่มเกาหลีผู้ช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างมาต้อนรับเรา พาเราขึ้นรถ พร้อมออกเดินทาง
ก่อนอื่นเลยค่ะ เราต้องข้ามสะพานอินชอน(Incheon Bridge, 인천대교)เป็นสะพานที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดของเกาหลี ใช้ข้ามระหว่างเกาะ Yeongjongdo ที่เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติอินชอน(Incheon International Airport)เข้าสู่แผ่นดินใหญ่ สูงจากทะเล 238 เมตร ยาว 21 กิโลเมตร ขนาด 6 เลน สร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ. 2009 มีรูปร่างโค้งไปตามทะเล สวยงามมาก จนได้รับรางวัลจากนิตยาสารด้านสถาปัตยกรรมว่ามีเป็นหนึ่งใน 10 งานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก (เครดิตข้อมูลเชิงลึก http://www.chilloutkorea.com/incheon-bridge/)
จุดหมายแรก กินสิคะ รออะไร เรามากันที่ร้านอาหารจาจังเมียนค่ะ อิ่มแล้วเดินทางต่อ
รสชาติจาจังเมียน โอเคอยู่ค่ะ แต่ว่ากินมากๆ เลี่ยนอ่ะ มีเครื่องเคียงให้อ่ะ
อิ่มและ เดินทางค่ะ
ทัวร์พาพวกเราไปเกาะวอลมิโด (Wolmi Theme Park, 월미테마파크)เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองอินชอน(Incheon) อยู่ริมทะเลบนเกาะวอลมิ(Wolmi) มีชื่อเดิมว่า สวนสนุกมายแลนด์(My Land) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1992 และได้รับการรีโนเวทครั้งใหญ่เมื่อปี 2009 พร้อมกับชื่อใหม่
(เครดิต http://www.chilloutkorea.com/wolmi-theme-park/)
มีเครื่องเล่นนะคะ แต่เราไม่ได้เล่นนะ เวลาน้อย ทัวร์ให้แวะเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นไรงี้ สภาพอากาศตอนนั้น ฝนตกค่ะ แต่ฝนตกที่นั่นมีความพิเศษแตกต่างจากบ้านเราค่ะ อาภิว่าเหมือนเราโดนสเปรย์ฉีดอยู่รอบตัวเป็นละอองๆค่ะ กางร่มไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่อ่ะ
ร้านค้าที่นี่ก็น่ารักมุ้งมิ้งดีค่ะ
มาถึงแล้วก็ซื้อหนมกิน เอ๊ะตะกี้บอกอิ่ม 555+
พอถ่ายรูปเล่นสักพัก พี่ทัวร์เรียกขึ้นรถค่ะ ไปต่อกัน
ที่ต่อไปคือ อินชอน ไชน่าทาวน์ (Incheon China Town, 인천 차이나타운)เกิดขึ้นช่วงปีเดียวกับการเปิดท่าเรืออินชอน เมื่อปีค.ศ. 1883 โดยมอบเป็นพื้นที่พิเศษให้กับชาวจีนในยุคนั้นคือราชวงศ์ฉิง ในอดีตเคยมีร้านขายของประเภทต่างๆที่มาจากเมืองจีน แต่ในปัจจุบันร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร ถึงแม้ว่าคนรุ่นปัจจุบันในไชน่าทาวน์แห่งนี้จะเป็นรุ่นที่ 2 หรือ 3 แล้ว แต่ก็ยังเป็นย่านที่มีร้านอาหารที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนอยู่มากที่สุด แล้วย่านนี้ยังเป็นไชน่าทาวน์เพียงแห่งเดียวในเกาหลีด้วย
(เครดิต http://www.chilloutkorea.com/incheon-china-town/)
ทัวร์ให้เราเดินเล่นไปเรื่อยตามสะดวกประมาณชั่วโมงนึงได้ค่ะ แก้งค์อาภิก็สรรหาของกินต่อไปค่ะ อะไรที่ว่าจัดมา
ซาลาเปา หน้าตาแบบนี้ รสชาติ อร่อยมากค่ะ กินร้อนๆ ตอนอากาศเย็นๆ ฟิน...
ในมุมนึงของที่นี่
สังเกตไหมคะว่าบ้านเมืองเขาเป็นแบบเนินเขา ใช่ค่ะนั่นเป็นส่วนนึงที่ส่งผลให้ประเทศเขามีช่วงเวลาที่อากาศเย็นยาวนานมากค่ะ
ส่วนหุ่นของคนเกาหลี ตัวใหญ่ค่ะ ส่วนใหญ่หุ่นดีค่ะ สมส่วนกันเกือบทุกคน
ต่อค่ะยาวไปๆ
เก็บภาพ ชิมขนมได้สักพัก ถึงเวลาพี่ทัวร์เรียกแย้วไปค่ะ ไปขึ้นรถกัน รอข้ามถนนทางม้าลายค่ะ
สถานที่ถัดมา เกาะนามิ(Namiseom Island, 남이섬 종합휴양지) สถานที่ยอดฮิตจากเรื่อง winter sonata หรือชื่อไทยว่า เพลงรักในสายลมหนาว
เกาะนามิเกิดขึ้นจากผลของการกั้นน้ำเพื่อสร้างเขื่อน มีพื้นที่ประมาณ 270 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว บนเกาะนี้มีชื่อเสียงในหมู่คนเกาหลีมานานเนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามยังมีสัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ตามธรรมชาติเช่น กระรอก กระแต นก หงส์ ห่าน รวมถึงนกกระจอกเทศด้วย และที่นี่จะนำสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด เพียงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้ โดยช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะต้นไม้มากมายที่นี่จะเปลี่ยนสีเหลือง สีแดง สีส้ม โดยเฉพาะทางเดินใต้ต้นแปะก๊วยที่จะเปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองสดสวยงามมาก แต่ที่นี่คนจะเยอะตลอดทุกฤดู (เครดิต http://www.chilloutkorea.com/namiseom-island/)
ขึ้นเรือกัน ต้องข้ามฝั่ง เรือทรงโดมแปลกๆ ไม่ค่อยชินอ่ะ
ข้ามมาถึงบรรยากาศดีมากเลยค่ะ ทิวทัศน์สบายตา
ตอนจะกลับอาภิเห็นร้านค้า เลยแวะเข้าไปหน่อยสิ เผื่อเจอของดี และสิ่งที่ตามหา
กินวนไปค่ะ
นมกล้วย อร่อยอ่ะ ละมุนลิ้น อยู่ที่นั่นอาภิฟาดไปหลายขวด
[img]http://f.ptcdn.info/985/045/000/odjvl9dcNFOSSl2O3P-o.jpg[/img
Honey Butter Chip อันนี้ก็เลิศค่ะ
มื้อค่ำ ชาบูชาบู
อิ่มค่ะ แวะ GS25 ก่อนมุ่งไปที่พักค่ะ
ปล.มีต่อภาค2ค่ะ