วันนี้ชมพู่จะพาไปเที่ยวเกาะ Enoshima (江の島,เอโนชิมะ)กันนะคะ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเกาะนี้ชมพู่จะขออธิบายสั้นๆวันเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ใน จังหวัดKanagawa ใกล้ๆโตเกียว เป็นเกาะที่มีทะเลสวยงาม ถ้าวันไหนอากาศดีๆก็จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน และขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องของศาลเจ้าสำหรับไปขอพรเรื่องความรัก และมีAquariumเป็นไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ
ว่าแล้วเราก็เริ่มท่องเที่ยวกันเลยดีกว่า ชมพู่ขอเริ่มต้นจาก สถานีชินจูกุนะคะ เราต้องนั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุไปลงสถานี Fujisawa (藤沢) จากสถานีชินจูกุชมพู่ขึ้นรถไฟสายJR shounan shinjuku line (JR 湘南新宿ライン快速) เป็นรถด่วน ราคา972เยน ไม่ต้องเปลี่ยนรถเลยค่ะ ใช้เวลา50นาทีถึง (แอปเช็คเที่ยวรถไฟถ้าใครอ่านภาษาญี่ปุ่นออกขอแนะนำ Yahoo japanที่ใช้สำหรับเช็คเที่ยวรถไฟโดยเฉพาะ) เมื่อไปถึงสถานีFujisawaแล้วเราต้องไปต่อรถไฟสายที่จะไปenoshimaต่อค่ะ เสียค่าตั๋วคนละ220เยน นั่งไปลงที่สถานีEnoshimaเลย เมื่อถึงสถานีแล้ว เราก็เดินตามฝูงชนไปค่ะ 555 มีนั่งท่องเที่ยวไปเกาะแห่งนี้เยอะมากๆค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย แต่อันดับแรกเราต้องเดินข้ามรางรถไฟไปก่อนค่ะ แล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงสะพานเชื่อมไปที่เกาะ ระหว่างทางที่เราข้ามสะพานไปเกาะเราจะมองเห็นประภาคารที่ชื่อว่า Sea candle lighthouse และ Enoshima Island Spa
หลังจากนั้นเมื่อเราเดินเข้าไปในตัวเกาะแล้วเราจะเห็นร้านค้ามากมายตั้งอยู่เรียงรายและจะมีตรอกเล็กๆให้เราเดินเข้าไป ถ้าเราเดินตามตรอกไปที่แรกที่จะเจอก็คือ ทางเข้าศาลเจ้า Enoshima Shrin (江の島神社)
รูปนี้คือมุมที่มองจากศาลเจ้าลงมาค่ะ
ซึ่งในศาลเจ้าแห่งนี้แยกย่อยออกไปอีก3ศาลเจ้าค่ะ ศาลเจ้าแรกที่เราจะเจอคือศาลเจ้า Hetsunomiya
ต่อแถวขอพรกันยาวมากค่ะ
เมื่อเราขอพรเสร็จแล้วก็เดินขึ้นบันไดต่อไปทางซ้ายมือ แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าเกาะแห่งนี้เป็นเหมือนภูเขาค่ะเดินขึ้นเดินลงตลอดเวลา ถ้าใครไม่สะดวกเดินเขาก็มีบริการบันไดเลื่อนให้ค่ะแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ส่วนถ้าใครวางแผนไว้ว่าจะขึ้นไปชมวิวบนประภาคาร สวนดอกไม้ และเข้าถ้ำ Iwayaก็สามารถเหมาจ่ายได้ในราคา1000เยนค่ะ เพราะค่าเข้าประภาคาร+สวนดอกไม้ 500เยน และค่าเข้าถ้ำก็500เยนแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าใครต้องการจะใช้บันไดเลื่อนด้วยก็เหมาจ่ายเลยค่ะ
