เดินเขาเพื่อรักษาโรคซึมเศร้าที่สวิสเซอร์แลนด์ #ธารน้ำแข็ง Aletsch

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ขออณุญาติไม่เกริ่นอะไรมากนะคะ เข้าเรื่องตามหัวข้อเลยแล้วกันเนาะ เมื่อสองปีที่แล้วเราเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ตอนแรกปฏิเสธที่จะใช้ยารักษาโรคตามที่หมอแนะนำและขอหมอว่าจะพยายามเล่นกีฬาและทำกิจกรรมอื่นๆแทนเผื่ออาการมันจะดีขึ้น ซึ่งหมอก็ตกลงปลงใจตามที่คนไข้ต้องการค่ะ การเข้ายิมฯเพื่อไปเดินและวิ่งบนลู่คือสิ่งแรกที่เริ่ม แต่อาการมันก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่เข้าใจ เลยเริ่มต้นกิจกรรมใหม่นั่นคือการเดินเขาค่ะ

จากคนที่ไม่ชอบเดิน แต่จะไปเดินเขา มันมีที่มาและที่ไปค่ะ ครั้งแรกที่เคยเดินลงจากเขาคือตอนที่เพื่อนมาเยี่ยมที่ยุโรปแล้วพากันไปเที่ยวเซอร์แมท ทริปนั้นพวกเราพากันนั่งรถรางขึ้นไปที่ Sunnegga แล้วเดินลงมาที่หมู่บ้าน หลังจากทริปนั้นผ่านไป เราก็ไม่เคยคิดที่จะไปเดินเขาเป็นจริงเป็นจัง เพราะมันเหนื่อยมาก เวลาไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ก็จะไปตามแลนด์มาร์คที่ไม่ต้องใช้หัวเข่าและกำลังขา ไปแบบชิลๆว่างั้นเถอะ ลืมบอกไปว่าเราอยู่เนเธอร์แลนด์ค่ะ และสวิสเซอร์แลนด์คือประเทศที่โปรดมาก เวลามีวันหยุดและมีทุนทรัพย์เหลือ ปลายทางของเรามักจะเป็นเมืองแห่งขุนเขาและสายหมอกค่ะ

ผ่านมาแล้วสองปี เราเดินเขาทั้งทางขึ้นและทางลงรวมไปถึงทางราบที่สวิสเซอร์แลนด์มาแล้วหลายลูก และตอนนี้มันก็เปลี่ยนจากกิจกรรมบำบัดอาการซึมเศร้าของเรามาเป็นงานอดิเรกของเราไปโดนสิ้นเชิง กระทู้แรกของเราวันนี้ เราขอพาเพื่อนๆไปเดินเขาเลียบๆธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ถือว่าเป็นธารน้ำแข็งที่มีความยาวที่สุดในยุโรปค่ะ เราไปเยือน Aletsch ครั้งแรกที่จุดชม  Eggishorn เมื่อฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีที่แล้วค่ะ

Aletsch จากจุดชมวิว Eggishorn เมื่อเดือนกันยายนปี 2015





หลังจากกลับมาจากการเยือน Aletsch เมื่อปีที่แล้ว เราก็ตั้งใจไว้ว่า หน้าร้อนปีนี้เราจะต้องไปเดินตามเส้นทางที่นักเดินเขาทั้งหลายพากันไปฝากรอยเท้าไว้ บ่ายวันที่ 5 สิงหาคม 2016 สายการบินสีฟ้า KLM พาเราไปส่งที่สนามบินเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ คืนนั้นเราพักที่เมือง Aigle หนึ่งคืน และเช้าวันที่ 6 สิงหาคมเราก็นั่งรถไฟจาก Aigle ไปลงที่ Brig  จาก Brig ก็ต่อรถไฟท้องถิ่นไปลงที่สถานนี Betten Talstation คราวนี้เราเลือกที่จะพักที่ Bettmeralp สองคืนค่ะ สถานี Betten Talstation ถือว่าเป็นสถานีที่สะดวกสบายมาก เพราะลงจากรถไฟปุ๊บเราก็เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองเพื่อต่อกระเช้าขึ้นไปที่หมู่บ้านบนเขา Bettmeralp ได้เลย ไปยังไงก็ไม่หลงค่ะ สะดวกสบายมากๆ

