"ลาก่อย" สนธิ ลิ้มทองกุล แม้มีโอกาสพ้นโทษก่อน 20 ปี
แต่บทบาททางการเมืองคงยุติลงแค่นี้
อ๊ะๆ นี่จะมาเยาะเย้ยสะใจใช่ไหม ที่ศาสดาโกตั๊บกลายเป็นน.ช. เปล่าเลย
ขอบอกว่าผมไม่ได้ดีใจ ไม่ได้เสียใจ เพราะไม่มีความรักเกลียดเป็นส่วนตัว
ตรงข้าม ยังใจหาย ยังเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะอยากรู้จัง ถ้ายังแอ๊กชั่นได้
สนธิจะมีบทบาทอย่างไรในการเมืองช่วง "เปลี่ยนผ่าน"
คดีที่โดนก็เป็นเรื่องเก่าทางธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องนำม็อบไล่รัฐบาล ใจจริงอยาก
เห็นสนธิรับโทษสถานเบา แล้วรอฟังคดียึดสนามบิน เพื่อเป็นบรรทัดฐานว่า
ม็อบ "สันติ อหิงสา" แต่สุดขั้วสุดโต่ง จะมีความผิดหรือไม่ จะติดคุกหรือ
"รอลงอาญา" อีกคดี
แน่ละ ไม่ใช่ทุกคนคิดอย่างนี้ หลายคนเย้ยหยัน "กู้ชาติ แต่ติดคุกเพราะกู้กรุงไทย"
แต่หลายคนก็เก็บปากเก็บคำ จตุพร พรหมพันธ์ ยังบอกมวลชนไม่ควรสะใจ
บางคนที่เหน็บแนมก็ไม่ใช่ซ้ำเติม เพียงอยากสะกิดสาวกพันธมิตรนกหวีด ที่ชอบ
มองโลกขาวดำ เวลาเห็นโกตั๊บเห็นลุงกำนันเป็นศาสดา พูดอะไรก็เชื่อไม่ลืมหู
ลืมตา ทั้งที่ในความเป็นมนุษย์ทุกคนทำทั้งถูกและผิด สนธิก็เช่นกัน
ประเด็นน่าคิดคือ 10 ปีผ่านไป จากยุคสมัยที่แทบทุกบ้านเรือน หรือแม้แต่สถานที่
ราชการ เปิด ASTV ดู "สนธิ-สโรชา" ณ บัดนี้ ก่อนวันที่สนธิเดินเข้าเรือนจำ สาวก
พันธมิตรที่เคยผูกพัน มวลชนที่เคยยึดทำเนียบยึดสนามบิน 193 วัน เอาเข้าจริง
เหลือซักเท่าไหร่
เปล่า ไม่ได้ดูหมิ่น ไม่ว่าอย่างไรประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ สนธิเป็น "ตำนาน"
ของประเทศนี้ เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ "การเมืองมวลชนเสื้อสี" จากทีวีดาวเทียม
ที่ทำให้เกิดแรงผลักขั้วตรงข้าม จาก ASTV สู่ PTV จาก "เมืองไทยรายสัปดาห์
" สู่ "ความจริงวันนี้"
ไม่มีเสื้อเหลืองก็ไม่มีเสื้อแดง ไม่มี 7 ตุลา 51 ก็ไม่มีการชุมนุมที่ธันเดอร์โดม
แกนนำทั้งสองข้างปลุกพลังมวลชนกว้างใหญ่ไพศาล ลุกตื่นขึ้นมารวมกันเกิน
ครึ่งประเทศ เปรียบเหมือนปลาอานนท์กำลังพลิกตัว เพียงน่าเสียดายว่ามวลชน
ข้างหนึ่งถูกปลุกความเกลียดชังจนเลือกพึ่งรัฐประหาร ประชาธิปไตยที่กำลัง
วางรากฐาน "การเมืองมวลชน" จึงกลับไปอยู่ใต้ระบอบศูนย์ดำรงธรรม
คำถามคือพลังที่ปลุกด้วยความเกลียดชังยั่งยืนแค่ไหน พูดกันตรงๆ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เริ่มต้นด้วยความชอบธรรมที่ไล่รัฐบาลทักษิณอำนาจนิยม แต่ปัดเป๋เมื่อเรียกหา ม.7 แล้วออกบัตรเชิญ
รัฐประหาร เมื่อพรรคพลังประชาชนกลับมาชนะเลือกตั้ง พลังสุดขั้วสุดโต่งก็ยังแรงกล้า จนสามารถยึดทำเนียบ
ยึดสนามบิน 193 วัน แต่หลังจาก "พีคสุด" ก็จบเห่ เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค รัฐบาลล้ม ความเกลียดชัง
ได้ระบายแล้ว ขณะที่สังคมทั่วไปก็ยอมรับไม่ได้ กับการเคลื่อนไหวสุดขั้วสุดโต่ง เลยเถิด ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว
ในทัศนะผม พันธมิตร "จบเห่" ตั้งแต่ยึดสนามบิน การเคลื่อนไหวในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีพลัง
ไม่ว่าทวงคืน ปตท. ทวงคืนปราสาทพระวิหาร ฯลฯ ทำได้เพียงขายน้ำมันมะพร้าวให้แฟนคลับ