ศาลเจ้าต่อไปที่เรามาถึงก็คือ ศาลเจ้า Nakatsuno miya (中津宮)ดูจากป้ายรูปหัวใจก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นศาลเจ้าที่เหมาะจะขอพรเรื่องความรัก
อันนี้คือป้ายขอพรให้สมหวังในความรักค่ะ โดยเขียนชื่อตัวเองและคนที่เราชอบลงไปค่ะ แผ่นป้ายราคา 500เยน
ส่วนอันนี้คือเขียนคำอวยพรเรื่องทั่วไปค่ะ
เมื่อเราเดินต่อมาเรื่อยๆเราก็จะมองเห็นประภาคารสูงใหญ่ที่มีชื่อว่า Sea candle ส่วนด้านรอบนอกของประภาคารนั้นจะเป็นสวนดอกไม้และมีร้านกาแฟน่ารักๆ มองจากร้านออกไปก็จะเห็นวิวทะเลสวยๆได้เลย แต่ถ้าใครจะขึ้นประภาคารหรือเข้ามาในสวนจะต้องเสียค่าเข้าค่ะ
เข้าสวนดอกไม้ได้อย่างเดียว200เยน เข้าทั้งสวนและประภาคาร 500เยนค่ะ
ตั๋วเข้าประภาคารและสวนดอกไม้น่าเรักมากเลย
ร้านคาเฟ่ในสวนอยู่ติดฝั่งที่มองเห็นทะเลค่ะ
วิวจากฝั่งร้านกาแฟค่ะ
ประภาคาร
วันที่ชมพู่ไปเป็นวันเสาร์คนค่อนข้างเยอะต้องต่อแถวขึ้นลิฟต์ประมาณ10นาทีค่ะ
เมื่อเราขึ้นลิฟต์ไปแล้วลิฟต์จะไปจอดส่งเราที่ในชั้นที่มองผ่านกระจก แต่เราสามารถเดินขึ้นบันไดต่อไปได้ ซึ่งชั้นบนสุดจะไม่มีกระจกค่ะ
วิวจากประภาคารชั้นที่มีกระจกค่ะ
ชั้นบนสุดที่ไม่มีกระจกค่ะ
ว่าแล้วเราก็กลับลงมาจากประภาคารแล้วก็เดินกันต่อไป คราวนี้เราจะมาเจอศาลเจ้า Okutsu no Miya (奥津宮) ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำมังกรค่ะ
เดินต่อมาอีกก็จะพบกับระฆังแห่งความรักค่ะ (龍愛の鐘)ซึ่งเขาว่ากันว่า ถ้าคู่รักไปสั่นกระดิ่งด้วยกันแล้วมาเขียนชื่อตัวเองลงบนแม่กุญแจแล้วลอคติดกันไว้ก็จะรักกันไปชั่วนิรันดร์ค่ะ
ที่นี่เขามีความเชื่อกันว่าถ้าคู่รักไปสั่นกระดิ่งคู่กันแล้วเขียนชื่อทั้ง2คนไว้ที่แม่กุญแจคนละอันแล้วคล้องติดกันไส้จะรักกันไปชั่วนิรันดร์ค่ะ
ไปกันต่อที่ถ้ำIwayaกัน ซึ่งมีค่าเข้า500เยน
ด้านในมีทางให้ไป2ทางค่ะ ทางแรกเขาจะมีตะเกียงให้ถือเดินเข้าไปคนละอัน
และต้องเดินอย่างระวังมากๆเพราะเพดานถ้ำต่ำมากและทางแคบมากค่ะ ถึงแม้เค้าจะหาอะไรมาบุไว้แล้วแต่ถ้าชนก็เจ็บเหมือนกัน ด้านในสุดคือทางไปต่อที่เขาไม่ให้ไปค่ะ! งงใช่มั๊ย55 ความจริงแล้วมันคือทางไปต่อที่เขาเชื่อกันว่าถ้าเดินตามทางนั้นไปเรื่อยๆจะไปถึงภูเขาไฟฟูจิ!
เป็นความเชื่อสมัยโบราณซึ่งคนญี่ปุ่นเองก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงเพราะฟูจิกับถ้ำนี้อยู่ห่างกันอย่างมาก และเมื่อเราเดินต่อไปอีกก็จะเจอศาลเจ้าซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของเกาะนี้
เสร็จแล้วเราต้องเดินวนออกมาแล้วเอาตะเกียงไปคืนและไปต่ออีกทาง คราวนี้ด้านในสุดจะมีแท่งหินแกะสลักและรูปปั้นมังกรเล็กๆตั้งอยู่ ซึ่งเขามีความเชื่อกันว่าถ้าเราขอพรต่อหน้ารูปปั้นแล้วปรบมือ2ครั้ง แล้วมีแสงแวบขึ้นมา2ครั้ง คำขอนั้นจะเป็นจริง แต่แสงที่ว่านั้นมีลักษณะเหมือนแสงแฟลชกล้องค่ะ ถ้าให้เดาคิดว่าแสงนี้น่าจะมีเซนเซอร์เสียงประมาณว่าถ้าปรบมือดังก็จะมีแสงออกมา (สังเกตจากคนอื่นเขา) เมื่อเราปรบมือแล้วไม่เกิดแสงใดๆขึ้นก็เดินคอตกกลับออกไป 555
แล้วก็ถึงเวลาไปเดินเล่นตามโขดหินริมทะเลกัน ทางด้านหลังเกาะนี้จะไม่มีชายหาดนะคะ จะมีแต่โขดหินล้วนๆ ด้านนี้ไม่มีใครเล่นน้ำกันค่ะ แต่เหมาะจะมาดูพระอาทิตย์ตกมากๆ วิวดีมากๆ พระอาทิตย์ตกสวยมากค่ะ
อันดับต่อไปเราก็ไปแถวท่าเรือEnoshima yacht harbour กันบ้าง ท่าเรือจะอยู่ด้านหน้าของเกาะค่ะ ถ้าไม่ไปเป็นที่แรกก็ควรไปเป็นที่สุดท้ายค่ะ
มาต่อกันที่อาหารกันดีกว่า อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือปลาซาดีนหรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าปลาชิราสึ Shirasu หาทานได้ง่ายมากๆมีทุกร้านค่ะ หรือจะซื้อเป็นของฝากกลับไปก็ได้
ข้าวหน้าปลาชิราสึมีทั้งแบบสุกและดิบค่ะ ส่วนตัวไม่ชอบแบบดิบค่ะ คาวและหยึยๆ 555 -ราคา980เยน-
และอีกอย่างที่คนต่อแถวกันยาวเหยียดคือ เซมเบ้กุ้งและปลาหมึกค่ะ แผ่นละ 350เยน ชมพู่ลองปลาหมึกแล้วก็อร่อยดีค่ะ ให้ผ่าน
แต่ที่ชอบที่สุดยกให้ไอศครีมค่ะ โดยเฉพาะไอศครีมกาแฟของร้านนี้ ราคา350เยน (ถูกกว่าที่คิด)
ส่วนอันนี้คือไอศครีมงาดำ+น้ำแข็งไสชาเขียว เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน ราคา 500เยน ราคาโหดเกินไปหน่อย รสชาดโอเค
และสำหรับใครที่ชืนชอบน้องแมวก็นี้ก็มีแมวเดินป้วนเปี้ยนอยู่ไม่น้อย เสียดายที่ถ่ายรูปมาได้แค่2ตัว อ้วนท้วนสมบูรณ์
เดินมาจนถึงเย็นแล้ววิวตอนกลางคืนก็ดีไม่แพ้กันค่ะ
จบแล้วค่า สำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ ไว้พบกันใหม่กระทู้หน้าค่า
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในกระทู้ของชมพู่ได้ตามลิงค์ข้างล่างเลยค่ะ
พาชมIlluminationสวยๆยามค่ำคืนที่Yomiuriland
https://ppantip.com/topic/36029427
ไปเที่ยว Otaru Music Box Museum ช่วงหน้าหนาวกันเถอะ
http://ppantip.com/topic/33050283
พาเที่ยวSagamiko Resort ชมแสงสียามค่ำคนที่ญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/33049204
