จากกระทู้ก่อนหน้านี้ที่เราเที่ยวแพร่-น่าน
http://ppantip.com/topic/35574052
เช้านี้จะไปเที่ยวบ่อเกลือค่ะ
อ.บ่อเกลือตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของน่านเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน บริเวณที่ตั้งที่ว่าการอำเภอบ่อเกลือสูงประมาณ 730 เมตรจากระดับน้ำทะเล


เราเลือกเส้นทาง ปัว –ดอยภูคา-บ่อเกลือ ใช้เวลาประมาณ  2 ชม. 16 นาที ระยะทางประมาณ 100กม.ค่ะ
ขับมาเรื่อยๆเส้นทางปัว  ถนนยังคงไปง่ายนะคะ เราแวะเที่ยวที่จุดแวะแรกก่อนที่วัดภูเก็ตค่ะ ตั้งอยู่ใน ตำบลวรนคร อำเภอปัว  ตั้งชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า หมูบ้านเก็ต อุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรม ฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแสนปัว หรือ หลวงพ่อพุทธเมตตา"

โดยจุดเด่นของวัด คือ มีระเบียงชมวิวด้านหลังวัดติดกับทุ่งนาที่กว้างไกลพร้อมด้วยฉากหลัง เป็นภูเขาวนอุทยานดอยภูคา
วันนี้ฟ้าครึ้มฟ้าครึ้มฝนนะคะ ถ่ายรูปออกมามึดเลย

ลงมาเดินเล่นด้านล่างได้นะคะ

จุดต่อไปที่เราจะแวะ เลยจากวัดภูเก็ตไปไม่ไกล  ร้านกาแฟไทลื้อค่ะ  ตั้งอยู่ที่ ตำบลศิลาแลง  อำเภอปัว
จิบเครื่องดื่ม กาแฟ และจิบบรรยากาศสไตล์ไทลื้อพื้นบ้าน  กระท่อมปลายนาวิวนาข้าวและขุนเขา

ร้านกาแฟของร้านลำดวนผ้าทอ  ร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอต่างๆให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านแบบเยอะมาก  ราคาถูกมากด้วยค่ะ  (แต่ลืมถ่ายรูปมา อิๆ)

เราออกมาจากร้านกาแฟไทลื้อ  ตอนนี้เราจะเริ่มขึ้นเขากันแล้วค่ะ  ตลอดทางแทบไม่มีบ้านคน  เรากำลังจะเข้าเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคานะคะ  โชคดีช่วงที่มาฝนไม่ตกพอดี  แถมรถน้อย เลยขับรถสบายๆหน่อย  แนะนำเพื่อนๆมาทางนี้พกเสบียงไว้ทานก็ดีนะคะ  คือก่าจะถึงบ่อเกลือ  หิวมากค่ะ แทบจะกินคนขับซะแล้ว

ถึงแล้วอุททยานแห่งชาติดอยภูคา  ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มากเลยค่ะ  เสียดายไม่ได้มาช่วงดอกชมพูภูคาออก อากาศข้างยนนี้ค่อนข้างเย็นสบาย  สดชื่นสุดๆ

เราขับมาเรื่อยๆ ถึงบ่อเกลือวิว ที่พักของเราคืนนี้ประมาณบ่าย2 ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว

บ่อเกลือวิว รีสอร์ทตั้งอยู่ในเนินของดอยภูคา รีสอร์ทขนาดเล็ก ห้องพักทั้งหมดอยู่บนเนินที่สงบเงียบเป็นส่วนตัวและมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำมางและภูเขาใกล้พรมแดนของไทย-ลาว

เราโทรจองช้า คืนนี้เหลือห้องว่างห้องเดียวเป็นห้อง VIP คืนละ2500 บาท เป็นห้องหลังแรก ไม่ต้องขึ้นเนินไปสูงและเป็นหลังที่แยกเดียวจากห้องอื่น มีระเบียงส่วนตัว

ในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ห้องน้ำมึดไปนิดนึง  ห้องพักที่นี่ไม่มีทีวีนะคะ เพราะสำหรับพักผ่อนเงียบๆท่มกลางธรรมชาติจริงๆ

รอบๆรีสอร์ทค่ะ

พักหายเหนื่อยเราออกไปบ่อเกลือภูเขากันค่ะ  อยู่ห่างจากรีสอร์ทนิดเดียว
ที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือเกลือสินเธาว์บนภูเขา บ่อเกลือนี้มีมาแต่โบราณ เมื่อก่อนนี้จะมีบ่อเกลือหลายบ่อ แต่เดี๋ยวนี้ได้แห้งไปหมด เหลืออยู่เพียงสองบ่อเท่านั้น ชาวบ้านจะเรียกว่า บ่อเหนือและบ่อใต้

เราไปบ่อใต้ก่อนค่ะ  บริเวณติดเชิงเขาท้ายหมู่บ้าน  แต่มาถึงบ่อนี้หยุดต้มแล้วค่ะเนื่องจากที่นี่จะหยุดต้มในช่วงเข้าพรรษา
แต่คุณตาที่นั่นบอกว่าให้ไปลองดูที่บ่อเหนืออาจจะยังไม่ปิดบ่อ  เราเลยไปดูกัน

บ่อเหนืออยู่ก่อนถึงบ่อใต้ไม่ไกลนะคะ อยู่ริมแม่น้ำ ที่นี่ยังต้มอยู่จริงๆด้วย

ชาวบ้านยังคงต้มแกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม จะตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก นำน้ำเกลือที่ตักจากบ่อมาต้มในกะทะประมาณ 4-5ชั่วโมงให้น้ำเกลือระเหยแห้งจาก นั้นก็จะนำไม้พายมาตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือ กะทะเพื่อให้น้ำเกลือไหลลงมาในกะทะทำอย่างนี้ ไปเรื่อย จนน้ำในกะทะแห้ง


