สปอยล์ทุกตัวอักษรนะครับ และขอโทษด้วยที่ยาวมาก อินจริงๆ
ก่อนหน้านี้มีหนังรักแค่เรื่องเดียวที่ทำให้ผมอยากดูซ้ำหลายๆ รอบ คือ “500 Days of Summer”
เพิ่งจะมีเรื่องนี้แหละที่ผมมีความรู้สึก ที่อยากจะดูซ้ำอีกหลายๆ รอบ
เพราะมันเป็นหนังที่ “สร้างความรู้สึก” ให้ในขณะดูได้ดีจริงๆ
มันไม่ใช่หนังอย่าง Sixth Sense, The Other, Pulp Fiction, Memento หรือ Inception ที่อาจจะทำให้เราอยากกลับไปดูซ้ำ เพราะอยากเก็บรายละเอียดของเรื่องราวในหนัง ว่าการตัดต่อหนัง การลำดับเรื่องมันหลอกเรายังไง
แต่มันเป็นหนังที่ผมรู้สึกว่า ผมได้เข้าไปนั่งดูชีวิตคนสองคนที่มีพัฒนาการในความรักในช่วงสั้นๆ และได้ไปรับรู้ความรู้สึกของคนที่เป็นคนขี้แพ้ในเรื่องความรักกับผู้หญิงที่เป็นเหมือนดอกฟ้าของใครหลายคน รักกันได้ยังไง
เหมือนจะน้ำเน่า แต่มันไม่น้ำเน่า
และการแสดงของคุณเต๋อและคุณมิวก็อยู่ในระดับที่สุดยอดจริงๆ ทุกอย่างเนียนตาไปหมด จนผมอินไปกับเรื่องราว แม้กระทั่งคุณตุ้ยในบทตัวรองก็แสดงได้จริงๆ ไม่ค่อยเห็นใครชมเขา ผมขอชมไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
เด่นชัย มีชื่อเล่นว่า “เด่น” แต่ชีวิตเขานี่โคตรตรงข้ามกับชื่อเขาเลย จะเปลี่ยนชื่อเรียกว่า “ดับ” ก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมกว่า
การที่หนังจั่วหัวให้เขาเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหนแบบในเรื่องมันไม่ได้สนุกอย่างพวกมีพลังพิเศษในหนังซุปเปอร์ฮีโร่
ซึ่งจริงๆ แล้วตอนที่ดู ผมกลับนึกถึงของวิเศษชิ้นหนึ่งของโดราเอมอนด้วยซ้ำ
ถ้าผมจำไม่ผิด มันคือ “หมวกก้อนกรวด” ครับ
ความวิเศษของมันคือ คนที่ใส่หมวกนี้ จะไม่ได้หายตัวไปไหน แต่คนรอบๆ ข้างจะมองเขาเหมือนก้อนกรวด
ก้อนกรวดมันอยู่ใกล้เรานี่แหละ จริงๆ แล้วเรามองเห็นมัน แต่เราไม่เคยสนใจมัน
เด่นชัย เป็นเหมือนก้อนกรวดของคนหลายคน
เขามีตัวตน เขาทำงาน เขามีคนเรียกให้ช่วย เพื่อนเขาเห็นเขาในเฟซบุ๊ค ชวนมาซื้อของขายตรง ทุกคนเห็นเขา
แต่ไม่เคยมีคนสนใจเขา
และสิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือ ทำไมทุกๆ คนต้องพูดสิ่งที่ไม่ตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ทำไมคนอื่นต้องโกหก จนเขารู้สึกว่าอยากจะให้ทุกๆ คนบนโลกนี้มีปุ่มที่บนหน้าผาก เพื่อเราจะกดมันได้ เวลาที่เราอยากให้เขาพูดความจริงออกมา
นี่เขาแปลกหรือคนอื่นแปลก
จนกระทั่งนุ้ยเข้ามาในชีวิตของเขา
บางคนอาจจะรู้สึกว่านุ้ยเป็นผู้หญิงที่รู้จักบริหารสเน่ห์ เพราะเธอตั้งใจเรียกชื่อเด่นได้ถูก จำเขาได้ แต่เมื่อผมดูหนังผ่านไปเรื่อยๆ ผมกลับเชื่อว่านุ้ยเป็นคนจิตใจดีจริงๆ
แม้กระทั่งซีนที่เด่น เผลอพูดอะไรเนิร์ดๆ ออกมา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสนใจฟังเขาจริงเลย แค่ถามไปงั้น
พอจังหวะที่เขารู้สึกตัวว่า เอาอีกแล้วกรู เผลอพูดเรื่องที่คนทั่วไปเขาไม่อยากรู้ออกมาอีกแล้ว
แต่จังหวะนั้นนุ้ยกลับแสดงออกด้วยความรู้สึกว่า ไม่อยากให้เด่นรู้สึกว่าเรื่องที่เขาพูดนั้นไม่มีใครสนใจฟัง และนุ้ยตัดสินใจบอกว่า เธออยากรู้นะ วันหลังเล่าให้ฟังอีกนะ
