Review : Shin Godzilla (ของแท้ดีกว่าจริงๆ)
ผู้กำกับ : Hideaki Anno, Shinji Higuchi (The End of Evangelion, Evangelion 1.0-3.0, Attack on Titan part 1-2)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
ผมไม่ใช่คนที่ผูกพันกับกอตซิลล่ามากนัก หนังภาคญี่ปุ่นที่เคยดูแค่ภาคเดียว ตอนนั้นก็เด็กมากจนจำอะไรไม่ค่อยได้ (รู้สึกว่าจะสู้กับคิงกีโดร่า) ส่วนหนังภาคฝรั่งนั้นผมได้ดูทั้งสองภาค ไม่ค่อยประทับใจทั้งคู่ครับ แต่เมื่อผมทราบข่าวการสร้าง Shin Godzilla ที่จะกลับไปเป็นญี่ปุ่นสร้าง และได้เห็นดีไซน์ล่าสุดของก็อตซิลล่า ก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันทีครับ ดีไซน์แบบนี้ดูเป็นการตบหน้าดีไซน์แบบปี 1998 ที่เน้นความสมจริงจนหมดเสน่ห์ และเน้นความน่ากลัวของก็อตซิลล่ามากขึ้นครับ และในวันนี้หลังจากที่ได้ชม Shin Godzilla แล้ว ก็ได้แต่คิดว่า ต้นตำรับนี่ดีกว่าจริงๆครับ
Shin Godzilla (หรืออีกชื่อคือ Godzilla Resurgence) เล่าถึงประเทศญี่ปุ่นที่ต้องรับมือกับการบุกรุกของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ รันโด ยางุจิ (ฮิโรกิ ฮาเซงาว่า) นักการเมืองหนุ่มไฟแรง รู้สึกเบื่อหน่ายกับเกมการเมืองของญี่ปุ่น ที่ยุ่งวุ่นวายและไร้ประสิทธิภาพจนไม่สามารถจะจัดการกับภัยพิบัติที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาจึงได้ขอตั้งหน่วยเฉพาะกิจ ที่จะมีแต่คนที่มีความรู้ ไม่แบ่งแยกอาวุโส และจะไม่เล่นเกมการเมืองกัน เพื่อร่วมมือกันรับมือกับปัญหาสัตว์ประหลาดยักษ์นี้ให้เร็วที่สุด แต่เจ้าสัตว์ประหลาดนี้กลับมีพิษสงร้ายกาจจนกองกำลังป้องกันตนเองไม่สามารถต่อกรได้เลย หน่วยของยางุจิจึงเป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของญี่ปุ่นแล้วครับ ชะตากรรมของประเทศญี่ปุ่นจะเป็นยังไงต่อไป ยางุจิจะทำสำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ใน Shin Godzilla ครับ
ขอบอกว่า Shin Godzilla ทำให้ผมประทับใจมากจริงๆครับ เป็นหนังที่ทำให้รู้ว่า หนังสัตว์ประหลาดก็สามารถมีเนื้อหนังหนักแน่นได้ นอกจากการทำลายล้างวินาศสันตะโรอย่างเดียว โดย Shin Godzilla นั้นยังมีเนื้อหาเสียดสีการเมือง และระบบราชการได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะได้เห็นนักการเมืองทุกรูปแบบ ทั้งจอมประจบสอพลอ คนที่ (คิดว่า) มีศีลธรรมแต่ขาดความสามารถและการตัดสินใจที่เฉียบขาด และคนที่เอาแต่จะเล่นเกมการเมืองอย่างเดียวไม่สนใจสถานการณ์ของประเทศชาติ นักการเมืองเหล่านี้เมื่อประกอบกับระบบราชการอันล่าช้าและสับสนยุ่งเหยิง ทำให้การจัดการกับปัญหาใหญ่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนอย่าง Godzilla แทบจะเป็นไปไม่ได้ครับ หน่วยเฉพาะกิจของพระเอก ที่ไม่คำนึงถึงอาวุโส และไม่เล่นเกมการเมือง สนใจแต่การใช้ความสามารถเพียวๆแก้ปัญหาให้ได้จึงเหมือนทำมาตบหน้าการเมืองญี่ปุ่น (ย้ำว่าญี่ปุ่น) นั่นเองครับ สถานการณ์การเมืองที่ถูกทำให้โอเวอร์เกินจริงเล็กน้อยในหนังยังนำมาสู่มุกตลกร้ายหลายมุกที่ฮาแบบ Unexpected ทีเดียวครับ อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองในหนังยังมี Dilemma และรายละเอียดยิบย่อยมากมายที่คิดว่าน่าจะเอามาถกกันได้อีกนานทีเดียวครับ สายการเมือง, การต่างประเทศน่าจะชอบเลย
แต่ไม่ใช่ว่าหนังจะมีดีแค่ประเด็นเสียดสีการเมืองเพียงอย่างเดียว การถ่ายทอดตัว Godzilla ในหนังเรื่องนี้ยังทำได้อย่างน่าเกรงขามมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มี Special Effect ขั้นเทพระดับ Hollywood ก็ตาม แต่ฉากการต่อสู้กับ Godzilla ก็สามารถทำให้เราลุ้น และแสดงความอลังการของมันได้เป็นอย่างดีครับ และขอบอกเลยว่า พี่ก็อตของเราในภาคนี้ร้ายกาจมากๆเลยทีเดียว พิษสงรอบตัวจริงๆครับ หากจะหาข้อติตัวหนัง คงจะเป็นการตัดต่อในช่วงแรกๆที่ไปไวมากๆ คือพอรู้ว่าน่าจะตั้งใจแหละ ให้เห็นความยุ่งเหยิงของระบบราชการ แต่บางทีมันเร็วไปจริงๆครับดูไม่ทัน และในช่วงท้ายของเรื่อง ที่ผมคิดว่ามัน Anticlimax ไปหน่อยครับ รู้สึกว่า Conflict มันคลี่คลายง่ายไปนิด
สำหรับเรื่องงานภาพนั้นหากดูเผินๆอาจจะคิดว่าห่วยจัง เทคนิคพิเศษไม่ดีเลย แต่ผมว่าผู้สร้างน่าจะตั้งใจทำเป็น Tribute ให้กับหนังภาคก่อนๆมากกว่าครับ เพราะเทคนิคมันโบราณอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ และเมื่อหนังต้องการโชว์งานภาพของจริงก็ทำได้สวยงามมากจริงๆครับ ฉากตัว Godzilla ในยามค่ำคืนนี่งามมาก แม้แต่ฉากตัวละครคนยืนคุยกันยังมีซีนสวยๆอีก ประทับใจครับ ส่วนดนตรีประกอบก็ดีทีเดียว จะเป็นการผสมผสานระหว่างดนตรีแบบหนังสัตว์ประหลาดยุคเก่า กับ Score จากวง Orchestra ที่ให้ทั้งบรรยากาศอลังการและความสิ้นหวังได้อย่างดีครับ สุดท้ายคือการแสดงนั้น เหล่าทีมนักแสดง (ที่มีหลายชีวิตมากๆ) ต่างก็เอาอยู่หมดทุกคนครับ สามารถถ่ายทอดความเป็นนักการเมืองในแบบต่างๆกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่ชอบคือไม่ได้แคสแบบเน้นหน้าตาดีด้วยครับ หน้าตาธรรมดามากๆบอกว่าเป็นนักการเมืองตัวจริงก็เชื่อครับ (หรือใส่สูทกันหมดแบบนี้จะบอกว่าเป็นวง World Order ก็เชื่อครับ 555)
สรุป : เป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้มีดีแค่การทำลายล้างวินาศสันตะโร แต่ยังมี Message อันล้ำลึกที่ไม่น่าจะหาจากหนังสัตว์ประหลาดเรื่องอื่นได้อีกแล้ว ถ้าเป็นก็อตซิลล่านี่ ต้องต้นตำรับจากญี่ปุ่นจริงๆครับ
คะแนน : 8.4/10 (A), ชอบ ครับ