กระทั่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับมา กระทั่ง "นิรโทษสุดซอย" ก็เป็น กปปส.ที่เข้ามาช่วงชิงการนำ พันธมิตรฯ เดิมทำได้
เพียงแปลงร่างเป็น คปท. NGO ภาคประชาสังคม ที่เคยร่วมกันก็ได้แต่เกาะหลัง กปปส.เป็นม็อบข้างเคียง พลังหลัก
คือคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี หันไปหยอดกล่องบริจาค "ลุงกำนัน"
กปปส.ก็พีคสุดเมื่อปิดเมือง ปิดสถานที่ราชการ ขัดขวางเลือกตั้ง ซึ่งมีคำถามตามมาเช่นกันว่า กปปส.จบเห่หรือยัง
ในเมื่อพลังคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ณ วันนี้หันไป เทคะแนนนิยมให้ "ลุงตู่" หมดแล้ว
พูดจากใจจริง ผมเสียดายพลังพันธมิตรฯ ซึ่งยังมีพื้นฐานความต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่ "สังคมที่ดีกว่า" มากกว่า
กปปส. อาจเป็นเพราะสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำ มีรากฐานความคิด "ก้าวหน้า" ทางการเมืองสังคมมาก่อน
สนธิมีความรอบรู้ลุ่มลึก มีแก่นสาร สอดทัศนะต่อต้านความเหลื่อมล้ำ แต่น่าเสียดายที่อุทิศคำพูดส่วนใหญ่ให้กับการปลุกกระแสอนุรักษนิยมแปรเป็นความเกลียดชัง
เพื่อเอาชนะ ตามนิสัยที่ทำอะไรต้องทุ่มสุดตัวจนบ้าบิ่น (ซึ่งทำให้ในแง่หัวจิตหัวใจ ใครอยู่ใกล้
สนธิจะยกย่องถวายหัว ขณะที่คนเกลียดก็เกลียดสุดขั้ว)
วันนี้สนธิยุติบทบาทไปแล้ว คำถามคือ พันธมิตรยังเหลืออะไร ยังสร้างคุณค่าให้สังคม
ได้หรือไม่ หรือที่เคยมีพลังก็เพียงเพราะปลุกความเกลียดชัง เมื่อไม่สามารถสนองความ
เกลียดชังได้เท่าผู้มีอำนาจ ก็หมดทุกสิ่ง ทุกอย่าง
ฉากจบ"สนธิ" คอลัมน์ ใบตองแห้ง ...ข่าวสด ออนไลน์ .../sao..เหลือ..noi
แต่บทบาททางการเมืองคงยุติลงแค่นี้
อ๊ะๆ นี่จะมาเยาะเย้ยสะใจใช่ไหม ที่ศาสดาโกตั๊บกลายเป็นน.ช. เปล่าเลย
ขอบอกว่าผมไม่ได้ดีใจ ไม่ได้เสียใจ เพราะไม่มีความรักเกลียดเป็นส่วนตัว
ตรงข้าม ยังใจหาย ยังเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะอยากรู้จัง ถ้ายังแอ๊กชั่นได้
สนธิจะมีบทบาทอย่างไรในการเมืองช่วง "เปลี่ยนผ่าน"
คดีที่โดนก็เป็นเรื่องเก่าทางธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องนำม็อบไล่รัฐบาล ใจจริงอยาก
เห็นสนธิรับโทษสถานเบา แล้วรอฟังคดียึดสนามบิน เพื่อเป็นบรรทัดฐานว่า
ม็อบ "สันติ อหิงสา" แต่สุดขั้วสุดโต่ง จะมีความผิดหรือไม่ จะติดคุกหรือ
"รอลงอาญา" อีกคดี
แน่ละ ไม่ใช่ทุกคนคิดอย่างนี้ หลายคนเย้ยหยัน "กู้ชาติ แต่ติดคุกเพราะกู้กรุงไทย"
แต่หลายคนก็เก็บปากเก็บคำ จตุพร พรหมพันธ์ ยังบอกมวลชนไม่ควรสะใจ
บางคนที่เหน็บแนมก็ไม่ใช่ซ้ำเติม เพียงอยากสะกิดสาวกพันธมิตรนกหวีด ที่ชอบ
มองโลกขาวดำ เวลาเห็นโกตั๊บเห็นลุงกำนันเป็นศาสดา พูดอะไรก็เชื่อไม่ลืมหู
ลืมตา ทั้งที่ในความเป็นมนุษย์ทุกคนทำทั้งถูกและผิด สนธิก็เช่นกัน
ประเด็นน่าคิดคือ 10 ปีผ่านไป จากยุคสมัยที่แทบทุกบ้านเรือน หรือแม้แต่สถานที่
ราชการ เปิด ASTV ดู "สนธิ-สโรชา" ณ บัดนี้ ก่อนวันที่สนธิเดินเข้าเรือนจำ สาวก
พันธมิตรที่เคยผูกพัน มวลชนที่เคยยึดทำเนียบยึดสนามบิน 193 วัน เอาเข้าจริง
เหลือซักเท่าไหร่
เปล่า ไม่ได้ดูหมิ่น ไม่ว่าอย่างไรประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ สนธิเป็น "ตำนาน"