ผมเชื่อนุ้ย ว่าเธอสนใจความรู้สึกของเด่น ณ เวลานั้นจริงๆ
มีคนใส่ใจก้อนกรวดอย่างเขาแล้ว
เขาถูกมองเห็นและใส่ใจ
ไม่แปลกที่เด่นจะชอบนุ้ย
อย่าไปเอาเรื่องที่บอกว่า ถ้านุ้ยไม่สวย เด่นจะยังชอบไหมมาพูดเลยดีกว่าครับ
เรายอมรับความจริงกันได้ว่า เราทุกๆ คนชอบคนสวยคนหล่ออยู่แล้ว เพียงแต่สำหรับหลายๆ คนไม่ได้หมายความว่าแค่สวยและหล่อทุกอย่างก็พอแล้ว
เรายังต้องการอย่างอื่นอีกที่สำคัญกว่านั้น
คือคุณค่าทางจิตใจต่อตัวเรา
เด่นรู้สึกว่านุ้ยมีคุณค่าทางจิตใจต่อเขา และมันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิตด้วยครับ
จริงๆ แล้วถ้าคุณลองนึกดูว่า ในชีวิตนี้คุณเคยเจอคนหล่อ คนสวยที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณมากมาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำให้คุณหลงรักได้เสมอนี่ จริงไหมครับ
หรือบางทีไม่จำเป็นต้องสวยต้องหล่อ แต่แค่ดูดี หรือมีบางอย่างที่ก่อให้เกิดความหมายต่อเรา บางทีใจเราก็เผลอหลงรักเขาไปแล้ว
บางครั้งแค่ในบางวันที่เป็นวันแย่ๆ ของเรา แล้วมีผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งทักเราว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ในขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นหรือใส่ใจเราว่าเราเป็นอะไร
บางทีแค่นั้นเอง ที่จังหวะชีวิตก็ทำให้คนบางคนมีคุณค่าทางจิตใจต่อเราได้
ผมก็เคยมีความรู้สึกนั้น
และตอนนั้นสำหรับเด่น เขาก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
มันทำให้ก้อนกรวดอย่างเขา ติดตามชีวิตของเทือกเขาแสนสวยอย่างนุ้ยตั้งแต่นั้นมา
สามปี
สามปีที่เด่นแอบรักนุ้ย และเขารู้ว่านุ้ยรักท๊อป
เรื่องคลาสสิคของโลกเราครับ
เรารักเขา เขาไม่รักเรา เขารักคนอื่น
และเขาคือคนที่เข้าใจความรู้สึกของนุ้ยจริงๆ ครับ ว่าจริงๆ แล้วนุ้ยไม่ได้มีความสุขอย่างที่เห็นเวลาเธอยิ้มตลอดเวลาหรอก
เธอจะยิ้มกว้างขึ้น เวลาที่ใจข้างในเธอไม่ได้ยิ้ม
นุ้ยเคยทำให้เด่นรู้สึกว่าเขาถูกมองเห็นและมีตัวตน
และตอนนี้คนที่เห็นความรู้สึกจริงๆ ของนุ้ย ก็คือเด่นเช่นกัน
ผมว่าจุดนี้ทำให้หลายคนที่ดูหนังอิน เพราะเราเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับบางคน
คนที่เราทำได้แอบมอง สังเกตความรู้สึกเขา และเข้าใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของเขาจากระยะห่างไกล
เป็นความสุขของคนแอบรัก ซึ่งรู้ตัวดีว่า เรามาไกลที่สุดได้เท่านี้
เด่นก็รู้ตัวดีครับ สารรูปอย่างเขา ทำได้เท่านี้จริงๆ
จนกระทั่งวินาทีที่เขาสั่นระฆัง และพูดออกมาว่า “แค่วันเดียวก็ยังดี”
สำหรับคนที่เคยชินกับการคิดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อย่างเขามาตลอด และไม่เคยเก่งเลยกับการโกหก
แต่เมื่อได้อยู่กับสถานการณ์ตรงหน้าที่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้ความฝันในมุมหนึ่งของหัวใจเขาที่มีมาตลอดเวลาสามปีเป็นจริง
เขาจะเอายังไงดี
ผมว่านะครับ แม้เด่นจะรู้ตัวดีว่าที่ผ่านมาเขาทำได้แค่แอบรักและห่วงใยอย่างห่างๆ
