"แฟนเดย์...แฟนกันแค่วันเดียว" (เปิดเผยเนื้อหา)
..... เวลาที่เราชอบอะไรมากๆ เราก็มักจะไม่ต้องการเหตุผลมาประกอบ
..... “แฟนเดย์ฯ” เลือกอธิบายความคิด ความอ่าน และความรักของตัวละคร ผ่านการเปรียบเทียบ
คนปีนเขา “เอเวอเรสต์” และคนไต่ลวดข้ามตึกแฝด “เวิลด์เทรด”
..... กลุ่มคนเหล่านี้ น่าจะถูกตั้งคำถามและข้อสงสัยไม่มากก็น้อยว่า “ทำไปเพื่ออะไร?” ทั้งเสี่ยงเป็น เสี่ยงตาย
และได้รับลำบาก หรือแม้กระนั้นก็ไม่ได้ก่อให้คุณงามความดีต่อสังคมโลก นอกเสียจากสถิติและความสำเร็จส่วนบุคคล
..... เขาเอเวอเรสต์และตึกเวิลด์เทรด จึงเปรียบเสมือนอีกฝั่งที่คนโหยหาความรักต้องการจะพิชิตใจและเดินทางไปให้ถึง
..... “รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูซักที!!”
..... ก็คนมันรัก ก็ใจมันอยาก! ใจความสำคัญของคนเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องของ “จุดหมายปลายทาง” ไม่ใช่เรื่องของ “เหตุผล”
..... เหมือนกับ “ท็อป” ที่เป็นตึกอีกฝั่งของ “นุ้ย” และเหมือนกับ “นุ้ย” ที่เป็นยอดเขาสำหรับ “เด่น”
..... การมี “คนรัก” ว่ายากแล้ว แต่การประคับประคอง “ความรัก” ให้ตลอดรอดฝั่งนั้นยากกว่า
..... ตัวละครทั้ง 3 คนจึงเป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ทั้ง 3 ระดับ
..... “เด่น” คือระดับล่างสุดที่เปรียบเสมือน “มนุษย์ล่องหน” หน้าที่การงานธรรมดา บุคลิกภาพและหน้าตาก็ไม่ได้ดี
แถมไม่มีใครสนใจ และทำได้แค่ “แอบรัก” คนอื่น
..... “นุ้ย” คือสาวออฟฟิศแสนสวยที่เปรียบเสมือน “ดอกไม้ในป่าปูน” แรกเริ่มเดิมทีก็สดใสน่ารัก
แต่พอสักพักก็กลายเป็นดอกไม้ปักแจกัน แม้จะดูสวยดี แต่ก็มีไว้แค่ตั้งโต๊ะ และเป็นได้แค่ “แฟนเก็บ”
..... “ท็อป” คือผู้บริหารหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบ ผู้ผ่านการปีนเขาเอเวอเรสต์และไต่ตึกเวิลด์เทรดมาแล้ว
จนมีคู่ครอง มีครอบครัวที่น่าจะดูสุขสมบูรณ์ แต่ความหลายใจก็ทำให้ผู้ชายที่ภายนอกดูดี เป็นได้แค่ “คนนอกใจเมีย”
..... ทุกคนล้วนมีเขา “เอเวอเรสต์” และมีตึก “เวิลด์เทรด” อยู่ในใจ!
..... แต่ทำอย่างไรจะไปให้ถึง??