ไปเที่ยว Tokyo Towerกันเถอะ ^^
http://ppantip.com/topic/30465863
1Day Trip at Odaiba Tokyo Japan
http://ppantip.com/topic/30450888
พาชม Tokyo Trick Art Museum
http://ppantip.com/topic/30447926
1 Day trip at Enoshima island มาขอพรให้สมหวังในความรักกันเถอะ!
วันนี้ชมพู่จะพาไปเที่ยวเกาะ Enoshima (江の島,เอโนชิมะ)กันนะคะ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเกาะนี้ชมพู่จะขออธิบายสั้นๆวันเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ใน จังหวัดKanagawa ใกล้ๆโตเกียว เป็นเกาะที่มีทะเลสวยงาม ถ้าวันไหนอากาศดีๆก็จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน และขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องของศาลเจ้าสำหรับไปขอพรเรื่องความรัก และมีAquariumเป็นไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ
ว่าแล้วเราก็เริ่มท่องเที่ยวกันเลยดีกว่า ชมพู่ขอเริ่มต้นจาก สถานีชินจูกุนะคะ เราต้องนั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุไปลงสถานี Fujisawa (藤沢) จากสถานีชินจูกุชมพู่ขึ้นรถไฟสายJR shounan shinjuku line (JR 湘南新宿ライン快速) เป็นรถด่วน ราคา972เยน ไม่ต้องเปลี่ยนรถเลยค่ะ ใช้เวลา50นาทีถึง (แอปเช็คเที่ยวรถไฟถ้าใครอ่านภาษาญี่ปุ่นออกขอแนะนำ Yahoo japanที่ใช้สำหรับเช็คเที่ยวรถไฟโดยเฉพาะ) เมื่อไปถึงสถานีFujisawaแล้วเราต้องไปต่อรถไฟสายที่จะไปenoshimaต่อค่ะ เสียค่าตั๋วคนละ220เยน นั่งไปลงที่สถานีEnoshimaเลย เมื่อถึงสถานีแล้ว เราก็เดินตามฝูงชนไปค่ะ 555 มีนั่งท่องเที่ยวไปเกาะแห่งนี้เยอะมากๆค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย แต่อันดับแรกเราต้องเดินข้ามรางรถไฟไปก่อนค่ะ แล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงสะพานเชื่อมไปที่เกาะ ระหว่างทางที่เราข้ามสะพานไปเกาะเราจะมองเห็นประภาคารที่ชื่อว่า Sea candle lighthouse และ Enoshima Island Spa
หลังจากนั้นเมื่อเราเดินเข้าไปในตัวเกาะแล้วเราจะเห็นร้านค้ามากมายตั้งอยู่เรียงรายและจะมีตรอกเล็กๆให้เราเดินเข้าไป ถ้าเราเดินตามตรอกไปที่แรกที่จะเจอก็คือ ทางเข้าศาลเจ้า Enoshima Shrin (江の島神社)
รูปนี้คือมุมที่มองจากศาลเจ้าลงมาค่ะ
ซึ่งในศาลเจ้าแห่งนี้แยกย่อยออกไปอีก3ศาลเจ้าค่ะ ศาลเจ้าแรกที่เราจะเจอคือศาลเจ้า Hetsunomiya
ต่อแถวขอพรกันยาวมากค่ะ