แต่คนเราทุกคนมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง
ในส่วนลึกในจิตใจเขา มันต้องเคยมีความคิดแฟนตาซีแบบเทพนิยายปรากฏขึ้นมาบ้างแหละว่า อาจจะมีซักวันหนึ่งที่เขาอาจจะได้เป็นแฟนกับนุ้ย เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ที่หล่อเลี้ยงจิตใจเขา
และตอนนี้มันกำลังจะเป็นจริง
แค่วันเดียวก็ยังดี
เด่นโกหก
“ข้อสองครับ...ผมเป็นแฟนคุณ”
แต่เขาไม่เก่งเลยจริงๆ เรื่องโกหก
ไม่รู้คนอื่นจะเป็นยังไงเวลาที่ได้ดู แต่ผมสงสารเขาจริงๆ
เขาไม่ใช่คนนิสัยแย่ๆ พูดโกหกเพื่อเอาดีใส่ตัว สร้างภาพเพื่อหวังผลประโยชน์ หลอกลวงเพื่อตักตวงและฉวยโอกาส
แต่มันคือโอกาสเดียวที่เขาจะได้เป็นแฟนนุ้ย
และที่สำคัญ ผมคิดว่า เขารู้สึกว่าเขาอยากทำให้นุ้ยมีความสุขจริงๆ มากกว่า
เพราะในโลกความเป็นจริง เขารู้ดีว่านุ้ยกล้ำกลืนทนอยู่กับความสุขจอมปลอม อยู่กับคำโกหกสวยหรู อยู่กับเวทมนตร์จอมปลอม
วันนี้เป็นวันเดียวที่นุ้ยจะหลุดออกจากอำนาจเวทมนตร์นั้น
“ผมชื่อท๊อปครับ”
เขายอมกลายเป็นท๊อป แต่เป็นท๊อปที่จะทำให้นุ้ยมีความสุขได้จริงๆ ในหนึ่งวันนี้
แน่นอนว่า นุ้ยไม่เชื่อ
เด่นเก่งเวลาที่คุยกับคอมพิวเตอร์ แต่เขาไม่เคยเก่งเลยเวลาที่ต้องหลอกคนอื่น
ตอนนี้บนหน้าผากเขาไม่มีปุ่มพูดความจริงปรากฏแล้ว
และบนความไม่เชื่อของนุ้ยนั้น นุ้ยแสดงออกมาให้เห็นว่า ตายห่าน นี่ชั้นเป็นแฟนกับคนแบบนี้เหรอ
หน้าของนุ้ยบนกระจกที่สะท้อนออกมาให้เด่นเห็น มันคือความรู้สึกที่เด่นรู้ดีว่า เขาอาจจะต้องแบกรับมันไว้ตลอดวันนี้ทั้งวันก็ได้
แต่เขาก็ทนรับมันไว้ และเดินหน้าต่อไปด้วยความหวังเล็กๆ ในหัวใจ
ถามว่าเด่นรู้ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไร
เขาเป็นคนทื่อ ซื่อๆ พูดไม่เก่ง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ครับ และยิ่งกว่านั้น เขาไม่ใช่คนตายด้าน
เขาเจ็บเป็น
ตอนลงลิฟท์ที่นุ้ยแกล้งลืมของเพื่อที่จะไม่ต้องลงลิฟท์พร้อมเขา
นั่นมันเจ็บครับ
และยิ่งถ้าเราดูถึงตอนท้ายเรื่องเราจะรู้ว่าเขาผ่านความเจ็บหนักๆ แบบนั้นมาแล้ว
ความรู้สึกของเด่นในช่วงต้นๆ หลังจากนุ้ยความจำเสื่อมมันจึงผสมผเสปนเปกันไปหมด
ทั้งยินดีที่จะได้เป็นแฟนนุ้ย
ทั้งใจหวิวๆ ตลอดเวลา กลัวว่าเขาจะจับได้ และเขาทำท่าจะชิงขอโทษและยอมรับอยู่หลายครั้งในตอนแรก
ทั้งรู้สึกว่าตัวเองต้องโกหก
ทั้งเก็บความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธไว้ในใจ
และความรู้สึกมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป ด้วยความคิดว่า
ขอแค่วันเดียวเท่านั้น
วันเดียวก็พอ
ฉากข้ามถนน เป็นฉากที่ทำให้ผมน้ำตาซึม
เพราะตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจโกหกนุ้ยมาตลอด แม้เขาจะสร้างรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าเขาตลอดเวลา แต่ผมก็รู้สึกว่าเด่นน่าสงสาร
เขามองออกแหละว่า นุ้ยไม่ปลื้มเขา แต่ทำไงได้ เขาทำเป็นแค่นี้ เขาทำได้แค่พยายามเอาใจนุ้ย พยายามก๊อปปี้สิ่งที่ท๊อปเคยทำให้นุ้ย เพราะคิดว่า ในเมื่อนุ้ยเคยชอบแบบที่ท๊อปทำให้ ถ้าเขาทำให้นุ้ยบ้าง นุ้ยก็ต้องชอบซิ