อ.บ่อเกลือเป็นอำเภอเล็กๆนะคะ เป็นป่าเขาซะส่วนใหญ่  ร้านอาหารแถบจะไม่มี  เย็นนี้เราเลยทานกันที่รีสอร์ทค่ะ
ที่นี่มีห้องอาหารชื่อเก๋ไก๋ว่า “ปองซา” เป็นภาษาถิ่นของที่นี่แปลว่า ทานข้าว

อาหารทั้งหมดที่ทานที่นี่ตลอดการพักค่ะ

ทานข้าวเสร็จรีบเข้าที่พักก่อนยุงจะมาค่ะ ตอนค่ำที่นี่ก็สวยดีนะคะ

อาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกเยอะพอสมควรค่ะ แต่เสียดายไม่มีหมอกตอนเช้าเลย

เราออกเดินทางกลับเข้าตัวเมืองน่านค่ะ  ขอกลับเราเลือกเส้น บ่อเกลือ-สันติสุข-น่าน  ทางก็ขึ้นๆลงๆโค้งไปมาตลอดเส้นทาง แต่มีบ้านคนเยอะกว่าทางปัว-ภูคาค่ะ  วิวก็สวยมาก แต่แอบเวียนหัวนิดนุง

ใช้เวลาร่วม3ชม.ก็ถึงตัวเมืองน่านค่ะ  ก่อนกลับเข้าที่พัก เราแวะทานกาแฟร้านดังอีกร้านของจังหวัด   Sweety9 ค่ะ  อยู่หัวมุมถนนใกล้ๆรร.เทวราชค่ะ

บ่ายนี้เราออกมาเที่ยวเก็บตกในเมืองน่านต่อค่ะ  
เราเริ่มที่วัดศรีพันตัน สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่าน ภายในวัดมีวิหารสีทองที่สวยงาม มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียร เฝ้าบันได หน้าวิหารวัด สีทอง

จากวัดเราเดินข้ามมาชิมขนมร้านดังของจังหวัดค่ะ
ร้านขนมหวานป้านิ่ม ที่ใครมาต้องมาชิม ร้านนี้เปิด 11 โมงเช้าถึงสี่ทุ่มครึ่ง ขายขนมไทยต่างๆ ไอติม หวานเย็น บัวลอย ร้านนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก  มาทานใจเย็นนิดนึงค่ะ เราลองชิมเมนูดังค่ะ ไอศกรีมบัวลอย ไอศกรีมสลิ่มค่ะ สลิ่มหอมมากๆ  อากาศร้อนๆเจอขนมหวานชื่นใจค่ะ

ไปต่อค่ะ   เราขับรถมาจอดที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย ปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีลิกธาตุไว้ภายใน  นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร.

เราเดินไปต่อที่วัดหัวข่วงที่อยู่ไม่ไกลค่ะ มีลักษณะศิลปกรรมแบบท้องถิ่นล้านนา กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วงและได้ประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ

เริ่มแดดร่มลมตกเรามาเดินเล่นที่ซู้มลีลาวดี ที่หน้าหอคำ หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

เสียดายไม่ได้เข้าไปดูงาช้างดำคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดน่านที่พิพิธภัณฑ์เพราะปิดปรับปรุงค่ะ  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ภายในคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน
ที่นี่มีวัดด้วยนะคะ วัดน้อยตั้งอยู่ใต้ร่มโพธิ์ ในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ถือได้ว่าเป็นวัดที่เล็กที่สุดในเมืองไทย อ่านประวัติความเป็นมาแล้วท่านเจ้าเมืองน่าน ก็ตั้งใจสร้างขึ้นมาให้เป็นวัดจริงๆ ขนาดกว้าง 1.98 เมตร ยาว 2.34 เมตร สูง 3.35 เมตร แบบศิลปะล้านนา

วิวจากหน้าพิพิธภัณฑ์มองไปเห็นทางเดินซุ้มลีลาวดี และเจดีย์วัดช้างค้ำค่ะ  ตอนเย็นอากาศดี สวยมากเลยคะ

มื้อเย็นเราไปลองชิมร้านเฮือนฮอม ร้านดังใจกลางเมืองน่านคะ  ร้านนี้อยู่ใกล้ๆพิพิธภัณฑ์นะคะ ตรงข้ามร้านข้าวซอยต้นน้ำ
วันที่ไปตรงกับช่วงหยุดยาว  คนเยอะมากๆๆๆ พนักงานบริการไม่ทันเลยค่ะ  สั่งอาหารไป3อย่าง แต่ถึงที่สุดได้มาแค่2ค่ะ  คือแต่ก็อื่มเลยนะคะ รสชาติอร่อยเลยทีเดียว  ที่นี่หมูทอดปลาเค็มอร่อยมากเลยคะ  

คืนนี้เราค้างคืนที่น่านอีกคืน  แล้วจู่ๆคุณสามีก็เกิดอยากไปดูเงาหระธาตุขึ้นมา  เอาก็เอา  ไปกันต่อ พรุ่งนี้เช้าเราจะไปลำปางกันต่อคร้า  ไว้เจอกันกระทู้หน้า ลำปาง-อุตรดิตถ์  http://ppantip.com/topic/35587916   นะคะ
ขอบคุณค่ะ