Bettmeralp ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาค่ะ






โรงแรมที่เราจองคราวหน้าไกลจากสถานีกระเช้าพอสมควร แต่ทางโรงแรมก็มีรถแทกซี่แบบที่เราเห็นที่ Zermatt มารับค่ะ ที่สวิสเซอร์แลนด์เท่าที่สังเกตุเห็นคือเมืองท่องเที่ยวที่อยู่บนเขาส่วนใหญ่จะใช้รถไฟฟ้าในการขนส่งค่ะ และ Bettmeralp ก็เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่หายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอดได้แบบไม่ต้องห่วงมลพิษทางอากาศค่ะ







เช้าวันที่ 7 สิงหาคม เราตื่นแต่เช้าเพราะตั้งใจไว้ว่าจะออกเดินทางตอนที่แดดยังไม่ร้อนมาก วันนี้อากาศดีระดับสิบ ไม่มีเมฆหมอกมากวนใจให้กังวล ลุกออกจากเตียงเกือบๆหกโมงเช้า เปิดม่านหน้าต่างออกไปเจอแสงเช้าๆ เปิดประตูออกไปสูดอากาศตอนเช้าๆและนั่งมองแสงแดดอ่อนๆที่มันค่อยๆเลียไหลเขา มันช่วยให้อาการหดหู่ที่มีอยู่ดีขึ้นมาได้เยอะมาก บรรยากาศในตอนเช้ามันเงียบมาก เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงน้ำไหลในลำธารข้างๆโรงแรมที่พัก



หลังจากที่จัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงมาจัดการกับอาหารเช้า พร้อมทั้งเตรียมสะเบียงสำหรับมื้อเที่ยงและมื่อย่อยๆระหว่างทางด้วย เราเดินไปขึ้นกระเช้าเพื่อที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิว Bettmerhorn ซึ่งจริงๆแล้วเราจะเดินขึ้นเขาจากตรงนี้ไปเลยก็ได้ แต่เนื่องจากคำนวณเวลาไปกลับแล้ว เวลามันไม่มากพอ เราเลยไปขอเริ่มเดินที่จุดชมวิว Bettmerhorn เลยละกัน

จุดชมวิว Bettmerhorn ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาค่




อากาศตอนเช้าๆมันเหมาะกับการเดินมากๆค่ะ เส้นทางวันนี้อยู่ที่จุดชมวิว Bettmerhorn ไปสิ้นสุดที่จุดสัมผัสกับน้ำแข็งที่ Marjelensee ซึ่งในคู่มือในการเดินเขาบอกไว้ว่าเส้นทางนี้คือระดับขาวแดง (อันตราย) แต่ช่วงหน้าร้อนเดินได้ชิวๆ ระยะทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพักหรือหยุดชิล แต่วันนั้นเราใช้เวลาไปกลับเกือบสิบชั่วโมง เพราะหยุดพักและหยุดถ่ายรูปตลอดทาง และขากลับยังพลาดกระเช้าลงเขา ต้องเดินอ้อมเขาเพื่อลงมายังหมู่บ้านที่พัก เส้นทางสายนี้ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดค่ะ มีปีนบ้าง ไต่โขดหินบ้าง ทางเรียบบ้าง หน้าผาบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นสแตนดาร์ดของเส้นทางสายภูเขาค่ะ หยุดการโม้และดูรูปแทนก็แล้วกันนะคะ ถ้าเพื่อนท่านใดจะสอบถามรายละเอียด ยินดีให้คำแนะนำนะคะ








































ขอจบการพาเดินไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ไว้วันหน้าจะพาเดินกลับค่ะ การเดินเขาคนเดียวนอกจากจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว มันยังทำให้เรานิ่งและมีสมาธิมากขึ้นด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่