แต่เขาลืมไปว่า การเป็นคนอื่นมันยาก
และเขามีข้อดีของตัวเขาเองอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นคนอื่น
พอมาถึงฉากนี้ ฉากที่นุ้ยสุดจะทนกับเด่น
และเธอเผลอพูดออกมาว่า “แค่ชั้นตื่นขึ้นมาความจำเสื่อมก็แย่พอแล้ว แล้วยังต้องมาเจอคนอย่างคุณเป็นแฟนอีก”
“คนอย่างผม มันเป็นยังไงเหรอครับ”
“ก็อย่างนี้ไง”
นุ้ยไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบายมากว่า อย่างนี้ คือยังไง แค่นั้นพอแล้วครับ
มันทำให้บางส่วนในตัวของเด่นขาดออกจากกัน มันทำให้เขารู้สึกว่าพัง
และในวินาทีนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่า เขาไม่น่าทำอย่างนี้เลยตั้งแต่แรก มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะทำให้นุ้ยมารักเขาอยู่แล้ว เขามันโง่เอง
คนอย่างเขา คน “อย่างนี้” มันไม่ได้เรื่องเลย
บางคนอาจจะรู้สึกว่านุ้ยใจร้าย แต่ผมเข้าใจเธอนะครับ
คนอย่างเด่น อย่างที่ผมบอกตอนต้น เขาไม่เด่นสมชื่อครับ ไม่ใช่ทุกคนๆ ในโลกนี้จะมองเห็นจุดเด่นของเด่นได้
ยิ่งโดยเฉพาะในระยะเวลาสั้นๆ และในสถานการณ์ที่ความสับสนอีรุงตุงนังกันไปหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาแค่แปปเดียว
สำหรับนุ้ย ความสับสนจากการตื่นมาก็พบกับเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความทรงจำเลย อย่างเช่น ชั้นมาทำอะไรที่นี่ สามสี่ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น
แล้วทำไมชั้นมีแฟนอย่างเด่นได้ยังไง
ยอมรับความจริงเถอะครับ ว่าถ้าเลือกได้ ผู้หญิงสวย น่ารักอย่างนุ้ย คงไม่อยากได้ผู้ชายอย่างเด่นเป็นแฟนแน่ๆ
ไม่เท่ ไม่คูล ไม่ดูดี ไม่มีถ้อยคำสวยๆ และแป้กแทบตลอดเวลา
เธอจึงมาถึงจุดที่ความรู้สึกบางส่วนของเธอรับกับเรื่องที่เจอไม่ได้
เธอจึงเผลอพูดออกมา
แต่พอวินาทีถัดจากนั้น ที่เด่นทำกระดาษแพลนเที่ยวหลุดจากมือ เธอเริ่มหันมาสังเกตความรู้สึกของเด่น
ผมบอกแล้วว่านุ้ยจิตใจดี เธอสนใจความรู้สึกของคนอื่น แม้ว่าบางครั้งจะตามหลังจากความรู้สึกตัวเองบ้าง
นุ้ยรู้สึกว่าเธอพูดแรงไป และกำลังจะเอ่ยปากขอโทษ
แต่เด่นไปแล้ว
เขาช๊อค
ผมชอบฉากนี้มากๆ ฉากที่เด่นเดินลับหายฝูงคนไป จนกระทั่งเขาเดินกลับมา
และนุ้ยกำลังจะขอโทษ แต่เด่นไม่สนใจ เขากลับมายิ้มอีกครั้งหนึ่ง
เด่นกลับมา ด้วยความรู้สึกที่เขาเอาชนะความเจ็บปวดในใจของตัวเองและไม่แสดงออกมา
เขาไม่ต่อว่านุ้ย
เขาไม่พูดว่า ทำไม ผมไม่ดีตรงไหน
เขาไม่โวยวาย
ไม่ร้องขอความเห็นใจ
เขาไม่อะไรเลยซักอย่าง
เขาแค่บอกว่า เขาเจอร้านซูชิแล้ว ไปกันเถอะ...แค่นั้น
เขาตัดสินใจได้ว่า เขาทนได้ เขารับได้ วันเดียวเท่านั้น ขอให้เขาทำความฝันของเขาให้สำเร็จ
แต่มันเป็นความฝันที่มีนุ้ยอยู่ในนั้นครับ
มันเป็นความฝันที่จะทำให้วันนี้นุ้ยมีความสุข
แค่วันเดียวก็ยังดี
ผมน้ำตาซึมเลย
มันช่าง Task Oriented จริงๆ 555
(ต่อในช่องความเห็นนะครับ ยังไม่จบ ^^)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/asfarasi/
