สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เห็นด้วยกับ ความเห็นที่ 6 มากค่ะ
เราขอแชร์เรื่องของเรานะคะ ตัวเราเอง homeschool ลูกมาได้ 1 ปีเต็มแล้วค่ะ แต่ ตามหลักสูตร american ซึ่งปีที่ผ่านมา ลูกเราเรียน grade 3 เราจักหลักสูตรเอง จากการสมัครซื้อจากเวปหลายๆเวปไซด์ และการซื้อหนังสืออ่านจากพวกร้านหนังสืออย่าง kino แต่ปีนี้กำลังจะเริ่ม grade 4 เราซื้อหลักสูตรออนไลน์เลยของ calvert (อดีตประธานาธิบดี Obama ก็เคยเรียนหลักสูตรนี้ตอนเด็กๆที่ไปอยู่ประเทศอินโดนีเซีย) ซึ่งจะทำให้เราได้วุฒิตอนจบด้วย มี transcript ออกให้ทุกปีค่ะ
ก่อนหน้านี้ลูกเราเรียนมาทั้ง รร. อินเตอร์ระบบอังกฤษและอเมริกัน ค่าเทอม ปีละ 500,000-600,000 จะบอกว่า ค่าเทอมแพง ไม่ได้มาพร้อมคุณภาพการสอนที่ดีเสมอไปนะคะ รร. อินเตอร์ส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจที่หวังผลกำไร ส่วนใหญ่เงินจะหมดไปกับการลงทุนทำตึกเรียนและ facility หรูหรา แต่บางทีไม่ลงทุนกับเรื่องของทรัพยากรบุคคล คือครูนั่นเองค่ะ บางทีจ้างครูฝรั่ง ที่มีวุฒิครูก็จริง มีประสบการณ์การสอนในรร ที่ต่างประเทศมาก็จริงค่ะ แต่ ความใส่ใจในตัวเด็กไม่มี ใครเรียนอ่อนตรงไหน ก็จะบอกให้พ่อแม่จัดการเอง ไม่ก็ไปหา tutor กันเอง อยู่มาสอง รร. แล้ว ก็เป็นแบบนี้ค่ะ ปัญหาเล็กๆน้อยๆแตกต่างกันไป ทั้งเรื่องการ bully (การรังแกกันของเด็ก) ความไม่ใส่ใจของครู ปัญหาค่านิยมของเด็กและพ่อแม่เด็ก และอื่นๆอีกมากมาย ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่รู้ว่าจะให้ลูกไป รร ทำไม ก่อนหน้าจะเปิดเทอมปีก่อน เราลอง homeschool ดู เพระายังไม่รู้จะเป็นยังไง ทีนี้พอจะเปิดเทอม เราค้นพบว่า การ homeschool มันเวิร์คมากๆ ลูกเราจึงไมได้กลับ รร ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งลูก happy และเป็นการตัดสินใจของตัวเค้าเองที่จะไม่กลับ รร.