..... หลายคนอาจจะเลือกใช้กำลังกาย กำลังใจ และความมุมานะในการปีนป่ายให้ถึงจุดหมาย
..... แต่ในหนังเรื่องแฟนเดย์ เรากลับเห็นตัวละครเลือกใช้วิธีที่ “หมิ่นเหม่” ต่อศีลธรรมและความถูกต้อง
..... “เด่น” แม้จะอยู่ในออฟฟิศเดียวกับนุ้ย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา เป็นคนที่เห็นยอดเขาเอเวอเรสต์อยู่ใกล้ๆ แต่มันก็สูงเกินจนเขาเอื้อมไม่ถึง
..... เด่นจึงใช้ “ทางลัด” ในการปีนขึ้นเขา เป็นวิธี “ขี้โกง” ที่เขาโกหกว่าตัวเองเป็น “แฟนนุ้ย” ในช่วงที่เธอความจำเสื่อม
..... มิหนำซ้ำ หนทางในการพิชิตยอดเขาก่อนหน้านี้ของเด่น ก็กำกึ่งและเป็นเส้นบางๆ ระหว่าง “ผู้ชายแสนดี”
ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองชอบ กับ “ผู้ชายโรคจิต” ที่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น
..... ทั้งการเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการเข้าไปจัดโต๊ะทำงานของเธอ การแอบเปิดคอมพิวเตอร์ของคนอื่น
เพื่อก็อปปี้เพลงโปรดไว้ให้เธอฟัง หรือแม้กระทั่งการใช้ความรู้เรื่องไอที แอบแฮ็กเข้าไปเล่นเกมแทนผู้หญิง
..... ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ต่างจากบุคลิกของเด่น ที่เป็นเส้นบางๆ ระหว่างคนที่พูดทุกอย่างตรงๆ ด้วยความ “จริงใจ”
กับคนที่ไม่รู้จัก “กาลเทศะ” ในการพูดและเข้าหาคนอื่น
..... ส่วนการที่ “นุ้ย” แอบคบ (แบบเปิดเผย) กับเจ้านายซึ่งเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว ก็เปรียบเสมือนผู้หญิง
ที่ไต่ตึกเวิลด์เทรด เธอไต่ไปถึง แต่เธอเข้าไปไม่ได้ เพราะตึกนี้มีเจ้าของและยังไม่ยินดีต้อนรับคนที่ไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตู
..... และวิธีที่เธอเลือกใช้ในการไต่ตึก ก็ขัดแย้งกับศีลธรรมในการครองคู่ เพราะเส้นลวดที่เธอใช้ ได้มาอย่างไม่ซื่อ
มันเปรียบเสมือนลวดที่เธอไป “ขโมย” ชาวบ้านเขามา
..... นุ้ยจึงทำได้แค่เดินไปๆ กลับๆ จะถอยก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ลำบาก เธอจึงติดค้างอยู่กับความฝัน
บนเส้นลวดอันเสื่อมศีลธรรมของเธออยู่นานถึง 3 ปี
..... ในขณะที่ “ท็อป” และภรรยา เป็นตัวแทนของคนที่ตัดสินใจครองคู่ อยู่บนตึกสูงหรือบนเทือกเขาอันหนาวเหน็บ
..... ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ทำไรอะไรตามใจไม่ค่อยได้!
..... จุดหมายปลายทางของคนมีครอบครัวอย่างคู่ของท็อป จึงไม่ใช่การปีนเขาและไต่ตึก
แต่เป็นการปรับตัวและประคับประคองชีวิตคู่ ให้อยู่กันให้ได้ในที่สูงและหนาวเย็นเช่นนี้
..... แต่ถ้าเมื่อใดที่คนใดคนหนึ่งหมดความอดทน ที่จะเผชิญกับความสูงและความหนาวไปด้วยกัน
หรือเบื่อที่จะอยู่กับรสชาติเดิมๆ ของชีวิต
..... ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงไม่ต่างจากการ “นอกใจ” เพื่อย้ายเขาและย้ายตึกเหมือนการกระทำของท็อป
..... “ความรัก” ของคนเรา มันเป็น “ความฝัน” ที่รอวันเป็น “ความจริง”
..... 1 วันอันมีค่า ระหว่างที่นุ้ยความจำเสื่อม คือช่วงเวลาที่ทำให้ “ความฝัน” ของทั้งคู่มาบรรจบกันพอดี
..... เด่นพิชิตใจผู้หญิงที่ตัวเองรักได้ ส่วนนุ้ยในที่สุดก็มีผู้ชายที่รักเธอด้วยความจริงใจ
..... แต่ความจริงยิ่งกว่า คือ ไม่ใช่ทุก “ความฝัน” มันจะกลายเป็น “ความจริง” ได้
..... 1 วันของเด่นและนุ้ย จึงเป็นได้แค่ “ความจริงหลอกๆ” เพราะยังไงตัวเด่นก็ไม่ใช่ท็อปที่นุ้ยต้องการ
แหวนแต่งงานก็เป็นได้แค่แหวนขนมที่สักวันก็ต้องหมดอายุ ปราสาทนำแข็งที่ว่าดูสวยงามก็ต้องถูกทำลายลงเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
..... เพราะฉะนั้น “ความจริง” ที่ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้าหลังจากนี้ จึงลงเอยด้วยการที่เด่นถอยหลังจากเขาเอเวอเรสต์
และจัดการ “Delete ความฝัน” ของตัวเอง
..... ลบคลิปความทรงจำระหว่างนุ้ย ตัดสินใจลาออกออกงาน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับนุ้ยอีกต่อไป
..... ในขณะที่ “นุ้ย” หลังจากความจำคืนสู่ภาวะปกติ ชีวิตของเธอก็เหมือนกับ “ctrl+z กลับไปสู่ความฝันเดิมๆ”
..... ห้อยตัวอยู่บนเส้นลวดที่นานเข้าก็มีแต่จะชำรุด เพื่อรอคอยอีกฝั่งที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดรับเธออย่างจริงจังเสียที
วิเคราะห์ "แฟนเดย์" เมื่อเขาใช้วิธีขี้โกงปีนเขา "เอเวอเรสต์" และเธอไต่ตึก "เวิลด์เทรด" ด้วยเส้นลวดเสื่อมศีลธรรม
"แฟนเดย์...แฟนกันแค่วันเดียว" (เปิดเผยเนื้อหา)
..... เวลาที่เราชอบอะไรมากๆ เราก็มักจะไม่ต้องการเหตุผลมาประกอบ
..... “แฟนเดย์ฯ” เลือกอธิบายความคิด ความอ่าน และความรักของตัวละคร ผ่านการเปรียบเทียบ
คนปีนเขา “เอเวอเรสต์” และคนไต่ลวดข้ามตึกแฝด “เวิลด์เทรด”
..... กลุ่มคนเหล่านี้ น่าจะถูกตั้งคำถามและข้อสงสัยไม่มากก็น้อยว่า “ทำไปเพื่ออะไร?” ทั้งเสี่ยงเป็น เสี่ยงตาย
และได้รับลำบาก หรือแม้กระนั้นก็ไม่ได้ก่อให้คุณงามความดีต่อสังคมโลก นอกเสียจากสถิติและความสำเร็จส่วนบุคคล
..... เขาเอเวอเรสต์และตึกเวิลด์เทรด จึงเปรียบเสมือนอีกฝั่งที่คนโหยหาความรักต้องการจะพิชิตใจและเดินทางไปให้ถึง
..... “รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูซักที!!”
