มีทรัพย์สินเป็นที่ดิน แต่เงินในมือไม่มีแถมติดลบ ควรขายที่ดิน หรือเก็บไว้เผื่ออนาคต?

ขอบพระคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
สรุปจะขายที่ดินครับ เพราะคุยกันแล้ว
ชีวิตคนเรามีเงื่อนไขและทางเดินที่ต่างกัน
เลือกทางไหนก็พร้อมจะรับผิดชอบในทางที่ตนเองเลือก

สำหรับคนที่เข้ามาต่อว่า ผมก็รับความเห็นไว้ตรงที่ใส่ความเห็นแหละครับ
นานาจิตตัง และยืนยันว่า การที่พี่น้องคนละเพศโตแล้วทั้งคู่เช่าห้องอยู่ห้องเดียวกัน
นอนด้วยกัน เป็นเรื่องน่าอึดอัดครับ

เข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องที่ดิน การวางแผนการเงินจากทรัพย์สินที่มี
แต่คำตอบที่ได้คือการสั่งสอนการใช้ชีวิต

ทำไมต้องใช้ชีวิตให้ได้ลำบากแบบคนนั้นคนนี้
ในเมื่อชีวิตมีทางเลือก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน 55

คิดว่าผมผิดตั้งแต่ต้นที่ตั้งกระทู้ถามขึ้นมา

บาย
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
มาตอบกระทู้นี้แบบ "พลีชีพ" ยอมให้คนประณามเลยว่า "เลว+ใจดำ"

อ่านกระทู้คุณแล้วปริ๊ดมากกกกกก

เป็น 2 พี่น้องที่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

นอกจากขายสมบัติที่พ่อแม่หามาอย่างลำบาก+มีความผูกพัน (ไม่งั้นแม่คุณลำบากขนาดนั้นคงขายไปนานแล้ว)

เคยคิดจะ "ลำบากเพื่อแม่" บ้างไหม
ไปดูกระทู้แนะนำหลายๆ กระทู้สิ...คนต่างจังหวัดเหมือนกัน เงินเดือนหมื่นห้า ยังกัดฟันส่งให้แม่ทุกเดือน บ้างคนหนี้สินล้นพ้นตัว ติดหนี้บัตรเครดิตเกือบแสน ก็ยังกัดฟันส่งเงินเดือนให้แม่

นี่คุณเงินเดือน 23,000 รู้ว่าแม่ลำบากเพื่อตัวเองแท้ๆ ยังแบมือขอเงินแม่!!

มองก็รู้ว่าแม่รักคุณมาก ไม่งั้นหนี้สินเยอะขนาดนี้ ยังให้ลูกอยู่บ้านเช่าเสียสารพัดค่าบล๊าๆ เดือนเป็นหมื่น!!! ใช้จ่ายเกินตัวก็ไม่ห้าม

แล้วอย่ามาคิดว่า "ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก" เพราะบ้านเราผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งมาแล้ว ทรัพย์สินเป็นล้านหายเกลี้ยงแถมหนี้งอกอีก 5 ล้านยุคปี39 ทอง บาทละยังไม่กี่พัน ดอกเบี้ยเงินกู้แบงค์แตะ 20%

เรากอดคอกันทั้งบ้านร้องไห้แล้วฝ่าฟันมันมาได้ ลุยทำงานด้วยวุฒิแค่ ปวช. 10 ปีกว่าถึงปลดหนี้ได้ ... ถ้านึกย้อนไป อาชีพสุจริตใช้แรงงานที่เรายังไม่เคยทำ ก็..ล้างส้วม.. (ช่วงเช้าทำงานออฟฟิสใช้สมอง ตกเย็น+วันหยุดทำงานใช้แรงงาน)

ผ่านมาได้เพราะ "อยู่อย่างจน จะไม่จนนาน" ท่องมันไว้ตลอด

ทางออกที่คุณคิดและวาดหวังว่าจะ "ง่ายและสบายและเร็วที่สุด" แต่บอกเลย ยุคนี้จะหาคนซื้อที่สักแปลงไม่ง่าย โดนกดราคาแน่นอน

ที่สำคัญสิ่งที่คุณเลือก มันคือการบังคับ "เจ้าของที่" ให้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ โดยใช้ความรักลูกเป็นเครื่องมือ


เห็นแล้วก็รู้สึกว่า โชคดีหนักหนา ที่หลานเราตอนอายุ 17-18 พ่อมันทำธุรกิจวินาศ ถึงมันจะเอ็นท์ติดม.รัฐชื่อดัง แต่ก็ตัดสินใจเรียนราม ทำงานร้านอาหารในห้างไปด้วย มันบอกสงสารพ่อ เพราะถึงจะเป็น ม.รัฐก็ค่าใช้จ่ายเยอะ

บุญกุศลก็หนุนนำ ทำได้ปี 2 ปีได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการร้านฝึกหัด เงินเดือนมากกว่าคนจบปริญญาตรี จนเราต้องปรามว่า รีบเรียนรามให้จบนะ เพราะในบางตำแหน่ง ถ้าไม่มีวุฒิปริญญาตรี บริษัทก็เลื่อนขั้นให้ยาก

หวังว่า ความรักของแม่คุณ จะทำให้คุณสู้ชีวิตมากกว่านี้


ป.ล. มาบอกเพิ่มว่า ม.3 ก็เรียนรามได้
เขาเรียก เรียนระบบPre-degree คู่ไปกับการเรียนวุฒิ ม.ปลายได้ เด็กที่มุ่งมั่นจริงๆ 3 ปีจบได้ทั้ง ม.ปลาย + ปริญญาตรี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่