“เราจะลงทุนสร้างปราสาทน้ำแข็งขึ้นมาไหม ถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้ยังไงมันก็จะพังไป” ทุกความรู้สึกหลังดูมา 3 รอบ แฟนเดย์ (สปอยล์)
ก่อนหน้านี้มีหนังรักแค่เรื่องเดียวที่ทำให้ผมอยากดูซ้ำหลายๆ รอบ คือ “500 Days of Summer”
เพิ่งจะมีเรื่องนี้แหละที่ผมมีความรู้สึก ที่อยากจะดูซ้ำอีกหลายๆ รอบ
เพราะมันเป็นหนังที่ “สร้างความรู้สึก” ให้ในขณะดูได้ดีจริงๆ
มันไม่ใช่หนังอย่าง Sixth Sense, The Other, Pulp Fiction, Memento หรือ Inception ที่อาจจะทำให้เราอยากกลับไปดูซ้ำ เพราะอยากเก็บรายละเอียดของเรื่องราวในหนัง ว่าการตัดต่อหนัง การลำดับเรื่องมันหลอกเรายังไง แต่มันเป็นหนังที่ผมรู้สึกว่า ผมได้เข้าไปนั่งดูชีวิตคนสองคนที่มีพัฒนาการในความรักในช่วงสั้นๆ และได้ไปรับรู้ความรู้สึกของคนที่เป็นคนขี้แพ้ในเรื่องความรักกับผู้หญิงที่เป็นเหมือนดอกฟ้าของใครหลายคน รักกันได้ยังไง
เหมือนจะน้ำเน่า แต่มันไม่น้ำเน่า
และการแสดงของคุณเต๋อและคุณมิวก็อยู่ในระดับที่สุดยอดจริงๆ ทุกอย่างเนียนตาไปหมด จนผมอินไปกับเรื่องราว แม้กระทั่งคุณตุ้ยในบทตัวรองก็แสดงได้จริงๆ ไม่ค่อยเห็นใครชมเขา ผมขอชมไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
เด่นชัย มีชื่อเล่นว่า “เด่น” แต่ชีวิตเขานี่โคตรตรงข้ามกับชื่อเขาเลย จะเปลี่ยนชื่อเรียกว่า “ดับ” ก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมกว่า
การที่หนังจั่วหัวให้เขาเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหนแบบในเรื่องมันไม่ได้สนุกอย่างพวกมีพลังพิเศษในหนังซุปเปอร์ฮีโร่
ซึ่งจริงๆ แล้วตอนที่ดู ผมกลับนึกถึงของวิเศษชิ้นหนึ่งของโดราเอมอนด้วยซ้ำ
ถ้าผมจำไม่ผิด มันคือ “หมวกก้อนกรวด” ครับ
ความวิเศษของมันคือ คนที่ใส่หมวกนี้ จะไม่ได้หายตัวไปไหน แต่คนรอบๆ ข้างจะมองเขาเหมือนก้อนกรวด
ก้อนกรวดมันอยู่ใกล้เรานี่แหละ จริงๆ แล้วเรามองเห็นมัน แต่เราไม่เคยสนใจมัน
เด่นชัย เป็นเหมือนก้อนกรวดของคนหลายคน
เขามีตัวตน เขาทำงาน เขามีคนเรียกให้ช่วย เพื่อนเขาเห็นเขาในเฟซบุ๊ค ชวนมาซื้อของขายตรง ทุกคนเห็นเขา
แต่ไม่เคยมีคนสนใจเขา
และสิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือ ทำไมทุกๆ คนต้องพูดสิ่งที่ไม่ตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ทำไมคนอื่นต้องโกหก จนเขารู้สึกว่าอยากจะให้ทุกๆ คนบนโลกนี้มีปุ่มที่บนหน้าผาก เพื่อเราจะกดมันได้ เวลาที่เราอยากให้เขาพูดความจริงออกมา
นี่เขาแปลกหรือคนอื่นแปลก
จนกระทั่งนุ้ยเข้ามาในชีวิตของเขา
บางคนอาจจะรู้สึกว่านุ้ยเป็นผู้หญิงที่รู้จักบริหารสเน่ห์ เพราะเธอตั้งใจเรียกชื่อเด่นได้ถูก จำเขาได้ แต่เมื่อผมดูหนังผ่านไปเรื่อยๆ ผมกลับเชื่อว่านุ้ยเป็นคนจิตใจดีจริงๆ
แม้กระทั่งซีนที่เด่น เผลอพูดอะไรเนิร์ดๆ ออกมา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสนใจฟังเขาจริงเลย แค่ถามไปงั้น
พอจังหวะที่เขารู้สึกตัวว่า เอาอีกแล้วกรู เผลอพูดเรื่องที่คนทั่วไปเขาไม่อยากรู้ออกมาอีกแล้ว
