ค่ำนี้ ดูจะค่ำพร้อมครึ้มฝน ห้องเช่าที่ผมอยู่เป็นทางของทั้งฝนและแดด คือหน้าร้อนแดดจะแรงจนตากผ้าแห้งได้ในครึ่งวันและหากเป็นหน้าฝน หากตากผ้าไว้มันจะไม่มีวันแห้ง เพราะเก็บผ้าไม่ทันฝนเลยสักครั้งเดียว ผมเปิดประตูไปเก็บผ้ามาผึ่งที่โต๊ะกินข้าว มะรืนนี้ผมจะต้องไปขึ้นศาลอีกเป็นครั้งสุดท้าย การเป็นพยานในคดีที่เกี่ยวข้องกับคนมีอำนาจนี่ทำเอาผมเบื่อหน่าย แต่ผมยังเชื่อว่าความยุติธรรมนั้นมีจริง บุญกรรมนั้นมีจริง และเสื้อปกเล็กสีขาวแขนยาวที่ผมมีอยู่ตัวเดียวสำหรับใส่ไปศาลนั้นก็มีอยู่ตัวเดียวจริง ๆ ผมจะพับมันใส่เป้ไปเป็นชิ้นสุดท้ายถ้ามันแห้ง คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะนอนที่นี่แล้ว ผมเกลียดกรุงเทพไหม ไม่หรอกแต่ถ้าการไม่มีที่พำนักเป็นหลักแหล่งจะทำให้ผมตัดสินใจบอกลาความคุ้นเคยได้ บอกลากลุ่มเพื่อน ๆ เพาะช่างที่คอยจะลากผมไปร้านเหล้าทุกคืนๆ ได้ผมก็อยากทำ
ปีที่แล้วผมไปวาดรูปในป่านานนับเดือน ภาพชุดนั้นส่งขายตามแกลเลอลี่รุ่นพี่พอได้เงินมากินใช้ แต่ก็มีอีกภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ เพราะขณะวาดอยู่นั้น ผมก็เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่อุทยานเมาเหล้าไปทำอนาจารเด็กสาวคนหนึ่งเข้าให้ ตอนนั้นผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งวาดรูปอยู่ที่บ้านพัก จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องว่ามีผู้ชายปีนเข้าหา มีเสียงของขว้างปาของ ด่าทอ เสียงนั้นคุ้นหูเหลือเกิน ผมวิ่งไปตามเสียงเรียกให้ช่วย ระยะทางราวสองเสาไฟฟ้า ผมแล่นเข้าไปถึงห้องที่เกิดเหตุที่มีเพียงแสงไฟสลัวและจัดการคนหื่นกามด้วยอาวุธประจำกาย หมัดเท้า เขาศอกที่ผมมี ผมทั้งหายง่วงทั้งตกใจทั้งเหนื่อยหอบ เมื่อชายร่างใหญ่ที่กองอยู่แทบเท้าผมนั้น เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผมที่นั่งดื่มเหล้าด้วยในตอนหัวค่ำนั่นเอง
ถ้าคืนนั้นผมเมา เด็กสาวจอมแก่นคนนี้คงถูกประทับตราบาปที่น่ารังเกียจนี้ไปจนตลอดชีวิต ยังโชคดีเมื่อเรื่องราวตรงหน้าที่มันจวนตัวจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปนั้น ถูกคลี่คลายขึ้น เมื่อผู้คนทั้งหมู่บ้านมาร่วมตัวกันแทบทุกผู้ทุกนาม เสียงด่าทอ โวยวาย ถามไถ่เป็นที่ชุลมุน เด็กสาวเจ้าทุกข์ยังสะอื้นในอ้อมกอดของแม่เธอที่เพิ่งกลับจากไร่ จนดึกตำรวจมาถึง พยายามเกลี้ยกล่อมคู่กรณีให้เจรจายอมความกัน ภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี่มันทรมานมากจริง ๆ เมื่อเหตุการณ์มันหักเหไปอีกด้าน ผู้เสียหายยังยืนกรานจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะกองเชียร์เอาใจช่วยคนมีตำแหน่ง อาการเมานี่เป็นแต้มต่อให้คนทำชั่วได้จริงอย่างนั้นหรือ แต่ผมทนไม่ได้เลยถ้าคดีรังแกผู้บริสุทธิ์จะถูกเล่าขนานกันต่อไปว่า เด็กมันยั่ว หรือ เด็กสาวอยากจะมีผัวจนตัวสั่น
“พี่ต้องเป็นพยานให้หนู”
“ต้องช่วยกู”
ผมตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะไปเป็นพยานให้เธอและชายคนนั้นก็ถูกให้ออกจากราชการไปก่อนในระหว่างคดียังดำเนินต่อไปทางศาล ผมก็ว่าสมควรดี เพราะเขามีหน้าที่พิทักษ์รักษา สัตว์ป่า ป่าไม้ ของชาติ เขาควรจะต้องรู้รักและมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยอีกทาง การยืนกรานด้วยความถูกต้อง บางหนแม้จะไม่เป็นที่สบอารมณ์ใครต่อใครบ้าง แต่มันก็ทำให้ความถูกต้องนั้นศักดิ์สิทธิและความเป็นมิตรจะกลับมาเหมือนเดิม
สำหรับดอกไม้ไม่ว่าจะงอกงามอยู่ตรงพื้นป่า ซอกตึก หรือบนสวนลอยฟ้า ดอกไม้ก็ไม่ควรจะถูกทำลายให้ย่อยยับไป ด้วยความหยาบช้าของใครคนหนึ่ง อย่างในภาพเขียนของผมเองที่ดอกไม้จะสดใสตราบชั่วอายุของผืนผ้าใบนั่น
เวลากว่าหนึ่งปีผ่านไปแล้ว ความจริงแท้อย่างนั้นมันก็ส่งผล ผมคิดว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น นานเท่าใดก็ไม่รู้ คงแล้วแต่โชคชะตาจะพัดพาไป เหมือนคราวที่ผมพบเธอครั้งแรก ลูกสนที่เป็นแบบในภาพวาดที่ยังไม่เสร็จจะกวักมือเรียกให้ผมกลับไปอีก
................
