เมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว เรามีโอกาสได้ไปทำงานอาสากับ Soi Dog Foundation
มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ที่อยู่ในภูเก็ตในประเทศเรานี่เอง
พอไปถึงแล้วก็แปลกใจว่าทำไมถึงเจอแต่ฝรั่ง มาจากทั้งยุโรป, อเมริกา แล้วก็ออสเตรเลีย
พอถามคนที่ทำงานที่นั่นดู ก็เลยรู้ว่าไม่ค่อยมีคนไทยไปช่วยจริงๆ
เหตุผลส่วนหนึ่ง เดาว่าคงเพราะคนไทยหลายๆคนไม่รู้จัก
เพราะคนที่ก่อตั้ง รวมทั้งดูแลมูลนิธิส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ บวกกับคนที่รับหมาและแมวไปเลี้ยง ก็เป็นคนต่างชาติเช่นกัน
ข้อมูลส่วนใหญ่ที่โพสออนไลน์ถึงเป็นภาษาอังกฤษ
(จะแอบบอกว่า ไปทำงานอาสากับซอยด็อกนี่เหมือนได้ไปอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ ได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากๆ
ถ้าใครอยากฝึกภาษาอังกฤษนี่คือเป็นโอกาสที่ดีมาก)
วันนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของเราเอง เผื่อว่าคนไทยจะไปช่วยน้องหมา(และแมว)กันมากขึ้น
ถ้าใครอยากจะไปชมเว็บไซต์โดยตรง เข้าไปดูได้ที่
https://www.soidog.org เลยค่ะ
จุดประสงค์หลักของซอยด็อก ก็คือช่วยรักษาหมาแมวจรจัดที่เจ็บป่วย แล้วก็ช่วยหาบ้านให้เขาอยู่ค่ะ
นอกจากนี้ ซอยด็อกยังช่วยทำหมันให้ฟรีๆด้วย จะได้ช่วยจำกัดจำนวนของหมาแมวตามท้องถนน
หลายๆคนคงคิดว่า การช่วยเหลือคงเป็นการให้เงินบริจาค
แต่ความจริง นั่นไม่ใช่วิธีช่วยทางเดียวค่ะ
ซอยด็อกมีน้องหมาหลายร้อยตัวที่ต้องดูแลทุกวัน ทางมูลนิธิถึงต้องการคนไปช่วยดูแลสุนัขอยู่เรื่อยๆค่ะ
ถึงมันจะฟังดูเป็นอะไรที่ไม่จริงจัง แต่พอเราไปแล้วถึงรู้ว่ามันช่วยเปลี่ยนชีวิตของหมาจรได้จริงๆ
ทางมูลนิธิ จัดแบ่งน้องหมาให้อยู่ในคอกที่เหมาะกับเค้า โดยแต่ละคอกจะเรียกว่า “รัน (run)”
อย่างเช่น A กับ B runs ก็จะเป็นหมาที่โตแล้ว แข็งแรง สามารถให้คนรับไปเลี้ยงได้
Puppy run ก็จะเป็นรันของลูกหมา
Small dogs run รันของน้องหมาตัวเล็กๆ
Shy dogs run รันของหมาขึ้อาย หรือก็คือหมาที่ยังไม่ค่อยเชื่อง อยู่กับตัวอื่นๆไม่ได้หรือไม่กล้าเข้าใกล้คน
เราไปช่วยทำงานอาสาหนึ่งอาทิตย์ ก็ได้รับ A3 ไปดูแลค่ะ
(A กับ B runs แบ่งย่อยๆไปอีก 8 run ค่ะ ก็คือ A1-A4 กับ B1-B4)
หน้าที่หลักๆของเรา ก็มีแค่เล่นกับหมา แล้วก็พาหมาออกไปเดิน
แต่ละรันจะมีหมาเฉลี่ยประมาณ 20 ตัว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ
ลองจับคนยี่สิบคนไปขังอยู่ห้องเดียวกัน ความเครียดมันก็ต้องทำให้เถียงกัน ทะเลาะกัน เรื่องธรรมดา
การที่มีคนไปช่วยเล่นกับหมา พามันออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง ก็ช่วยได้มากๆเลยละค่ะ
นอกจากนี้ หมาบางตัวในรันก็จะยังไม่ค่อยเชื่อง
ยังกลัวๆ ไม่ค่อยกล้าเข้าหา ไม่ยอมให้คนจับ
เคยรู้สึกมั้ยคะ ว่าบางทีเวลาเจอใครที่เข้าถึงยากๆแล้วรู้สึกว่าอยากเอาชนะใจเค้า?