เราคิดว่า การ homeschool ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยสำคัญขึ้นอยู่กับลักษณะ ความชอบ นิสัยของตัวเด็ก และตัวผู้ปกครองที่จะสอนลูกด้วยค่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะมีทักษะในการสอน พ่อแม่หลายคนบอกอยาก homeschool ลูก แต่แค่สอนการบ้านลูกยังโมโหทะเลาะกับลูกเลย ตรงนี้ ต้องแก้ไขที่ตัวเอง แล้วพร้อมก่อน ถึงจะมา homeschool ได้ค่ะ
สิ่งที่เวลาคนได้ยินว่า homeschool ลูก ไม่ว่าจะคนไทยหรือฝรั่ง คำถามที่จะได้ยินคำถามแรกคือ แล้วเด็กจะมีเพื่อนหรอ มีสังคมหรอ
ตรงนี้ อย่างที่บอกนะคะ มันแล้วแต่ความต้องการของแต่ละครอบครัว จากประสบการณ์ส่วนตัวเคยทำเนอร์เซอรี่แบบใช้หลักสูตรอเมริกันสอน ทำมา5ปี ธรรมชาติ ลักษณะนิสัยของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันคะ บางคนอาจจะชอบที่จะไปเล่นกับเพื่อนที่ รร. มากๆ บางคน อาจจะ enjoy การไป รร. และเรียนได้ดีในสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนปกติก็ได้ค่ะ แต่ลูกชายของเรา เป็นเด็ก independent มีเพื่อนก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร เล่นกับเพื่อนที่ไปเรียนดนตรี หรือกีฬาด้วยกัน ก็ได้ แล้วผู้ใหญ่ๆทุกๆคนในชีวิตที่เค้าเจอในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคนที่เค้ามีปฏิสัมพันธ์ด้วยได้ค่ะ จริงๆตามหลักพัฒนาการเด็ก ถ้าได้ศึกษามา การที่เด็กอยู่กับคนในวัยเดียวกัน วุฒิภาวะไม่ต่างกัน เด็กไม่ได้เรียนรู้หรือพัฒนาอะไรมากนะคะ การที่เด็กอยู่กับผู้ใหญ่ หรือผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้มากกว่านั่นแหละค่ะ เด็กจะได้เรียนรู้ได้พัฒนา แต่ รร. ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะต้องจัดการเรียนการสอนเด็กตั้งมากมาย ก็มีเพียงวิธีเดียวคือ เด็กอายุเท่ากัน ต้องเรียนด้วยกัน เวลาในห้องเรียน เนื่องจากต้องเสียเวลาไปกับอะไรมากมายในการจัดการเด็กกลุ่มใหญ่ๆในห้อง ทำให้การ homeschool วันนึงใช้เวลาแค่เพียง 3ชม สามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายกว่า ในห้องเรียนทั้งวันอีกค่ะ นึกถึงตัวเราเอง ตอนเราไป รร.สิคะ น้อยคนนะคะ ที่จะชอบไป รร. และถ้าชอบ เราสังเกตุจากคนอื่น เค้าชอบไปเจอเพื่อน แต่ไม่ได้ชอบไปเรียนค่ะ ดังนั้นเราจึง confirm ว่า เด็กที่ homeschool จะเข้าสังคมได้แน่นอน และตามที่เค้าวิจัยกันมา เด็กกลุ่มนี้จะมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่าเด็กที่ไป รร.ปกติด้วยค่ะ เนื่องจากมีผู้ใหญ่คอยสอนอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการเข้าสังคม handle คนอย่างไร ทุกวันนี้ลูกเราอายุ 9 ขวบ แต่เราสอนเรื่อง EQ และวิชาจิตวิทยาง่ายๆให้เค้าแล้วค่ะ เราว่าเรื่องพวกนี้ รร. ไม่สอน แต่เป็น life skill ที่สำคัญในการดำรงชีวิตมากมายค่ะ เรื่องของคุณธรรมจริยธรรม เราก็ปลูกฝังให้ลูกได้แบบที่ รร. ไม่สามารถสอนได้