“ถ้าเก็บอะไรออกจากป่านี้ไป พี่จะต้องกลับมาที่นี่อีก”
เด็กหญิงหน้ากลมบอกผมด้วยเสียงห้วน ๆ ผมอดยิ้มกับท่าทางบึ้งตึงและเอาจริงเอาจังของเธอไม่ได้ จึงเอาลูกสนขนาดเท่าไข่ไก่ไปแอบไว้หลังสะโพก
“อย่ามาทำไก๋ หนูเห็นแล้ว”
เธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังจนผมต้องหมุนตัวหนี เจ้าของหน้าบึ้งพยายามเอามือเล็กของเธอมาง้างมือขวาของผม ท่าทางเธอเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนอารมณ์จะโกรธเต็มที่ ผมหมุนตัวหนี เธอก็กระโจนมาขวางเล่นเอาเถิดเอาล่ออยู่สองสามรอบ จนผมสะดุดพื้นที่ลาดเอียงตรงนั้นลงไปนั่งจ้ำเบ้า ลูกสนแห้งแตกออกเป็นชิ้น ๆ จากน้ำหนักก้นผมที่ทับลงไป ผมกับเธอมองไปที่ลูกไม้ของกลางในคดีแห่งป่า เมื่อเงยหน้ามามองหน้าหน้ากันแล้วก็หัวเราะกันทั้งคู่
“หัวเราะอะไร”
ผมถามเธอ ด้วยไม่เห็นว่าเธอจะเสียอกเสียใจกับการแตกของลูกสนที่เธอหวงนักหนา
“ของป่า แตกหักยังไงก็เป็นของป่า” เธอว่า
“พี่ก็ไม่ได้จะเอากลับไปเป็นที่ระลึกสักหน่อย เห็นมันสวยดี จะเอามาเป็นแบบวาดรูป ดูสิพังเลย”
ผมหยิบเศษกลีบของลูกสนมาให้เธอดู ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง เธอยิ้มเห็นไรฟัน
“พี่เป็นคนดีให้ตลอดนะ”
ผมยิ้ม ๆ แค่นั้น... แค่นั้นเองเหมือนขณะนี้
* ขอบคุณภาพจาก pixabay แวะมาติชม ทักทายกนได้ครับ
ลูกสนบนพื้นป่า
ปีที่แล้วผมไปวาดรูปในป่านานนับเดือน ภาพชุดนั้นส่งขายตามแกลเลอลี่รุ่นพี่พอได้เงินมากินใช้ แต่ก็มีอีกภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ เพราะขณะวาดอยู่นั้น ผมก็เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่อุทยานเมาเหล้าไปทำอนาจารเด็กสาวคนหนึ่งเข้าให้ ตอนนั้นผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งวาดรูปอยู่ที่บ้านพัก จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องว่ามีผู้ชายปีนเข้าหา มีเสียงของขว้างปาของ ด่าทอ เสียงนั้นคุ้นหูเหลือเกิน ผมวิ่งไปตามเสียงเรียกให้ช่วย ระยะทางราวสองเสาไฟฟ้า ผมแล่นเข้าไปถึงห้องที่เกิดเหตุที่มีเพียงแสงไฟสลัวและจัดการคนหื่นกามด้วยอาวุธประจำกาย หมัดเท้า เขาศอกที่ผมมี ผมทั้งหายง่วงทั้งตกใจทั้งเหนื่อยหอบ เมื่อชายร่างใหญ่ที่กองอยู่แทบเท้าผมนั้น เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผมที่นั่งดื่มเหล้าด้วยในตอนหัวค่ำนั่นเอง
ถ้าคืนนั้นผมเมา เด็กสาวจอมแก่นคนนี้คงถูกประทับตราบาปที่น่ารังเกียจนี้ไปจนตลอดชีวิต ยังโชคดีเมื่อเรื่องราวตรงหน้าที่มันจวนตัวจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปนั้น ถูกคลี่คลายขึ้น เมื่อผู้คนทั้งหมู่บ้านมาร่วมตัวกันแทบทุกผู้ทุกนาม เสียงด่าทอ โวยวาย ถามไถ่เป็นที่ชุลมุน เด็กสาวเจ้าทุกข์ยังสะอื้นในอ้อมกอดของแม่เธอที่เพิ่งกลับจากไร่ จนดึกตำรวจมาถึง พยายามเกลี้ยกล่อมคู่กรณีให้เจรจายอมความกัน ภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี่มันทรมานมากจริง ๆ เมื่อเหตุการณ์มันหักเหไปอีกด้าน ผู้เสียหายยังยืนกรานจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะกองเชียร์เอาใจช่วยคนมีตำแหน่ง อาการเมานี่เป็นแต้มต่อให้คนทำชั่วได้จริงอย่างนั้นหรือ แต่ผมทนไม่ได้เลยถ้าคดีรังแกผู้บริสุทธิ์จะถูกเล่าขนานกันต่อไปว่า เด็กมันยั่ว หรือ เด็กสาวอยากจะมีผัวจนตัวสั่น