[CR] Review : Shin Godzilla (ของแท้ดีกว่าจริงๆ)
ผู้กำกับ : Hideaki Anno, Shinji Higuchi (The End of Evangelion, Evangelion 1.0-3.0, Attack on Titan part 1-2)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
ผมไม่ใช่คนที่ผูกพันกับกอตซิลล่ามากนัก หนังภาคญี่ปุ่นที่เคยดูแค่ภาคเดียว ตอนนั้นก็เด็กมากจนจำอะไรไม่ค่อยได้ (รู้สึกว่าจะสู้กับคิงกีโดร่า) ส่วนหนังภาคฝรั่งนั้นผมได้ดูทั้งสองภาค ไม่ค่อยประทับใจทั้งคู่ครับ แต่เมื่อผมทราบข่าวการสร้าง Shin Godzilla ที่จะกลับไปเป็นญี่ปุ่นสร้าง และได้เห็นดีไซน์ล่าสุดของก็อตซิลล่า ก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันทีครับ ดีไซน์แบบนี้ดูเป็นการตบหน้าดีไซน์แบบปี 1998 ที่เน้นความสมจริงจนหมดเสน่ห์ และเน้นความน่ากลัวของก็อตซิลล่ามากขึ้นครับ และในวันนี้หลังจากที่ได้ชม Shin Godzilla แล้ว ก็ได้แต่คิดว่า ต้นตำรับนี่ดีกว่าจริงๆครับ
Shin Godzilla (หรืออีกชื่อคือ Godzilla Resurgence) เล่าถึงประเทศญี่ปุ่นที่ต้องรับมือกับการบุกรุกของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ รันโด ยางุจิ (ฮิโรกิ ฮาเซงาว่า) นักการเมืองหนุ่มไฟแรง รู้สึกเบื่อหน่ายกับเกมการเมืองของญี่ปุ่น ที่ยุ่งวุ่นวายและไร้ประสิทธิภาพจนไม่สามารถจะจัดการกับภัยพิบัติที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาจึงได้ขอตั้งหน่วยเฉพาะกิจ ที่จะมีแต่คนที่มีความรู้ ไม่แบ่งแยกอาวุโส และจะไม่เล่นเกมการเมืองกัน เพื่อร่วมมือกันรับมือกับปัญหาสัตว์ประหลาดยักษ์นี้ให้เร็วที่สุด แต่เจ้าสัตว์ประหลาดนี้กลับมีพิษสงร้ายกาจจนกองกำลังป้องกันตนเองไม่สามารถต่อกรได้เลย หน่วยของยางุจิจึงเป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของญี่ปุ่นแล้วครับ ชะตากรรมของประเทศญี่ปุ่นจะเป็นยังไงต่อไป ยางุจิจะทำสำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ใน Shin Godzilla ครับ
ขอบอกว่า Shin Godzilla ทำให้ผมประทับใจมากจริงๆครับ เป็นหนังที่ทำให้รู้ว่า หนังสัตว์ประหลาดก็สามารถมีเนื้อหนังหนักแน่นได้ นอกจากการทำลายล้างวินาศสันตะโรอย่างเดียว โดย Shin Godzilla นั้นยังมีเนื้อหาเสียดสีการเมือง และระบบราชการได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะได้เห็นนักการเมืองทุกรูปแบบ ทั้งจอมประจบสอพลอ คนที่ (คิดว่า) มีศีลธรรมแต่ขาดความสามารถและการตัดสินใจที่เฉียบขาด และคนที่เอาแต่จะเล่นเกมการเมืองอย่างเดียวไม่สนใจสถานการณ์ของประเทศชาติ นักการเมืองเหล่านี้เมื่อประกอบกับระบบราชการอันล่าช้าและสับสนยุ่งเหยิง ทำให้การจัดการกับปัญหาใหญ่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนอย่าง Godzilla แทบจะเป็นไปไม่ได้ครับ หน่วยเฉพาะกิจของพระเอก ที่ไม่คำนึงถึงอาวุโส และไม่เล่นเกมการเมือง สนใจแต่การใช้ความสามารถเพียวๆแก้ปัญหาให้ได้จึงเหมือนทำมาตบหน้าการเมืองญี่ปุ่น (ย้ำว่าญี่ปุ่น) นั่นเองครับ สถานการณ์การเมืองที่ถูกทำให้โอเวอร์เกินจริงเล็กน้อยในหนังยังนำมาสู่มุกตลกร้ายหลายมุกที่ฮาแบบ Unexpected ทีเดียวครับ อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองในหนังยังมี Dilemma และรายละเอียดยิบย่อยมากมายที่คิดว่าน่าจะเอามาถกกันได้อีกนานทีเดียวครับ สายการเมือง, การต่างประเทศน่าจะชอบเลย
แต่ไม่ใช่ว่าหนังจะมีดีแค่ประเด็นเสียดสีการเมืองเพียงอย่างเดียว การถ่ายทอดตัว Godzilla ในหนังเรื่องนี้ยังทำได้อย่างน่าเกรงขามมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มี Special Effect ขั้นเทพระดับ Hollywood ก็ตาม แต่ฉากการต่อสู้กับ Godzilla ก็สามารถทำให้เราลุ้น และแสดงความอลังการของมันได้เป็นอย่างดีครับ และขอบอกเลยว่า พี่ก็อตของเราในภาคนี้ร้ายกาจมากๆเลยทีเดียว พิษสงรอบตัวจริงๆครับ หากจะหาข้อติตัวหนัง คงจะเป็นการตัดต่อในช่วงแรกๆที่ไปไวมากๆ คือพอรู้ว่าน่าจะตั้งใจแหละ ให้เห็นความยุ่งเหยิงของระบบราชการ แต่บางทีมันเร็วไปจริงๆครับดูไม่ทัน และในช่วงท้ายของเรื่อง ที่ผมคิดว่ามัน Anticlimax ไปหน่อยครับ รู้สึกว่า Conflict มันคลี่คลายง่ายไปนิด
สำหรับเรื่องงานภาพนั้นหากดูเผินๆอาจจะคิดว่าห่วยจัง เทคนิคพิเศษไม่ดีเลย แต่ผมว่าผู้สร้างน่าจะตั้งใจทำเป็น Tribute ให้กับหนังภาคก่อนๆมากกว่าครับ เพราะเทคนิคมันโบราณอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ และเมื่อหนังต้องการโชว์งานภาพของจริงก็ทำได้สวยงามมากจริงๆครับ ฉากตัว Godzilla ในยามค่ำคืนนี่งามมาก แม้แต่ฉากตัวละครคนยืนคุยกันยังมีซีนสวยๆอีก ประทับใจครับ ส่วนดนตรีประกอบก็ดีทีเดียว จะเป็นการผสมผสานระหว่างดนตรีแบบหนังสัตว์ประหลาดยุคเก่า กับ Score จากวง Orchestra ที่ให้ทั้งบรรยากาศอลังการและความสิ้นหวังได้อย่างดีครับ สุดท้ายคือการแสดงนั้น เหล่าทีมนักแสดง (ที่มีหลายชีวิตมากๆ) ต่างก็เอาอยู่หมดทุกคนครับ สามารถถ่ายทอดความเป็นนักการเมืองในแบบต่างๆกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่ชอบคือไม่ได้แคสแบบเน้นหน้าตาดีด้วยครับ หน้าตาธรรมดามากๆบอกว่าเป็นนักการเมืองตัวจริงก็เชื่อครับ (หรือใส่สูทกันหมดแบบนี้จะบอกว่าเป็นวง World Order ก็เชื่อครับ 555)
สรุป : เป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้มีดีแค่การทำลายล้างวินาศสันตะโร แต่ยังมี Message อันล้ำลึกที่ไม่น่าจะหาจากหนังสัตว์ประหลาดเรื่องอื่นได้อีกแล้ว ถ้าเป็นก็อตซิลล่านี่ ต้องต้นตำรับจากญี่ปุ่นจริงๆครับ
คะแนน : 8.4/10 (A), ชอบ ครับ