สุดท้าย การ homeschool หรือบางคนจะเรียกการ unschooling ไม่ใช่การนั่งอุดอู้อยู่ที่บ้านอย่างที่ตั้งชื่อมานะคะ มันคือแค่การเรียนรู้นอกระบบ รร. แค่นั้นเองค่ะ ยุคนี้เป็นยุคของ internet สื่อการสอนมีคุณภาพมากมาย ที่ดีกว่าที่ รร. อินเตอร์ในไทยใช้ด้วยซ้ำค่ะ ถ้าหากว่า เป็นเมื่อสิบปีก่อน เราคงไม่กล้า homeschool ค่ะ แต่เดียวนี้สะดวกมากค่ะ
เราขอแชร์เรื่องของเรานะคะ ตัวเราเอง homeschool ลูกมาได้ 1 ปีเต็มแล้วค่ะ แต่ ตามหลักสูตร american ซึ่งปีที่ผ่านมา ลูกเราเรียน grade 3 เราจักหลักสูตรเอง จากการสมัครซื้อจากเวปหลายๆเวปไซด์ และการซื้อหนังสืออ่านจากพวกร้านหนังสืออย่าง kino แต่ปีนี้กำลังจะเริ่ม grade 4 เราซื้อหลักสูตรออนไลน์เลยของ calvert (อดีตประธานาธิบดี Obama ก็เคยเรียนหลักสูตรนี้ตอนเด็กๆที่ไปอยู่ประเทศอินโดนีเซีย) ซึ่งจะทำให้เราได้วุฒิตอนจบด้วย มี transcript ออกให้ทุกปีค่ะ
ก่อนหน้านี้ลูกเราเรียนมาทั้ง รร. อินเตอร์ระบบอังกฤษและอเมริกัน ค่าเทอม ปีละ 500,000-600,000 จะบอกว่า ค่าเทอมแพง ไม่ได้มาพร้อมคุณภาพการสอนที่ดีเสมอไปนะคะ รร. อินเตอร์ส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจที่หวังผลกำไร ส่วนใหญ่เงินจะหมดไปกับการลงทุนทำตึกเรียนและ facility หรูหรา แต่บางทีไม่ลงทุนกับเรื่องของทรัพยากรบุคคล คือครูนั่นเองค่ะ บางทีจ้างครูฝรั่ง ที่มีวุฒิครูก็จริง มีประสบการณ์การสอนในรร ที่ต่างประเทศมาก็จริงค่ะ แต่ ความใส่ใจในตัวเด็กไม่มี ใครเรียนอ่อนตรงไหน ก็จะบอกให้พ่อแม่จัดการเอง ไม่ก็ไปหา tutor กันเอง อยู่มาสอง รร. แล้ว ก็เป็นแบบนี้ค่ะ ปัญหาเล็กๆน้อยๆแตกต่างกันไป ทั้งเรื่องการ bully (การรังแกกันของเด็ก) ความไม่ใส่ใจของครู ปัญหาค่านิยมของเด็กและพ่อแม่เด็ก และอื่นๆอีกมากมาย ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่รู้ว่าจะให้ลูกไป รร ทำไม ก่อนหน้าจะเปิดเทอมปีก่อน เราลอง homeschool ดู เพระายังไม่รู้จะเป็นยังไง ทีนี้พอจะเปิดเทอม เราค้นพบว่า การ homeschool มันเวิร์คมากๆ ลูกเราจึงไมได้กลับ รร ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งลูก happy และเป็นการตัดสินใจของตัวเค้าเองที่จะไม่กลับ รร.
เราคิดว่า การ homeschool ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยสำคัญขึ้นอยู่กับลักษณะ ความชอบ นิสัยของตัวเด็ก และตัวผู้ปกครองที่จะสอนลูกด้วยค่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะมีทักษะในการสอน พ่อแม่หลายคนบอกอยาก homeschool ลูก แต่แค่สอนการบ้านลูกยังโมโหทะเลาะกับลูกเลย ตรงนี้ ต้องแก้ไขที่ตัวเอง แล้วพร้อมก่อน ถึงจะมา homeschool ได้ค่ะ
สิ่งที่เวลาคนได้ยินว่า homeschool ลูก ไม่ว่าจะคนไทยหรือฝรั่ง คำถามที่จะได้ยินคำถามแรกคือ แล้วเด็กจะมีเพื่อนหรอ มีสังคมหรอ