นั่นคือความรู้สึกเราตลอดเวลาที่ไปช่วยงาน
แค่หมาตัวที่กลัวๆ เดินมาดมมือ หรือให้ลูบหัว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ณ ระดับนึงละค่ะ
คิดไว้เสมอว่า การที่เราช่วยให้เขากล้ามากขึ้น มันก็เพิ่มโอกาสที่จะให้คนรับเขาไปเลี้ยง ให้ชีวิตเขาดีขึ้น
พิมพ์มาเยอะแล้ว เอารูปมาให้ดูบ้างดีกว่า
ตัวนี้ชื่อ
เซปลิน (Zeppelin) เป็นจ่าฝูง กร่างมากๆ
เป็นหมาที่เข้ากับคนง่ายมากกกก เจอเราครั้งแรกก็เดินมาเล่นด้วยเลย
แต่มีปัญหากับหมาตัวอื่นตลอดค่ะ
เวลาออกได้ออกไปเดิน ก็จะขู่ใส่ตัวอื่นตลอด มีปัญหาเยอะจริงๆ
แต่โชคดีที่เซปลินมีคนรับไปเลี้ยงแล้วค่ะ! รู้สึกว่ากำลังจะบินไปแคนาดาอาทิตย์นี้เลย
อาทิตย์ก่อนที่เราไป เซปลินทะเลาะกับ
ดัสตี้ (Dusty) พอดี
ซึ่งก็เข้าใจได้ว่ารูปร่างหน้าตาคล้ายๆกัน บวกกับดัสตี้ดูมีความเป็นจ่าฝูงอยู่พอตัวเลย
ดัสตี้เป็นหมาที่น่ารักมากกกกกกค่ะ
เพราะเพิ่งทะเลาะกับเซปลิน ก็เลยหนีขึ้นไปอยู่บนเพิงที่พักตลอด
แต่ว่าเข้ากับคนง่ายมากๆ ชอบยกขาหน้ามาเขี่ยๆ
อยู่กับหมาส่วนใหญ่ได้สบายๆเลยค่ะ เป็นหมาที่น่ารักจริงๆ
บราวนี่ (Brownie) ตัวนี้ดูออกเป็นหมาไทยบ้านๆของเราเลยค่ะ
เราเข้าใจว่าหมาไทยแบบนี้ หลายๆคนจะคิดว่าไม่น่ารัก
ส่วนตัว ถ้าให้เลือกเราก็เลือกตัวที่ขนฟูๆเหมือนกัน
แต่พอใช้เวลากับเค้าแล้ว จะรู้เลยค่ะว่าเลือกนิสัยน่ารักๆ มันดีกว่าหมาที่หน้าตาน่ารักแต่ทำตัววุ่นวาย
เวลาพาออกไปเดิน บราวนี่เป็นตัวที่เดินด้วยสนุกที่สุดแล้ว ไม่มีดื้อซนเลย
ปัญหาคือ นางต้องการจะออกไปวิ่งตลอดเวลา พอเปิดรั้วปุ๊บ ต้องระวังมากๆเพราะนางจะพุ่งออกไปคนแรกเลย
ตัวนี้ชื่อ
โอลีอานเดอร์ (Oleander) ค่ะ น่ารักมากๆ ขนนุ่มมม เดินมาให้เล่นด้วยตลอด
รู้สึกว่าจะมีคนรับไปเลี้ยงแล้วค่ะ
เซเล่อร์มูน (Sailormoon) กับ
กิมจิ (Kim Chi)
สองตัวนี้เป็นเพื่อนรักกัน เล่นด้วยกันบ่อยๆ
เวลาออกไปเดิน ถ้าเดินตัวเดียวกิมจิจะไม่มีความมั่นใจเลย
แต่พอเซเล่อร์มูนไปด้วยปุ๊บ จะร่าเริงมากๆ
น่าเสียดายที่เซเล่อร์มูนมีคนรับไปเลี้ยงแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่ากิมจิจะเป็นยังไง
ดีว่า (Diva) หน้าตาน่ารัก เข้ากับคนง่ายเหมือนกัน
รู้สึกว่าขาหลังจะโดนรถทับค่ะ ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลตลอด
เห็นหน้าตาเรียบร้อยๆ ความจริงคือนางก็ร้ายเหมือนกัน มีทะเลาะกับตัวอื่นอยู่เรื่อยๆ
เวลาพาออกไปเดิน พอเดินเสร็จใกล้จะกลับ นางจะเริ่มออกอาการ
แกล้งทิ้งตัวลงไปนั่งเฉยๆ เราเห็นว่าขานางดูเหมือนจะเจ็บ เราก็ไม่กล้าจะลากนางกลับไปที่คอก
ต้องยื้อกันอยู่เป็น 10-20 นาที ถึงจะยอมกลับได้