ของประเทศนี้ เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ "การเมืองมวลชนเสื้อสี" จากทีวีดาวเทียม
ที่ทำให้เกิดแรงผลักขั้วตรงข้าม จาก ASTV สู่ PTV จาก "เมืองไทยรายสัปดาห์
" สู่ "ความจริงวันนี้"
ไม่มีเสื้อเหลืองก็ไม่มีเสื้อแดง ไม่มี 7 ตุลา 51 ก็ไม่มีการชุมนุมที่ธันเดอร์โดม
แกนนำทั้งสองข้างปลุกพลังมวลชนกว้างใหญ่ไพศาล ลุกตื่นขึ้นมารวมกันเกิน
ครึ่งประเทศ เปรียบเหมือนปลาอานนท์กำลังพลิกตัว เพียงน่าเสียดายว่ามวลชน
ข้างหนึ่งถูกปลุกความเกลียดชังจนเลือกพึ่งรัฐประหาร ประชาธิปไตยที่กำลัง
วางรากฐาน "การเมืองมวลชน" จึงกลับไปอยู่ใต้ระบอบศูนย์ดำรงธรรม
คำถามคือพลังที่ปลุกด้วยความเกลียดชังยั่งยืนแค่ไหน พูดกันตรงๆ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เริ่มต้นด้วยความชอบธรรมที่ไล่รัฐบาลทักษิณอำนาจนิยม แต่ปัดเป๋เมื่อเรียกหา ม.7 แล้วออกบัตรเชิญ
รัฐประหาร เมื่อพรรคพลังประชาชนกลับมาชนะเลือกตั้ง พลังสุดขั้วสุดโต่งก็ยังแรงกล้า จนสามารถยึดทำเนียบ
ยึดสนามบิน 193 วัน แต่หลังจาก "พีคสุด" ก็จบเห่ เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค รัฐบาลล้ม ความเกลียดชัง
ได้ระบายแล้ว ขณะที่สังคมทั่วไปก็ยอมรับไม่ได้ กับการเคลื่อนไหวสุดขั้วสุดโต่ง เลยเถิด ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว
ในทัศนะผม พันธมิตร "จบเห่" ตั้งแต่ยึดสนามบิน การเคลื่อนไหวในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีพลัง
ไม่ว่าทวงคืน ปตท. ทวงคืนปราสาทพระวิหาร ฯลฯ ทำได้เพียงขายน้ำมันมะพร้าวให้แฟนคลับ
กระทั่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับมา กระทั่ง "นิรโทษสุดซอย" ก็เป็น กปปส.ที่เข้ามาช่วงชิงการนำ พันธมิตรฯ เดิมทำได้
เพียงแปลงร่างเป็น คปท. NGO ภาคประชาสังคม ที่เคยร่วมกันก็ได้แต่เกาะหลัง กปปส.เป็นม็อบข้างเคียง พลังหลัก
คือคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี หันไปหยอดกล่องบริจาค "ลุงกำนัน"
กปปส.ก็พีคสุดเมื่อปิดเมือง ปิดสถานที่ราชการ ขัดขวางเลือกตั้ง ซึ่งมีคำถามตามมาเช่นกันว่า กปปส.จบเห่หรือยัง
ในเมื่อพลังคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ณ วันนี้หันไป เทคะแนนนิยมให้ "ลุงตู่" หมดแล้ว
พูดจากใจจริง ผมเสียดายพลังพันธมิตรฯ ซึ่งยังมีพื้นฐานความต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่ "สังคมที่ดีกว่า" มากกว่า
กปปส. อาจเป็นเพราะสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำ มีรากฐานความคิด "ก้าวหน้า" ทางการเมืองสังคมมาก่อน
สนธิมีความรอบรู้ลุ่มลึก มีแก่นสาร สอดทัศนะต่อต้านความเหลื่อมล้ำ แต่น่าเสียดายที่อุทิศคำพูดส่วนใหญ่ให้กับการปลุกกระแสอนุรักษนิยมแปรเป็นความเกลียดชัง
เพื่อเอาชนะ ตามนิสัยที่ทำอะไรต้องทุ่มสุดตัวจนบ้าบิ่น (ซึ่งทำให้ในแง่หัวจิตหัวใจ ใครอยู่ใกล้
สนธิจะยกย่องถวายหัว ขณะที่คนเกลียดก็เกลียดสุดขั้ว)
วันนี้สนธิยุติบทบาทไปแล้ว คำถามคือ พันธมิตรยังเหลืออะไร ยังสร้างคุณค่าให้สังคม
ได้หรือไม่ หรือที่เคยมีพลังก็เพียงเพราะปลุกความเกลียดชัง เมื่อไม่สามารถสนองความ
เกลียดชังได้เท่าผู้มีอำนาจ ก็หมดทุกสิ่ง ทุกอย่าง