ประสบการณ์เช่ารถ AVIS ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรก  Log in ครั้งแรกด้วย ปกติอ่านอย่างเดียว ^^
เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การเช่ารถที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ให้ฟัง เรียกง่ายๆว่า มาบ่นให้ฟังก็ได้ค่ะ อย่าว่าเค้าเลยนะ อมยิ้ม17

ในที่นี้จะมีตัวละครเยอะนิดนึง ได้แก่ ดิฉัน , น้องชาย , พนักงานขาย , เจ้าหน้าที่ T , เจ้าหน้าที่ K และเจ้าหน้าที่ N ค่ะ
     ปกติแล้วที่บ้านดิฉัน เวลาไปเที่ยวกันจะไปเป็นครอบครัวใหญ่ ขับรถไปกันเอง แต่คราวนี้คือครั้งแรกที่ดิฉันจะพาแค่ครอบครัวดิฉันขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวโดยไม่ต้องเหนื่อยขับรถไกลๆ และอยากให้ป๊าม๊าได้ขึ้นเครื่องบินสักครั้งด้วย จึงได้ปรึกษากับน้องชายว่าจะพาป๊าม๊าไปเที่ยวไหนกันดี สุดท้ายลงเอยที่ ภูเก็ต...
     ดิฉันก็เริ่มวางแผน ว่าจะไปวันไหน พักที่ไหน เที่ยวที่ไหน กินที่ไหน จนได้วันเวลาและสถานที่ โดยเริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินก่อน จะได้กำหนดได้ว่าเราจะใช้เวลายังไงกับการเช่ารถและตารางเที่ยว
     พอดีวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา มีงานไทยเที่ยวไทยที่ศูนย์สิริกิตติ์ ดิฉันก็นัดกับน้องชายไว้วันที่ 16 กรกฎาคม 2559 ไปเพื่อจองรถเช่ากับ AVIS ซึ่งมีความตั้งใจว่าจองที่นี่แหละ ไม่ไปที่ไหนแล้ว บริษัทดูโอเคดี ดิฉันและน้องชายจึงเดินเข้าไปค่ะ ด้วยความที่ไม่เคยเช่ารถมาก่อนเนอะ ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน เลยถามพนักงานขายที่บู๊ทไปว่าจะเช่ารถต้องทำยังไงบ้างคะ ทางพนักงานจึงหยิบโบชัวร์มาให้ดู และอธิบายว่ามีโปรนี้ๆๆๆ สอบถามจนได้ข้อมูลมาพอสมควร และมีความพอใจกับโปรที่ได้ทราบ จึงตัดสินใจซื้อ Voucher ที่ค่าเช่าต่อวันคือ 590 บาท (จะได้รถ Group O คือ รถขนาดเล็ก แนว Jazz , Swift อะไรประมาณนี้ แต่ยังไม่สามารถเลือกรถได้ ซึ่งก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร) ติดวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพิ่มอีกวันละ 300 บาท ส่วนค่าประกันจะใช้วงเงินในบัตรเครดิต จำนวน 8000 บาท และ Voucher นี้ใช้ได้ถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2559 ซึ่งดิฉันได้แจ้งวันและเวลาที่ดิฉันจะไปเที่ยวกับทางพนักงานขายไป คือ วันที่ 29-30 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2559

>> ขาไปเครื่องบินจะถึงสนามบินภูเก็ตของวันที่ 29 กันยายน เวลา 11.15 น. รับรถเวลา 11.30 น.
>> ขากลับวันที่ 1 ตุลาคม ส่งรถคืนเวลา 11.30 น. พนักงานขายแจ้งว่าสามารถ late ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ดังนั้นนับจาก 11.30 น. ดิฉันสามารถ Late ได้ถึง 15.30 น. ซึ่งเครื่องบินออกจากสนามบินภูเก็ต 16.30 น. (คิดแล้วไม่น่าจะเกิน) รวมเวลาที่ดิฉันไปเที่ยวคือ 3 วัน 2 คืน
     ตามความเข้าใจของดิฉันขณะที่คุยกับพนักงานขาย คือ ไม่ว่าเช่าเวลาไหนของวันนั้นให้นับเป็น 1 วัน ทำให้ดิฉันเข้าใจไปว่า
วันที่ 29 กันยา นับเป็นวันที่ 1  
วันที่ 30 กันยา นับเป็นวันที่ 2  
วันที่ 1 ตุลา นับเป็นวันที่ 3
     ดิฉันจึงบอกทางพนักงานไปว่า ซื้อ Voucher 3 ใบค่ะ จากนั้นทางพนักงานขายก็จัดแจงลงบุ๊คให้ดิฉันเสร็จสรรพ ค่าใช่จ่ายทั้งสิ้น 1770 บาท (590 บาท X 3 วัน) ส่วนค่าติดศุกร์เสาร์อาทิตย์และค่าประกัน ให้ไปจ่ายหน้างานที่สนามบินภูเก็ตเลย โดยใช้บัตรเครดิตจ่าย เสร็จแล้วจ่ายตังค์แล้ว รับ Voucher มา 3 ใบ พร้อมใบเสร็จรับเงิน