นาตาชา (Natacha) ตัวนี้ขึ้อายและขี้กลัวมากๆ แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็น
เราว่ามันเห็นในแววตาเค้าได้เลย ว่าเค้ากลัวคนมากขนาดไหน
เอย์ลิน (Aylin) เป็นหมาที่สวยมาก ขนฟูมาก ขี้อ้อนมาก
แต่ปัญหาของเค้าก็คือ เค้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ว่าจะขับถ่ายตอนไหน
การที่จะตามหาเจ้าของที่สามารถรับเอย์ลินไปดูแลได้ก็ยาก ทางซอยด็อกเลยจัดตั้งระบบสปอนเซอร์ให้สุนัขที่ดูแลค่อนข้างยาก
ถ้าใครที่อ่านเรื่องของเอย์ลินแล้วรู้สึกเอ็นดู ก็จะสามารถบริจาคเงินให้ทางมูลนิธิดูแลน้องหมาต่อไปได้
ต่อไปเป็นภาพแบบรวมๆค่ะ
นอกจากสุนัขกว่าหลายร้อยตัวแล้ว ซอยด็อกก็มีรับแมวจรจัดมาดูแลบ้าง
————————————————————————————
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราอยากฝากไว้ คืออยากให้คนไทยกันเองช่วยกันรักษาสังคมของเราให้มากขึ้น
คนไทยหลายๆคนให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองมากเกินไป
ไม่เคยสนใจว่าทั้งชีวิต เราเคยให้อะไรตอบแทนสังคมบ้างมั้ย
ถามว่าเราไปทำงานอาสาหนึ่งอาทิตย์แบบฟรีๆ ไม่ได้อะไรตอบแทน
สิ่งเดียวที่เราได้กลับมาคือประสบการณ์ดีๆ
มันทำให้เรารู้สึกว่า การจะเป็นคนรักหมา มันไม่ใช่แค่เห็นหมาหน้าตาน่ารักๆ แล้วอยากจับ อยากไปเล่น
แต่มันคือการใส่ใจและรักหมาทุกตัวเท่าๆกัน จะมีสามขา สี่ขา จะตาบอด หรือว่าไม่มีขน
มันทำให้เรารู้สึกว่าเราโตขึ้น ใส่ใจกับหลายๆอย่างมากขึ้น
แล้วก็พูดตรงๆ เราอายค่ะ
น้องหมาที่มูลนิธิที่โดนทำร้ายมา เกือบทั้งหมดก็ฝีมือคนไทยทั้งนั้น
โดนเอาไปทิ้งตามวัด โดนเอาน้ำมันร้อนๆสาดใส่ โดนตัดอุ้งเท้า (รูปภาพด้านล่าง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากถูกคนไทยทำร้ายมา ก็มีคนต่างชาติจากทั่วโลกมาช่วยเหลือเขาไว้
แทนที่คนไทยกันเองจะช่วยดูแลกันเอง เรากลับต้องให้คนชาติอื่นมาเก็บกวาดภาระของประเทศเราเอง
เรารู้สึกว่าคนไทยไม่ใช่คนใจบาป คนจิตใจดีก็มีทั่วประเทศ
อยากให้ใส่ใจกันมากๆหน่อยค่ะ
ถ้าใครอยากจะไปช่วยทำงานอาสาที่ซอยด็อก จะแค่วันสองวัน หรือแม้แต่เดือนสองเดือน
ลองหาข้อมูลบนเว็บไซต์ soidog.org แล้วติดต่อไปเลยค่ะ
มาช่วยๆกันทำให้ประเทศของเราดีขึ้นกันนะคะ
** เราไม่ได้ใช้ภาษาไทยเพื่อพิมพ์ยาวๆแบบนี้มาสักพักแล้ว
ถ้ามันฟังดูแปลกๆ หรือผิดพลาดยังไงก็ขอโทษจริงๆค่ะ
---- ฝากหน่อยค่ะ: Soi Dog มูลนิธิเพื่อสุนัขจรจัดที่คนไทยควรรู้จัก -----
มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ที่อยู่ในภูเก็ตในประเทศเรานี่เอง
พอไปถึงแล้วก็แปลกใจว่าทำไมถึงเจอแต่ฝรั่ง มาจากทั้งยุโรป, อเมริกา แล้วก็ออสเตรเลีย