แต่จังหวะนั้นนุ้ยกลับแสดงออกด้วยความรู้สึกว่า ไม่อยากให้เด่นรู้สึกว่าเรื่องที่เขาพูดนั้นไม่มีใครสนใจฟัง และนุ้ยตัดสินใจบอกว่า เธออยากรู้นะ วันหลังเล่าให้ฟังอีกนะ
ผมเชื่อนุ้ย ว่าเธอสนใจความรู้สึกของเด่น ณ เวลานั้นจริงๆ
มีคนใส่ใจก้อนกรวดอย่างเขาแล้ว
เขาถูกมองเห็นและใส่ใจ
ไม่แปลกที่เด่นจะชอบนุ้ย
อย่าไปเอาเรื่องที่บอกว่า ถ้านุ้ยไม่สวย เด่นจะยังชอบไหมมาพูดเลยดีกว่าครับ
เรายอมรับความจริงกันได้ว่า เราทุกๆ คนชอบคนสวยคนหล่ออยู่แล้ว เพียงแต่สำหรับหลายๆ คนไม่ได้หมายความว่าแค่สวยและหล่อทุกอย่างก็พอแล้ว
เรายังต้องการอย่างอื่นอีกที่สำคัญกว่านั้น
คือคุณค่าทางจิตใจต่อตัวเรา
เด่นรู้สึกว่านุ้ยมีคุณค่าทางจิตใจต่อเขา และมันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิตด้วยครับ
จริงๆ แล้วถ้าคุณลองนึกดูว่า ในชีวิตนี้คุณเคยเจอคนหล่อ คนสวยที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณมากมาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำให้คุณหลงรักได้เสมอนี่ จริงไหมครับ
หรือบางทีไม่จำเป็นต้องสวยต้องหล่อ แต่แค่ดูดี หรือมีบางอย่างที่ก่อให้เกิดความหมายต่อเรา บางทีใจเราก็เผลอหลงรักเขาไปแล้ว
บางครั้งแค่ในบางวันที่เป็นวันแย่ๆ ของเรา แล้วมีผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งทักเราว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ในขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นหรือใส่ใจเราว่าเราเป็นอะไร
บางทีแค่นั้นเอง ที่จังหวะชีวิตก็ทำให้คนบางคนมีคุณค่าทางจิตใจต่อเราได้
ผมก็เคยมีความรู้สึกนั้น
และตอนนั้นสำหรับเด่น เขาก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
มันทำให้ก้อนกรวดอย่างเขา ติดตามชีวิตของเทือกเขาแสนสวยอย่างนุ้ยตั้งแต่นั้นมา
สามปี
สามปีที่เด่นแอบรักนุ้ย และเขารู้ว่านุ้ยรักท๊อป
เรื่องคลาสสิคของโลกเราครับ
เรารักเขา เขาไม่รักเรา เขารักคนอื่น
และเขาคือคนที่เข้าใจความรู้สึกของนุ้ยจริงๆ ครับ ว่าจริงๆ แล้วนุ้ยไม่ได้มีความสุขอย่างที่เห็นเวลาเธอยิ้มตลอดเวลาหรอก
เธอจะยิ้มกว้างขึ้น เวลาที่ใจข้างในเธอไม่ได้ยิ้ม
นุ้ยเคยทำให้เด่นรู้สึกว่าเขาถูกมองเห็นและมีตัวตน
และตอนนี้คนที่เห็นความรู้สึกจริงๆ ของนุ้ย ก็คือเด่นเช่นกัน
ผมว่าจุดนี้ทำให้หลายคนที่ดูหนังอิน เพราะเราเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับบางคน
คนที่เราทำได้แอบมอง สังเกตความรู้สึกเขา และเข้าใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของเขาจากระยะห่างไกล
เป็นความสุขของคนแอบรัก ซึ่งรู้ตัวดีว่า เรามาไกลที่สุดได้เท่านี้
เด่นก็รู้ตัวดีครับ สารรูปอย่างเขา ทำได้เท่านี้จริงๆ
จนกระทั่งวินาทีที่เขาสั่นระฆัง และพูดออกมาว่า “แค่วันเดียวก็ยังดี”
สำหรับคนที่เคยชินกับการคิดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อย่างเขามาตลอด และไม่เคยเก่งเลยกับการโกหก
แต่เมื่อได้อยู่กับสถานการณ์ตรงหน้าที่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้ความฝันในมุมหนึ่งของหัวใจเขาที่มีมาตลอดเวลาสามปีเป็นจริง
เขาจะเอายังไงดี