เก็บใส่กระเป๋าอย่างดี สบายใจกลับบ้านได้ คราวนี้ได้พาป๊าม๊าไปเที่ยวแน่นอน (ข้อมูลที่ดิฉันได้รับในวันที่จองรถเช่านั้นมีเพียงเท่านี้)


     แต่แล้วมันไม่ได้ราบรื่นหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หวังไว้!! เพราะเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา มี Email จากทาง AVIS แจ้งหมายเลขยืนยันการจองและรายละเอียดการจองเข้า Email ของดิฉัน อ่านไปอ่านมา เอ๊ะ!! จำนวนเงินและรายละเอียดมันไม่ใช่อย่างที่เรารับทราบและจ่ายตังค์ไปนี่


ด้วยความข้องใจดิฉันจึงจัดแจงโทรศัพท์เข้าไปสอบถามทางสำนักงานใหญ่โดยไว ดิฉันโทรไปทั้งหมด 3 ครั้ง วันละครั้ง ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ 3 คน และได้อธิบายให้ทางเจ้าหน้าที่ที่รับสายฟังว่าความเป็นมาเป็นอย่างไร แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมค่าใช้จ่ายรวมถึงการนับวันตัด Voucher ไม่ตรงกัน ทางเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ได้อธิบายการนับวันใน Voucherให้ดิฉันฟัง ซึ่งตรงกันทั้ง 3 คน ดังนี้ค่ะ
>> การนับวันใน Voucher คือ
     เวลารับรถ 11.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยา ถึงเวลา 11.30 น. ของวันศุกร์ที่ 30 กันยา นับเป็น 1 วัน และ
     เวลา 11.30 น. ของวันศุกร์ที่ 30 กันยา ถึงเวลา 11.30 น. ของวันเสาร์ที่ 1 ตุลา นับเป็น 1 วัน ( Late ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง หากเกิน 4 ชั่วโมงให้นับเป็น 1 วัน)
     รวมระยะเวลาในการจองรถของดิฉัน คือ 2 วัน บวกกับค่าติดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 1 วัน เป็นจำนวนเงิน 300 บาท เพราะฉะนั้น ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายจริง ๆ คือ (590 X 2)+300 = 1480 บาท

     **แต่ที่จ่ายไปในงานไม่ได้รวมค่าติดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์**

     ทางเจ้าหน้าที่ท่านที่ 3 จึงแนะนำให้ดิฉันส่งเอกสารข้อมูลหลักฐานทั้ง Voucher และ Email ที่ดิฉันได้รับเมื่อวันที่ 21 กรกฎา ไปที่ Email : res@avisthailand.com พร้อมกันนั้นได้เล่ารายละเอียดการซื้อ Voucher ลงไปใน Email นั้นด้วย กดส่งเลยค่ะ ดิฉันส่ง Email ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2559 และในวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งของบริษัท AVIS (ดิฉันขอใช้ชื่อว่าเจ้าหน้าที่ T นะคะ) ได้โทรศัพท์มาหาดิฉัน พร้อมทั้งให้ดิฉันเล่ารายละเอียดให้ฟัง เนื้อหาโดยรวมตามที่ดิฉันได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น และดิฉันได้ถามกลับไปว่าทำไมพนักงานขายถึงพูดไม่ตรงกันกับเจ้าหน้าที่ท่านอื่น ทำไมไม่ท้วงติงดิฉันในวันที่ดิฉันซื้อ Voucher ว่าไม่ใช่ 3 ใบนะ ต้องเป็น 2 ใบ เพราะนับวันแบบนี้ หรืออธิบายให้ดิฉันเข้าใจกระจ่างกว่านี้ อธิบายเหมือนที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนนั้นอธิบาย เจ้าหน้าที่ T ได้บอกว่า "อาจจะเป็นปัญหาในการสื่อสารกัน ปกติเมื่อซื้อ Voucher ไปแล้วจะไม่มีการคืน Voucher หรือคืนเงิน แต่กรณีนี้น่าจะเป็นกรณีพิเศษ" และแจ้งให้ดิฉัน นำ Voucher ไปคืนที่สำนักงานใหญ่ ในวันนั้นเองเจ้าหน้าที่ T ได้ส่งแผนที่สำนักงานใหญ่มาให้ดิฉันทาง Email และดิฉันได้ตอบกลับไปในวันที่ 28 กรกฎาคม พร้อมแนบสำเนาหน้า Book Bank ไปให้เพื่อจะได้คืนเงินโดยโอนเข้าบัญชีของดิฉันตามที่เจ้าหน้าที่ T บอก ซึ่งดิฉันได้ confirm วันและเวลาที่จะนำ voucher ไปคืนด้วย เป็นวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2559 เวลา ไม่เกิน 6 โมงเย็น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ T นั้นได้แจ้งดิฉันว่าให้คืน Voucher ที่เจ้าหน้าที่ N แผนกรับจอง ที่สำนักงานใหญ่ได้เลย