“พี่ต้องเป็นพยานให้หนู”
“ต้องช่วยกู”
ผมตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะไปเป็นพยานให้เธอและชายคนนั้นก็ถูกให้ออกจากราชการไปก่อนในระหว่างคดียังดำเนินต่อไปทางศาล ผมก็ว่าสมควรดี เพราะเขามีหน้าที่พิทักษ์รักษา สัตว์ป่า ป่าไม้ ของชาติ เขาควรจะต้องรู้รักและมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยอีกทาง การยืนกรานด้วยความถูกต้อง บางหนแม้จะไม่เป็นที่สบอารมณ์ใครต่อใครบ้าง แต่มันก็ทำให้ความถูกต้องนั้นศักดิ์สิทธิและความเป็นมิตรจะกลับมาเหมือนเดิม
สำหรับดอกไม้ไม่ว่าจะงอกงามอยู่ตรงพื้นป่า ซอกตึก หรือบนสวนลอยฟ้า ดอกไม้ก็ไม่ควรจะถูกทำลายให้ย่อยยับไป ด้วยความหยาบช้าของใครคนหนึ่ง อย่างในภาพเขียนของผมเองที่ดอกไม้จะสดใสตราบชั่วอายุของผืนผ้าใบนั่น
เวลากว่าหนึ่งปีผ่านไปแล้ว ความจริงแท้อย่างนั้นมันก็ส่งผล ผมคิดว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น นานเท่าใดก็ไม่รู้ คงแล้วแต่โชคชะตาจะพัดพาไป เหมือนคราวที่ผมพบเธอครั้งแรก ลูกสนที่เป็นแบบในภาพวาดที่ยังไม่เสร็จจะกวักมือเรียกให้ผมกลับไปอีก
................
“ถ้าเก็บอะไรออกจากป่านี้ไป พี่จะต้องกลับมาที่นี่อีก”
เด็กหญิงหน้ากลมบอกผมด้วยเสียงห้วน ๆ ผมอดยิ้มกับท่าทางบึ้งตึงและเอาจริงเอาจังของเธอไม่ได้ จึงเอาลูกสนขนาดเท่าไข่ไก่ไปแอบไว้หลังสะโพก
“อย่ามาทำไก๋ หนูเห็นแล้ว”
เธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังจนผมต้องหมุนตัวหนี เจ้าของหน้าบึ้งพยายามเอามือเล็กของเธอมาง้างมือขวาของผม ท่าทางเธอเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนอารมณ์จะโกรธเต็มที่ ผมหมุนตัวหนี เธอก็กระโจนมาขวางเล่นเอาเถิดเอาล่ออยู่สองสามรอบ จนผมสะดุดพื้นที่ลาดเอียงตรงนั้นลงไปนั่งจ้ำเบ้า ลูกสนแห้งแตกออกเป็นชิ้น ๆ จากน้ำหนักก้นผมที่ทับลงไป ผมกับเธอมองไปที่ลูกไม้ของกลางในคดีแห่งป่า เมื่อเงยหน้ามามองหน้าหน้ากันแล้วก็หัวเราะกันทั้งคู่
“หัวเราะอะไร”
ผมถามเธอ ด้วยไม่เห็นว่าเธอจะเสียอกเสียใจกับการแตกของลูกสนที่เธอหวงนักหนา
“ของป่า แตกหักยังไงก็เป็นของป่า” เธอว่า
“พี่ก็ไม่ได้จะเอากลับไปเป็นที่ระลึกสักหน่อย เห็นมันสวยดี จะเอามาเป็นแบบวาดรูป ดูสิพังเลย”
ผมหยิบเศษกลีบของลูกสนมาให้เธอดู ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง เธอยิ้มเห็นไรฟัน
“พี่เป็นคนดีให้ตลอดนะ”
ผมยิ้ม ๆ แค่นั้น... แค่นั้นเองเหมือนขณะนี้
* ขอบคุณภาพจาก pixabay แวะมาติชม ทักทายกนได้ครับ