พอถามคนที่ทำงานที่นั่นดู ก็เลยรู้ว่าไม่ค่อยมีคนไทยไปช่วยจริงๆ
เหตุผลส่วนหนึ่ง เดาว่าคงเพราะคนไทยหลายๆคนไม่รู้จัก
เพราะคนที่ก่อตั้ง รวมทั้งดูแลมูลนิธิส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ บวกกับคนที่รับหมาและแมวไปเลี้ยง ก็เป็นคนต่างชาติเช่นกัน
ข้อมูลส่วนใหญ่ที่โพสออนไลน์ถึงเป็นภาษาอังกฤษ
(จะแอบบอกว่า ไปทำงานอาสากับซอยด็อกนี่เหมือนได้ไปอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ ได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากๆ
ถ้าใครอยากฝึกภาษาอังกฤษนี่คือเป็นโอกาสที่ดีมาก)
วันนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของเราเอง เผื่อว่าคนไทยจะไปช่วยน้องหมา(และแมว)กันมากขึ้น
ถ้าใครอยากจะไปชมเว็บไซต์โดยตรง เข้าไปดูได้ที่ https://www.soidog.org เลยค่ะ
จุดประสงค์หลักของซอยด็อก ก็คือช่วยรักษาหมาแมวจรจัดที่เจ็บป่วย แล้วก็ช่วยหาบ้านให้เขาอยู่ค่ะ
นอกจากนี้ ซอยด็อกยังช่วยทำหมันให้ฟรีๆด้วย จะได้ช่วยจำกัดจำนวนของหมาแมวตามท้องถนน
หลายๆคนคงคิดว่า การช่วยเหลือคงเป็นการให้เงินบริจาค
แต่ความจริง นั่นไม่ใช่วิธีช่วยทางเดียวค่ะ
ซอยด็อกมีน้องหมาหลายร้อยตัวที่ต้องดูแลทุกวัน ทางมูลนิธิถึงต้องการคนไปช่วยดูแลสุนัขอยู่เรื่อยๆค่ะ
ถึงมันจะฟังดูเป็นอะไรที่ไม่จริงจัง แต่พอเราไปแล้วถึงรู้ว่ามันช่วยเปลี่ยนชีวิตของหมาจรได้จริงๆ
ทางมูลนิธิ จัดแบ่งน้องหมาให้อยู่ในคอกที่เหมาะกับเค้า โดยแต่ละคอกจะเรียกว่า “รัน (run)”
อย่างเช่น A กับ B runs ก็จะเป็นหมาที่โตแล้ว แข็งแรง สามารถให้คนรับไปเลี้ยงได้
Puppy run ก็จะเป็นรันของลูกหมา
Small dogs run รันของน้องหมาตัวเล็กๆ
Shy dogs run รันของหมาขึ้อาย หรือก็คือหมาที่ยังไม่ค่อยเชื่อง อยู่กับตัวอื่นๆไม่ได้หรือไม่กล้าเข้าใกล้คน
เราไปช่วยทำงานอาสาหนึ่งอาทิตย์ ก็ได้รับ A3 ไปดูแลค่ะ
(A กับ B runs แบ่งย่อยๆไปอีก 8 run ค่ะ ก็คือ A1-A4 กับ B1-B4)
หน้าที่หลักๆของเรา ก็มีแค่เล่นกับหมา แล้วก็พาหมาออกไปเดิน
แต่ละรันจะมีหมาเฉลี่ยประมาณ 20 ตัว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ
ลองจับคนยี่สิบคนไปขังอยู่ห้องเดียวกัน ความเครียดมันก็ต้องทำให้เถียงกัน ทะเลาะกัน เรื่องธรรมดา
การที่มีคนไปช่วยเล่นกับหมา พามันออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง ก็ช่วยได้มากๆเลยละค่ะ
นอกจากนี้ หมาบางตัวในรันก็จะยังไม่ค่อยเชื่อง
ยังกลัวๆ ไม่ค่อยกล้าเข้าหา ไม่ยอมให้คนจับ
เคยรู้สึกมั้ยคะ ว่าบางทีเวลาเจอใครที่เข้าถึงยากๆแล้วรู้สึกว่าอยากเอาชนะใจเค้า?