     เมื่อถึงวันที่ 6 กรกฎาคม ดิฉันได้นัดกับน้องชายเพื่อนำ Voucher ไปคืน ดิฉันเข้าไปขอพบเจ้าหน้าที่ N เมื่อเจ้าหน้าที่ N รับ Voucher จากดิฉันไปแล้วไม่ได้พูดหรือแจ้งอะไรเลย น้องชายของดิฉันจึงต้องถามกลับไปว่า "จะทราบผลการคืนเงินเมื่อไหร่" เจ้าหน้าที่ N ได้แจ้งคร่าวๆว่า ประมาณ 1-2 อาทิตย์ โอเคค่ะ ได้ทราบระยะเวลาการดำเนินงานละ กลับบ้านได้ แต่ยังไม่ค่อยสบายใจ เหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆ  ดิฉันก็รอค่ะ จนครบ 2 อาทิตย์แล้ว ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ท่านไหนติดต่อกลับมาเลย ดิฉันจึงโทรไปสอบถามใหม่ในวันที่ 22 สิงหาคม 2559 เจ้าหน้าที่ก็โอนกันไปโอนกันมาค่ะ จนได้มาคุยกับเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง (ขอใช้ชื่อว่าเจ้าหน้าที่ K) ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับดิฉันว่า
เจ้าหน้าที่ K : "ตอนนี้เรื่องกำลังพิจารณาโดยผู้บริหารนะคะ เนื่องจากเป็นกรณีการคืน Voucher ซึ่งปกติไม่มี และตอนนี้ทางผู้บริหารไม่อยู่"
ดิฉัน : "ไม่ทราบว่าจะพิจารณาเมื่อไหร่คะ นี่มันก็นานแล้ว"
เจ้าหน้าที่ K : "ปกติการพิจารณาจะอยู่ที่ประมาณ 30 วันนะคะ ซึ่งตอนนี้ผู้บริหารไม่อยู่ ดิฉันก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เหมือนกันค่ะ"
ดิฉัน : "30 วันนี่นับจากวันไหนคะ วันที่คืน Voucher หรือว่าอย่างไร"
เจ้าหน้าที่ K : "ใช่ค่ะ นับจากวันที่คืน Voucher ก็ได้"
ดิฉัน : "โอเคค่ะ ถ้ายังไงรบกวนแจ้งกลับดิฉันด้วยนะคะ"  และวางสายไป


     รอวนไปค่ะ แล้ววันที่ครบ 1 เดือนก็มาถึง (นับจากวันที่ 6 สิงหาเลยนะคะ จนถึงวันนี้ 7 กันยา) ดิฉันได้โทรไปค่ะ step เดิมค่ะ โอนไปโอนมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่รับสายไม่ทราบเรื่อง จนได้มาคุยกับทางเจ้าหน้าที่ K ท่านเดิม ด้วยความที่ดิฉันค่อนข้างไม่พอใจที่ไม่มีการติดต่อใดๆกลับมาเลย ดิฉันจึงถามเจ้าหน้าที่ K ว่า
ดิฉัน : "ไม่ทราบว่าเรื่องของดิฉันถึงไหนแล้วคะ"
เจ้าหน้าที่ K : "ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของผู้บริหารนะคะ ซึ่งไม่สามารถระบุระยะเวลาได้"
ดิฉัน : "แต่นี่มันก็ผ่านไปเดือนนึงแล้วนะคะ"
เจ้าหน้าที่ K : "ทางนี้ก็ยังไม่ได้ข้อมูลมาเหมือนกัน แล้วก็ไม่สามารถไปเร่งทางผู้บริหารได้ ทำได้แค่ถามเจ้าหน้าที่หน้าห้องผู้บริหาร แต่ทางเราได้ส่งเรื่องเข้าไปแล้วนะคะ"
ดิฉัน : "ไม่ทราบว่าส่งเรื่องไปเมื่อไหร่คะ"
เจ้าหน้าที่ K : "ส่งเรื่องไปตั้งแต่เจ้าหน้าที่ T ส่ง Email ไปค่ะ"
ดิฉัน : "แล้วที่คุณเงียบไปแบบนี้คืออะไร จะได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่องยังไง ทำไมไม่ติดต่อกลับมาล่ะคะ บอกให้รู้หน่อยก็ยังดี ว่าพิจารณาอยู่ ไม่ได้ลืม"
เจ้าหน้าที่ K : "ค่ะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันรบกวนขอ Email หน่อยค่ะ"
     จากนั้นดิฉันก็ให้ Email และได้วางสายไป...