..... ก็คนมันรัก ก็ใจมันอยาก! ใจความสำคัญของคนเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องของ “จุดหมายปลายทาง” ไม่ใช่เรื่องของ “เหตุผล”
..... เหมือนกับ “ท็อป” ที่เป็นตึกอีกฝั่งของ “นุ้ย” และเหมือนกับ “นุ้ย” ที่เป็นยอดเขาสำหรับ “เด่น”
..... การมี “คนรัก” ว่ายากแล้ว แต่การประคับประคอง “ความรัก” ให้ตลอดรอดฝั่งนั้นยากกว่า
..... ตัวละครทั้ง 3 คนจึงเป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ทั้ง 3 ระดับ
..... “เด่น” คือระดับล่างสุดที่เปรียบเสมือน “มนุษย์ล่องหน” หน้าที่การงานธรรมดา บุคลิกภาพและหน้าตาก็ไม่ได้ดี
แถมไม่มีใครสนใจ และทำได้แค่ “แอบรัก” คนอื่น
..... “นุ้ย” คือสาวออฟฟิศแสนสวยที่เปรียบเสมือน “ดอกไม้ในป่าปูน” แรกเริ่มเดิมทีก็สดใสน่ารัก
แต่พอสักพักก็กลายเป็นดอกไม้ปักแจกัน แม้จะดูสวยดี แต่ก็มีไว้แค่ตั้งโต๊ะ และเป็นได้แค่ “แฟนเก็บ”
..... “ท็อป” คือผู้บริหารหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบ ผู้ผ่านการปีนเขาเอเวอเรสต์และไต่ตึกเวิลด์เทรดมาแล้ว
จนมีคู่ครอง มีครอบครัวที่น่าจะดูสุขสมบูรณ์ แต่ความหลายใจก็ทำให้ผู้ชายที่ภายนอกดูดี เป็นได้แค่ “คนนอกใจเมีย”
..... ทุกคนล้วนมีเขา “เอเวอเรสต์” และมีตึก “เวิลด์เทรด” อยู่ในใจ!
..... แต่ทำอย่างไรจะไปให้ถึง??