นั่นคือความรู้สึกเราตลอดเวลาที่ไปช่วยงาน
แค่หมาตัวที่กลัวๆ เดินมาดมมือ หรือให้ลูบหัว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ณ ระดับนึงละค่ะ
คิดไว้เสมอว่า การที่เราช่วยให้เขากล้ามากขึ้น มันก็เพิ่มโอกาสที่จะให้คนรับเขาไปเลี้ยง ให้ชีวิตเขาดีขึ้น
พิมพ์มาเยอะแล้ว เอารูปมาให้ดูบ้างดีกว่า
ตัวนี้ชื่อเซปลิน (Zeppelin) เป็นจ่าฝูง กร่างมากๆ
เป็นหมาที่เข้ากับคนง่ายมากกกก เจอเราครั้งแรกก็เดินมาเล่นด้วยเลย
แต่มีปัญหากับหมาตัวอื่นตลอดค่ะ
เวลาออกได้ออกไปเดิน ก็จะขู่ใส่ตัวอื่นตลอด มีปัญหาเยอะจริงๆ
แต่โชคดีที่เซปลินมีคนรับไปเลี้ยงแล้วค่ะ! รู้สึกว่ากำลังจะบินไปแคนาดาอาทิตย์นี้เลย
อาทิตย์ก่อนที่เราไป เซปลินทะเลาะกับดัสตี้ (Dusty) พอดี
ซึ่งก็เข้าใจได้ว่ารูปร่างหน้าตาคล้ายๆกัน บวกกับดัสตี้ดูมีความเป็นจ่าฝูงอยู่พอตัวเลย
ดัสตี้เป็นหมาที่น่ารักมากกกกกกค่ะ
เพราะเพิ่งทะเลาะกับเซปลิน ก็เลยหนีขึ้นไปอยู่บนเพิงที่พักตลอด
แต่ว่าเข้ากับคนง่ายมากๆ ชอบยกขาหน้ามาเขี่ยๆ
อยู่กับหมาส่วนใหญ่ได้สบายๆเลยค่ะ เป็นหมาที่น่ารักจริงๆ
บราวนี่ (Brownie) ตัวนี้ดูออกเป็นหมาไทยบ้านๆของเราเลยค่ะ
เราเข้าใจว่าหมาไทยแบบนี้ หลายๆคนจะคิดว่าไม่น่ารัก
ส่วนตัว ถ้าให้เลือกเราก็เลือกตัวที่ขนฟูๆเหมือนกัน
แต่พอใช้เวลากับเค้าแล้ว จะรู้เลยค่ะว่าเลือกนิสัยน่ารักๆ มันดีกว่าหมาที่หน้าตาน่ารักแต่ทำตัววุ่นวาย
เวลาพาออกไปเดิน บราวนี่เป็นตัวที่เดินด้วยสนุกที่สุดแล้ว ไม่มีดื้อซนเลย
ปัญหาคือ นางต้องการจะออกไปวิ่งตลอดเวลา พอเปิดรั้วปุ๊บ ต้องระวังมากๆเพราะนางจะพุ่งออกไปคนแรกเลย
ตัวนี้ชื่อโอลีอานเดอร์ (Oleander) ค่ะ น่ารักมากๆ ขนนุ่มมม เดินมาให้เล่นด้วยตลอด
รู้สึกว่าจะมีคนรับไปเลี้ยงแล้วค่ะ
เซเล่อร์มูน (Sailormoon) กับ กิมจิ (Kim Chi)
สองตัวนี้เป็นเพื่อนรักกัน เล่นด้วยกันบ่อยๆ
เวลาออกไปเดิน ถ้าเดินตัวเดียวกิมจิจะไม่มีความมั่นใจเลย
แต่พอเซเล่อร์มูนไปด้วยปุ๊บ จะร่าเริงมากๆ
น่าเสียดายที่เซเล่อร์มูนมีคนรับไปเลี้ยงแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่ากิมจิจะเป็นยังไง
ดีว่า (Diva) หน้าตาน่ารัก เข้ากับคนง่ายเหมือนกัน
รู้สึกว่าขาหลังจะโดนรถทับค่ะ ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลตลอด
เห็นหน้าตาเรียบร้อยๆ ความจริงคือนางก็ร้ายเหมือนกัน มีทะเลาะกับตัวอื่นอยู่เรื่อยๆ
เวลาพาออกไปเดิน พอเดินเสร็จใกล้จะกลับ นางจะเริ่มออกอาการ
แกล้งทิ้งตัวลงไปนั่งเฉยๆ เราเห็นว่าขานางดูเหมือนจะเจ็บ เราก็ไม่กล้าจะลากนางกลับไปที่คอก
ต้องยื้อกันอยู่เป็น 10-20 นาที ถึงจะยอมกลับได้
นาตาชา (Natacha) ตัวนี้ขึ้อายและขี้กลัวมากๆ แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็น
เราว่ามันเห็นในแววตาเค้าได้เลย ว่าเค้ากลัวคนมากขนาดไหน
เอย์ลิน (Aylin) เป็นหมาที่สวยมาก ขนฟูมาก ขี้อ้อนมาก
แต่ปัญหาของเค้าก็คือ เค้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ว่าจะขับถ่ายตอนไหน
การที่จะตามหาเจ้าของที่สามารถรับเอย์ลินไปดูแลได้ก็ยาก ทางซอยด็อกเลยจัดตั้งระบบสปอนเซอร์ให้สุนัขที่ดูแลค่อนข้างยาก
ถ้าใครที่อ่านเรื่องของเอย์ลินแล้วรู้สึกเอ็นดู ก็จะสามารถบริจาคเงินให้ทางมูลนิธิดูแลน้องหมาต่อไปได้
ต่อไปเป็นภาพแบบรวมๆค่ะ
นอกจากสุนัขกว่าหลายร้อยตัวแล้ว ซอยด็อกก็มีรับแมวจรจัดมาดูแลบ้าง
————————————————————————————
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราอยากฝากไว้ คืออยากให้คนไทยกันเองช่วยกันรักษาสังคมของเราให้มากขึ้น
คนไทยหลายๆคนให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองมากเกินไป
ไม่เคยสนใจว่าทั้งชีวิต เราเคยให้อะไรตอบแทนสังคมบ้างมั้ย
ถามว่าเราไปทำงานอาสาหนึ่งอาทิตย์แบบฟรีๆ ไม่ได้อะไรตอบแทน
สิ่งเดียวที่เราได้กลับมาคือประสบการณ์ดีๆ
มันทำให้เรารู้สึกว่า การจะเป็นคนรักหมา มันไม่ใช่แค่เห็นหมาหน้าตาน่ารักๆ แล้วอยากจับ อยากไปเล่น
แต่มันคือการใส่ใจและรักหมาทุกตัวเท่าๆกัน จะมีสามขา สี่ขา จะตาบอด หรือว่าไม่มีขน
มันทำให้เรารู้สึกว่าเราโตขึ้น ใส่ใจกับหลายๆอย่างมากขึ้น
แล้วก็พูดตรงๆ เราอายค่ะ
น้องหมาที่มูลนิธิที่โดนทำร้ายมา เกือบทั้งหมดก็ฝีมือคนไทยทั้งนั้น
โดนเอาไปทิ้งตามวัด โดนเอาน้ำมันร้อนๆสาดใส่ โดนตัดอุ้งเท้า (รูปภาพด้านล่าง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากถูกคนไทยทำร้ายมา ก็มีคนต่างชาติจากทั่วโลกมาช่วยเหลือเขาไว้
แทนที่คนไทยกันเองจะช่วยดูแลกันเอง เรากลับต้องให้คนชาติอื่นมาเก็บกวาดภาระของประเทศเราเอง
เรารู้สึกว่าคนไทยไม่ใช่คนใจบาป คนจิตใจดีก็มีทั่วประเทศ
อยากให้ใส่ใจกันมากๆหน่อยค่ะ
ถ้าใครอยากจะไปช่วยทำงานอาสาที่ซอยด็อก จะแค่วันสองวัน หรือแม้แต่เดือนสองเดือน
ลองหาข้อมูลบนเว็บไซต์ soidog.org แล้วติดต่อไปเลยค่ะ
มาช่วยๆกันทำให้ประเทศของเราดีขึ้นกันนะคะ
** เราไม่ได้ใช้ภาษาไทยเพื่อพิมพ์ยาวๆแบบนี้มาสักพักแล้ว
ถ้ามันฟังดูแปลกๆ หรือผิดพลาดยังไงก็ขอโทษจริงๆค่ะ