     ดิฉันอ่านกระทู้เกี่ยวกับการให้บริการของบริษัท AVIS มาก็เยอะ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ดิฉันในฐานะผู้บริโภคคนนึง ดิฉันก็หวังค่ะ ว่า บริษัทใหญ่อย่าง AVIS ที่ดิฉันเลือกที่จะใช้บริการ ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับดิฉันจนได้

เม่าเหม่อ

เงินส่วนต่าง 590 บาทที่ดิฉันควรจะได้รับคืน มันมากพอที่จะทำให้ AVIS ขาดทุนย่อยยับหรือเปล่าคะ ดิฉันสงสัยมาเดือนนึงแล้ว

คำถามที่คาใจดิฉันคือ
1. ข้อมูลที่ใช้ในการขายทั้งหมดของพนักงานขาย/รับจองรถแต่ละคน คนละข้อมูลกันหรอคะ ถึงได้ให้ข้อมูลกับลูกค้าไม่ถูกต้อง
2. เพราะเหตุใดพนักงานขายถึงไม่ท้วงติง หรือแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องให้ลูกค้า เมื่อลูกค้ามีความเข้าใจผิด หรือมีหน้าที่ขายก็ขายทำยอดอย่างเดียว
3. เจ้าหน้าที่ N และ เจ้าหน้าที่ K ได้พูดคุยหรือแจ้งข้อมูลกันหรือไม่ ทำไมพูดไม่ตรงกัน เจ้าหน้าที่ N บอก 1-2 อาทิตย์ ส่วนเจ้าหน้าที่ K บอก 1 เดือน หรือระบุเวลาไม่ได้ หรือเจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านแค่พูดส่งๆไป
4. ระยะเวลาที่แจ้งให้รอการพิจารณานั้น เป็นความจริงหรือไม่คะ หรือพูดแค่ปัดเรื่องให้พ้นไป ให้ลูกค้าวางสายไป อย่างนั้นหรือคะ
5. ที่บอกว่ายื่นเรื่องให้แล้ว ไม่ทราบว่ายื่นเรื่องเสนอรอการพิจารณาจากผู้บริหารจริงหรือไม่ หรือแค่ปัดความรับผิดชอบให้ไปอยู่ในมือผู้บริหาร ถ้าอย่างนั้นคำถามข้อถัดมาคงจะเป็น...
6. ท่านผู้บริหารของ AVIS ทำอะไรอยู่คะ เรื่องของดิฉันต้องพิจารณานานถึง 1 เดือนเลยหรือคะ หรือมีเรื่องต้องรอพิจารณามากมาย หรือว่ามีกรณีแบบดิฉันเกิดขึ้นบ่อยๆทำให้ต้องรอคิวพิจารณา ถ้าเป็นอย่างนั้นคำถามคาใจข้อสุดท้ายของดิฉันคงจะเป็น...
7. ลูกค้าจะไว้วางใจที่จะใช้บริการกับ บริษัท AVIS ได้อย่างไร ในเมื่อความผิดพลาดเกิดจากพนักงานของ AVIS แต่กลับเมินเฉยต่อความรับผิดชอบที่ควรจะมีให้ลูกค้า รวมทั้งคำพูดที่ไม่เป็นคำพูดจากเจ้าหน้าที่แบบนี้อีก จริงมั้ยคะ

ดิฉันได้ทำทุกอย่างในสิ่งที่ควรกระทำและทำได้เพื่อให้ได้ซึ่งความยุติธรรมจาก AVIS แล้ว
ขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอ่านกระทู้ย๊าวยาวนี้ มีความคิดเห็นอย่างไร Comment แนะนำได้นะคะ
พาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่