ผมว่านะครับ แม้เด่นจะรู้ตัวดีว่าที่ผ่านมาเขาทำได้แค่แอบรักและห่วงใยอย่างห่างๆ
แต่คนเราทุกคนมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง
ในส่วนลึกในจิตใจเขา มันต้องเคยมีความคิดแฟนตาซีแบบเทพนิยายปรากฏขึ้นมาบ้างแหละว่า อาจจะมีซักวันหนึ่งที่เขาอาจจะได้เป็นแฟนกับนุ้ย เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ที่หล่อเลี้ยงจิตใจเขา
และตอนนี้มันกำลังจะเป็นจริง
แค่วันเดียวก็ยังดี
เด่นโกหก
“ข้อสองครับ...ผมเป็นแฟนคุณ”
แต่เขาไม่เก่งเลยจริงๆ เรื่องโกหก
ไม่รู้คนอื่นจะเป็นยังไงเวลาที่ได้ดู แต่ผมสงสารเขาจริงๆ
เขาไม่ใช่คนนิสัยแย่ๆ พูดโกหกเพื่อเอาดีใส่ตัว สร้างภาพเพื่อหวังผลประโยชน์ หลอกลวงเพื่อตักตวงและฉวยโอกาส แต่มันคือโอกาสเดียวที่เขาจะได้เป็นแฟนนุ้ย
และที่สำคัญ ผมคิดว่า เขารู้สึกว่าเขาอยากทำให้นุ้ยมีความสุขจริงๆ มากกว่า
เพราะในโลกความเป็นจริง เขารู้ดีว่านุ้ยกล้ำกลืนทนอยู่กับความสุขจอมปลอม อยู่กับคำโกหกสวยหรู อยู่กับเวทมนตร์จอมปลอม
วันนี้เป็นวันเดียวที่นุ้ยจะหลุดออกจากอำนาจเวทมนตร์นั้น
“ผมชื่อท๊อปครับ”
เขายอมกลายเป็นท๊อป แต่เป็นท๊อปที่จะทำให้นุ้ยมีความสุขได้จริงๆ ในหนึ่งวันนี้
แน่นอนว่า นุ้ยไม่เชื่อ
เด่นเก่งเวลาที่คุยกับคอมพิวเตอร์ แต่เขาไม่เคยเก่งเลยเวลาที่ต้องหลอกคนอื่น
ตอนนี้บนหน้าผากเขาไม่มีปุ่มพูดความจริงปรากฏแล้ว
และบนความไม่เชื่อของนุ้ยนั้น นุ้ยแสดงออกมาให้เห็นว่า ตายห่าน นี่ชั้นเป็นแฟนกับคนแบบนี้เหรอ
หน้าของนุ้ยบนกระจกที่สะท้อนออกมาให้เด่นเห็น มันคือความรู้สึกที่เด่นรู้ดีว่า เขาอาจจะต้องแบกรับมันไว้ตลอดวันนี้ทั้งวันก็ได้
แต่เขาก็ทนรับมันไว้ และเดินหน้าต่อไปด้วยความหวังเล็กๆ ในหัวใจ
ถามว่าเด่นรู้ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไร
เขาเป็นคนทื่อ ซื่อๆ พูดไม่เก่ง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ครับ และยิ่งกว่านั้น เขาไม่ใช่คนตายด้าน
เขาเจ็บเป็น
ตอนลงลิฟท์ที่นุ้ยแกล้งลืมของเพื่อที่จะไม่ต้องลงลิฟท์พร้อมเขา
นั่นมันเจ็บครับ และยิ่งถ้าเราดูถึงตอนท้ายเรื่องเราจะรู้ว่าเขาผ่านความเจ็บหนักๆ แบบนั้นมาแล้ว
ความรู้สึกของเด่นในช่วงต้นๆ หลังจากนุ้ยความจำเสื่อมมันจึงผสมผเสปนเปกันไปหมด
ทั้งยินดีที่จะได้เป็นแฟนนุ้ย
ทั้งใจหวิวๆ ตลอดเวลา กลัวว่าเขาจะจับได้ และเขาทำท่าจะชิงขอโทษและยอมรับอยู่หลายครั้งในตอนแรก
ทั้งรู้สึกว่าตัวเองต้องโกหก
ทั้งเก็บความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธไว้ในใจ
และความรู้สึกมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป ด้วยความคิดว่า
ขอแค่วันเดียวเท่านั้น
วันเดียวก็พอ
ฉากข้ามถนน เป็นฉากที่ทำให้ผมน้ำตาซึม
เพราะตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจโกหกนุ้ยมาตลอด แม้เขาจะสร้างรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าเขาตลอดเวลา แต่ผมก็รู้สึกว่าเด่นน่าสงสาร
เขามองออกแหละว่า นุ้ยไม่ปลื้มเขา แต่ทำไงได้ เขาทำเป็นแค่นี้ เขาทำได้แค่พยายามเอาใจนุ้ย พยายามก๊อปปี้สิ่งที่ท๊อปเคยทำให้นุ้ย เพราะคิดว่า ในเมื่อนุ้ยเคยชอบแบบที่ท๊อปทำให้ ถ้าเขาทำให้นุ้ยบ้าง นุ้ยก็ต้องชอบซิ