เมื่อเราขอพรเสร็จแล้วก็เดินขึ้นบันไดต่อไปทางซ้ายมือ แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าเกาะแห่งนี้เป็นเหมือนภูเขาค่ะเดินขึ้นเดินลงตลอดเวลา ถ้าใครไม่สะดวกเดินเขาก็มีบริการบันไดเลื่อนให้ค่ะแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ส่วนถ้าใครวางแผนไว้ว่าจะขึ้นไปชมวิวบนประภาคาร สวนดอกไม้ และเข้าถ้ำ Iwayaก็สามารถเหมาจ่ายได้ในราคา1000เยนค่ะ เพราะค่าเข้าประภาคาร+สวนดอกไม้ 500เยน และค่าเข้าถ้ำก็500เยนแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าใครต้องการจะใช้บันไดเลื่อนด้วยก็เหมาจ่ายเลยค่ะ
ศาลเจ้าต่อไปที่เรามาถึงก็คือ ศาลเจ้า Nakatsuno miya (中津宮)ดูจากป้ายรูปหัวใจก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นศาลเจ้าที่เหมาะจะขอพรเรื่องความรัก
อันนี้คือป้ายขอพรให้สมหวังในความรักค่ะ โดยเขียนชื่อตัวเองและคนที่เราชอบลงไปค่ะ แผ่นป้ายราคา 500เยน
ส่วนอันนี้คือเขียนคำอวยพรเรื่องทั่วไปค่ะ
เมื่อเราเดินต่อมาเรื่อยๆเราก็จะมองเห็นประภาคารสูงใหญ่ที่มีชื่อว่า Sea candle ส่วนด้านรอบนอกของประภาคารนั้นจะเป็นสวนดอกไม้และมีร้านกาแฟน่ารักๆ มองจากร้านออกไปก็จะเห็นวิวทะเลสวยๆได้เลย แต่ถ้าใครจะขึ้นประภาคารหรือเข้ามาในสวนจะต้องเสียค่าเข้าค่ะ
เข้าสวนดอกไม้ได้อย่างเดียว200เยน เข้าทั้งสวนและประภาคาร 500เยนค่ะ
ตั๋วเข้าประภาคารและสวนดอกไม้น่าเรักมากเลย
ร้านคาเฟ่ในสวนอยู่ติดฝั่งที่มองเห็นทะเลค่ะ
วิวจากฝั่งร้านกาแฟค่ะ
ประภาคาร
วันที่ชมพู่ไปเป็นวันเสาร์คนค่อนข้างเยอะต้องต่อแถวขึ้นลิฟต์ประมาณ10นาทีค่ะ
เมื่อเราขึ้นลิฟต์ไปแล้วลิฟต์จะไปจอดส่งเราที่ในชั้นที่มองผ่านกระจก แต่เราสามารถเดินขึ้นบันไดต่อไปได้ ซึ่งชั้นบนสุดจะไม่มีกระจกค่ะ
วิวจากประภาคารชั้นที่มีกระจกค่ะ
ชั้นบนสุดที่ไม่มีกระจกค่ะ
ว่าแล้วเราก็กลับลงมาจากประภาคารแล้วก็เดินกันต่อไป คราวนี้เราจะมาเจอศาลเจ้า Okutsu no Miya (奥津宮) ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำมังกรค่ะ
เดินต่อมาอีกก็จะพบกับระฆังแห่งความรักค่ะ (龍愛の鐘)ซึ่งเขาว่ากันว่า ถ้าคู่รักไปสั่นกระดิ่งด้วยกันแล้วมาเขียนชื่อตัวเองลงบนแม่กุญแจแล้วลอคติดกันไว้ก็จะรักกันไปชั่วนิรันดร์ค่ะ
ที่นี่เขามีความเชื่อกันว่าถ้าคู่รักไปสั่นกระดิ่งคู่กันแล้วเขียนชื่อทั้ง2คนไว้ที่แม่กุญแจคนละอันแล้วคล้องติดกันไส้จะรักกันไปชั่วนิรันดร์ค่ะ
ไปกันต่อที่ถ้ำIwayaกัน ซึ่งมีค่าเข้า500เยน
ด้านในมีทางให้ไป2ทางค่ะ ทางแรกเขาจะมีตะเกียงให้ถือเดินเข้าไปคนละอัน
และต้องเดินอย่างระวังมากๆเพราะเพดานถ้ำต่ำมากและทางแคบมากค่ะ ถึงแม้เค้าจะหาอะไรมาบุไว้แล้วแต่ถ้าชนก็เจ็บเหมือนกัน ด้านในสุดคือทางไปต่อที่เขาไม่ให้ไปค่ะ! งงใช่มั๊ย55 ความจริงแล้วมันคือทางไปต่อที่เขาเชื่อกันว่าถ้าเดินตามทางนั้นไปเรื่อยๆจะไปถึงภูเขาไฟฟูจิ!