..... หลายคนอาจจะเลือกใช้กำลังกาย กำลังใจ และความมุมานะในการปีนป่ายให้ถึงจุดหมาย
..... แต่ในหนังเรื่องแฟนเดย์ เรากลับเห็นตัวละครเลือกใช้วิธีที่ “หมิ่นเหม่” ต่อศีลธรรมและความถูกต้อง
..... “เด่น” แม้จะอยู่ในออฟฟิศเดียวกับนุ้ย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา เป็นคนที่เห็นยอดเขาเอเวอเรสต์อยู่ใกล้ๆ แต่มันก็สูงเกินจนเขาเอื้อมไม่ถึง
..... เด่นจึงใช้ “ทางลัด” ในการปีนขึ้นเขา เป็นวิธี “ขี้โกง” ที่เขาโกหกว่าตัวเองเป็น “แฟนนุ้ย” ในช่วงที่เธอความจำเสื่อม
..... มิหนำซ้ำ หนทางในการพิชิตยอดเขาก่อนหน้านี้ของเด่น ก็กำกึ่งและเป็นเส้นบางๆ ระหว่าง “ผู้ชายแสนดี”
ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองชอบ กับ “ผู้ชายโรคจิต” ที่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น
..... ทั้งการเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการเข้าไปจัดโต๊ะทำงานของเธอ การแอบเปิดคอมพิวเตอร์ของคนอื่น
เพื่อก็อปปี้เพลงโปรดไว้ให้เธอฟัง หรือแม้กระทั่งการใช้ความรู้เรื่องไอที แอบแฮ็กเข้าไปเล่นเกมแทนผู้หญิง
..... ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ต่างจากบุคลิกของเด่น ที่เป็นเส้นบางๆ ระหว่างคนที่พูดทุกอย่างตรงๆ ด้วยความ “จริงใจ”
กับคนที่ไม่รู้จัก “กาลเทศะ” ในการพูดและเข้าหาคนอื่น
..... ส่วนการที่ “นุ้ย” แอบคบ (แบบเปิดเผย) กับเจ้านายซึ่งเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว ก็เปรียบเสมือนผู้หญิง
ที่ไต่ตึกเวิลด์เทรด เธอไต่ไปถึง แต่เธอเข้าไปไม่ได้ เพราะตึกนี้มีเจ้าของและยังไม่ยินดีต้อนรับคนที่ไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตู
..... และวิธีที่เธอเลือกใช้ในการไต่ตึก ก็ขัดแย้งกับศีลธรรมในการครองคู่ เพราะเส้นลวดที่เธอใช้ ได้มาอย่างไม่ซื่อ
มันเปรียบเสมือนลวดที่เธอไป “ขโมย” ชาวบ้านเขามา
..... นุ้ยจึงทำได้แค่เดินไปๆ กลับๆ จะถอยก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ลำบาก เธอจึงติดค้างอยู่กับความฝัน
บนเส้นลวดอันเสื่อมศีลธรรมของเธออยู่นานถึง 3 ปี
..... ในขณะที่ “ท็อป” และภรรยา เป็นตัวแทนของคนที่ตัดสินใจครองคู่ อยู่บนตึกสูงหรือบนเทือกเขาอันหนาวเหน็บ
..... ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ทำไรอะไรตามใจไม่ค่อยได้!
..... จุดหมายปลายทางของคนมีครอบครัวอย่างคู่ของท็อป จึงไม่ใช่การปีนเขาและไต่ตึก
แต่เป็นการปรับตัวและประคับประคองชีวิตคู่ ให้อยู่กันให้ได้ในที่สูงและหนาวเย็นเช่นนี้
..... แต่ถ้าเมื่อใดที่คนใดคนหนึ่งหมดความอดทน ที่จะเผชิญกับความสูงและความหนาวไปด้วยกัน
หรือเบื่อที่จะอยู่กับรสชาติเดิมๆ ของชีวิต
..... ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงไม่ต่างจากการ “นอกใจ” เพื่อย้ายเขาและย้ายตึกเหมือนการกระทำของท็อป
..... “ความรัก” ของคนเรา มันเป็น “ความฝัน” ที่รอวันเป็น “ความจริง”
..... 1 วันอันมีค่า ระหว่างที่นุ้ยความจำเสื่อม คือช่วงเวลาที่ทำให้ “ความฝัน” ของทั้งคู่มาบรรจบกันพอดี
..... เด่นพิชิตใจผู้หญิงที่ตัวเองรักได้ ส่วนนุ้ยในที่สุดก็มีผู้ชายที่รักเธอด้วยความจริงใจ
..... แต่ความจริงยิ่งกว่า คือ ไม่ใช่ทุก “ความฝัน” มันจะกลายเป็น “ความจริง” ได้
..... 1 วันของเด่นและนุ้ย จึงเป็นได้แค่ “ความจริงหลอกๆ” เพราะยังไงตัวเด่นก็ไม่ใช่ท็อปที่นุ้ยต้องการ
แหวนแต่งงานก็เป็นได้แค่แหวนขนมที่สักวันก็ต้องหมดอายุ ปราสาทนำแข็งที่ว่าดูสวยงามก็ต้องถูกทำลายลงเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
..... เพราะฉะนั้น “ความจริง” ที่ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้าหลังจากนี้ จึงลงเอยด้วยการที่เด่นถอยหลังจากเขาเอเวอเรสต์
และจัดการ “Delete ความฝัน” ของตัวเอง
..... ลบคลิปความทรงจำระหว่างนุ้ย ตัดสินใจลาออกออกงาน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับนุ้ยอีกต่อไป
..... ในขณะที่ “นุ้ย” หลังจากความจำคืนสู่ภาวะปกติ ชีวิตของเธอก็เหมือนกับ “ctrl+z กลับไปสู่ความฝันเดิมๆ”
..... ห้อยตัวอยู่บนเส้นลวดที่นานเข้าก็มีแต่จะชำรุด เพื่อรอคอยอีกฝั่งที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดรับเธออย่างจริงจังเสียที
https://www.facebook.com/BergRongCinema/
ยินดีต้อนรับคนรักหนังทุกคนนะครับ ^ ^