แต่เขาลืมไปว่า การเป็นคนอื่นมันยาก
และเขามีข้อดีของตัวเขาเองอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นคนอื่น
พอมาถึงฉากนี้ ฉากที่นุ้ยสุดจะทนกับเด่น
และเธอเผลอพูดออกมาว่า “แค่ชั้นตื่นขึ้นมาความจำเสื่อมก็แย่พอแล้ว แล้วยังต้องมาเจอคนอย่างคุณเป็นแฟนอีก”
“คนอย่างผม มันเป็นยังไงเหรอครับ”
“ก็อย่างนี้ไง”
นุ้ยไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบายมากว่า อย่างนี้ คือยังไง แค่นั้นพอแล้วครับ
มันทำให้บางส่วนในตัวของเด่นขาดออกจากกัน มันทำให้เขารู้สึกว่าพัง
และในวินาทีนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่า เขาไม่น่าทำอย่างนี้เลยตั้งแต่แรก มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะทำให้นุ้ยมารักเขาอยู่แล้ว เขามันโง่เอง
คนอย่างเขา คน “อย่างนี้” มันไม่ได้เรื่องเลย
บางคนอาจจะรู้สึกว่านุ้ยใจร้าย แต่ผมเข้าใจเธอนะครับ
คนอย่างเด่น อย่างที่ผมบอกตอนต้น เขาไม่เด่นสมชื่อครับ ไม่ใช่ทุกคนๆ ในโลกนี้จะมองเห็นจุดเด่นของเด่นได้
ยิ่งโดยเฉพาะในระยะเวลาสั้นๆ และในสถานการณ์ที่ความสับสนอีรุงตุงนังกันไปหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาแค่แปปเดียว
สำหรับนุ้ย ความสับสนจากการตื่นมาก็พบกับเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความทรงจำเลย อย่างเช่น ชั้นมาทำอะไรที่นี่ สามสี่ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น
แล้วทำไมชั้นมีแฟนอย่างเด่นได้ยังไง
ยอมรับความจริงเถอะครับ ว่าถ้าเลือกได้ ผู้หญิงสวย น่ารักอย่างนุ้ย คงไม่อยากได้ผู้ชายอย่างเด่นเป็นแฟนแน่ๆ
ไม่เท่ ไม่คูล ไม่ดูดี ไม่มีถ้อยคำสวยๆ และแป้กแทบตลอดเวลา
เธอจึงมาถึงจุดที่ความรู้สึกบางส่วนของเธอรับกับเรื่องที่เจอไม่ได้
เธอจึงเผลอพูดออกมา
แต่พอวินาทีถัดจากนั้น ที่เด่นทำกระดาษแพลนเที่ยวหลุดจากมือ เธอเริ่มหันมาสังเกตความรู้สึกของเด่น
ผมบอกแล้วว่านุ้ยจิตใจดี เธอสนใจความรู้สึกของคนอื่น แม้ว่าบางครั้งจะตามหลังจากความรู้สึกตัวเองบ้าง
นุ้ยรู้สึกว่าเธอพูดแรงไป และกำลังจะเอ่ยปากขอโทษ
แต่เด่นไปแล้ว
เขาช๊อค
ผมชอบฉากนี้มากๆ ฉากที่เด่นเดินลับหายฝูงคนไป จนกระทั่งเขาเดินกลับมา
และนุ้ยกำลังจะขอโทษ แต่เด่นไม่สนใจ เขากลับมายิ้มอีกครั้งหนึ่ง
เด่นกลับมา ด้วยความรู้สึกที่เขาเอาชนะความเจ็บปวดในใจของตัวเองและไม่แสดงออกมา
เขาไม่ต่อว่านุ้ย
เขาไม่พูดว่า ทำไม ผมไม่ดีตรงไหน
เขาไม่โวยวาย
ไม่ร้องขอความเห็นใจ
เขาไม่อะไรเลยซักอย่าง
เขาแค่บอกว่า เขาเจอร้านซูชิแล้ว ไปกันเถอะ...แค่นั้น
เขาตัดสินใจได้ว่า เขาทนได้ เขารับได้ วันเดียวเท่านั้น ขอให้เขาทำความฝันของเขาให้สำเร็จ
แต่มันเป็นความฝันที่มีนุ้ยอยู่ในนั้นครับ
มันเป็นความฝันที่จะทำให้วันนี้นุ้ยมีความสุข
แค่วันเดียวก็ยังดี
ผมน้ำตาซึมเลย
มันช่าง Task Oriented จริงๆ 555
(ต่อในช่องความเห็นนะครับ ยังไม่จบ ^^)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้