เป็นความเชื่อสมัยโบราณซึ่งคนญี่ปุ่นเองก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงเพราะฟูจิกับถ้ำนี้อยู่ห่างกันอย่างมาก และเมื่อเราเดินต่อไปอีกก็จะเจอศาลเจ้าซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของเกาะนี้
เสร็จแล้วเราต้องเดินวนออกมาแล้วเอาตะเกียงไปคืนและไปต่ออีกทาง คราวนี้ด้านในสุดจะมีแท่งหินแกะสลักและรูปปั้นมังกรเล็กๆตั้งอยู่ ซึ่งเขามีความเชื่อกันว่าถ้าเราขอพรต่อหน้ารูปปั้นแล้วปรบมือ2ครั้ง แล้วมีแสงแวบขึ้นมา2ครั้ง คำขอนั้นจะเป็นจริง แต่แสงที่ว่านั้นมีลักษณะเหมือนแสงแฟลชกล้องค่ะ ถ้าให้เดาคิดว่าแสงนี้น่าจะมีเซนเซอร์เสียงประมาณว่าถ้าปรบมือดังก็จะมีแสงออกมา (สังเกตจากคนอื่นเขา) เมื่อเราปรบมือแล้วไม่เกิดแสงใดๆขึ้นก็เดินคอตกกลับออกไป 555
แล้วก็ถึงเวลาไปเดินเล่นตามโขดหินริมทะเลกัน ทางด้านหลังเกาะนี้จะไม่มีชายหาดนะคะ จะมีแต่โขดหินล้วนๆ ด้านนี้ไม่มีใครเล่นน้ำกันค่ะ แต่เหมาะจะมาดูพระอาทิตย์ตกมากๆ วิวดีมากๆ พระอาทิตย์ตกสวยมากค่ะ
อันดับต่อไปเราก็ไปแถวท่าเรือEnoshima yacht harbour กันบ้าง ท่าเรือจะอยู่ด้านหน้าของเกาะค่ะ ถ้าไม่ไปเป็นที่แรกก็ควรไปเป็นที่สุดท้ายค่ะ
มาต่อกันที่อาหารกันดีกว่า อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือปลาซาดีนหรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าปลาชิราสึ Shirasu หาทานได้ง่ายมากๆมีทุกร้านค่ะ หรือจะซื้อเป็นของฝากกลับไปก็ได้
ข้าวหน้าปลาชิราสึมีทั้งแบบสุกและดิบค่ะ ส่วนตัวไม่ชอบแบบดิบค่ะ คาวและหยึยๆ 555 -ราคา980เยน-
และอีกอย่างที่คนต่อแถวกันยาวเหยียดคือ เซมเบ้กุ้งและปลาหมึกค่ะ แผ่นละ 350เยน ชมพู่ลองปลาหมึกแล้วก็อร่อยดีค่ะ ให้ผ่าน
แต่ที่ชอบที่สุดยกให้ไอศครีมค่ะ โดยเฉพาะไอศครีมกาแฟของร้านนี้ ราคา350เยน (ถูกกว่าที่คิด)
ส่วนอันนี้คือไอศครีมงาดำ+น้ำแข็งไสชาเขียว เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน ราคา 500เยน ราคาโหดเกินไปหน่อย รสชาดโอเค
และสำหรับใครที่ชืนชอบน้องแมวก็นี้ก็มีแมวเดินป้วนเปี้ยนอยู่ไม่น้อย เสียดายที่ถ่ายรูปมาได้แค่2ตัว อ้วนท้วนสมบูรณ์
เดินมาจนถึงเย็นแล้ววิวตอนกลางคืนก็ดีไม่แพ้กันค่ะ
จบแล้วค่า สำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ ไว้พบกันใหม่กระทู้หน้าค่า
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในกระทู้ของชมพู่ได้ตามลิงค์ข้างล่างเลยค่ะ
พาชมIlluminationสวยๆยามค่ำคืนที่Yomiuriland
https://ppantip.com/topic/36029427
ไปเที่ยว Otaru Music Box Museum ช่วงหน้าหนาวกันเถอะ
http://ppantip.com/topic/33050283
พาเที่ยวSagamiko Resort ชมแสงสียามค่ำคนที่ญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/33049204
ไปเที่ยว Tokyo Towerกันเถอะ ^^
http://ppantip.com/topic/30465863
1Day Trip at Odaiba Tokyo Japan
http://ppantip.com/topic/30450888
พาชม Tokyo Trick Art Museum
http://ppantip.com/topic/30447926