ตรงนี้ อย่างที่บอกนะคะ มันแล้วแต่ความต้องการของแต่ละครอบครัว จากประสบการณ์ส่วนตัวเคยทำเนอร์เซอรี่แบบใช้หลักสูตรอเมริกันสอน ทำมา5ปี ธรรมชาติ ลักษณะนิสัยของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันคะ บางคนอาจจะชอบที่จะไปเล่นกับเพื่อนที่ รร. มากๆ บางคน อาจจะ enjoy การไป รร. และเรียนได้ดีในสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนปกติก็ได้ค่ะ แต่ลูกชายของเรา เป็นเด็ก independent มีเพื่อนก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร เล่นกับเพื่อนที่ไปเรียนดนตรี หรือกีฬาด้วยกัน ก็ได้ แล้วผู้ใหญ่ๆทุกๆคนในชีวิตที่เค้าเจอในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคนที่เค้ามีปฏิสัมพันธ์ด้วยได้ค่ะ จริงๆตามหลักพัฒนาการเด็ก ถ้าได้ศึกษามา การที่เด็กอยู่กับคนในวัยเดียวกัน วุฒิภาวะไม่ต่างกัน เด็กไม่ได้เรียนรู้หรือพัฒนาอะไรมากนะคะ การที่เด็กอยู่กับผู้ใหญ่ หรือผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้มากกว่านั่นแหละค่ะ เด็กจะได้เรียนรู้ได้พัฒนา แต่ รร. ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะต้องจัดการเรียนการสอนเด็กตั้งมากมาย ก็มีเพียงวิธีเดียวคือ เด็กอายุเท่ากัน ต้องเรียนด้วยกัน เวลาในห้องเรียน เนื่องจากต้องเสียเวลาไปกับอะไรมากมายในการจัดการเด็กกลุ่มใหญ่ๆในห้อง ทำให้การ homeschool วันนึงใช้เวลาแค่เพียง 3ชม สามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายกว่า ในห้องเรียนทั้งวันอีกค่ะ นึกถึงตัวเราเอง ตอนเราไป รร.สิคะ น้อยคนนะคะ ที่จะชอบไป รร. และถ้าชอบ เราสังเกตุจากคนอื่น เค้าชอบไปเจอเพื่อน แต่ไม่ได้ชอบไปเรียนค่ะ ดังนั้นเราจึง confirm ว่า เด็กที่ homeschool จะเข้าสังคมได้แน่นอน และตามที่เค้าวิจัยกันมา เด็กกลุ่มนี้จะมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่าเด็กที่ไป รร.ปกติด้วยค่ะ เนื่องจากมีผู้ใหญ่คอยสอนอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการเข้าสังคม handle คนอย่างไร ทุกวันนี้ลูกเราอายุ 9 ขวบ แต่เราสอนเรื่อง EQ และวิชาจิตวิทยาง่ายๆให้เค้าแล้วค่ะ เราว่าเรื่องพวกนี้ รร. ไม่สอน แต่เป็น life skill ที่สำคัญในการดำรงชีวิตมากมายค่ะ เรื่องของคุณธรรมจริยธรรม เราก็ปลูกฝังให้ลูกได้แบบที่ รร. ไม่สามารถสอนได้
สุดท้าย การ homeschool หรือบางคนจะเรียกการ unschooling ไม่ใช่การนั่งอุดอู้อยู่ที่บ้านอย่างที่ตั้งชื่อมานะคะ มันคือแค่การเรียนรู้นอกระบบ รร. แค่นั้นเองค่ะ ยุคนี้เป็นยุคของ internet สื่อการสอนมีคุณภาพมากมาย ที่ดีกว่าที่ รร. อินเตอร์ในไทยใช้ด้วยซ้ำค่ะ ถ้าหากว่า เป็นเมื่อสิบปีก่อน เราคงไม่กล้า homeschool ค่ะ แต่เดียวนี้สะดวกมากค่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
ดูยาวๆ นะคะ
สังคม เเละระบบการศึกษาไทย ถ้ามันดีเเล้วจริงๆ เหมือนฟินเเลนด์ หรือประเทศเเถบเเสกนก็ว่าไปอย่าง
สิ่งที่ จขกท รู้สึก นั่นคือการมโน เพราะคุณไม่เเม้เเต่เข้าใจการโฮมสคูลเลย
เด็กโฮมสคูลไม่ใช่เเค่การเรียนอยู่บ้าน ต้องถามกลับว่าเด็กโฮมสคูลได้อยู่บ้านบ้างรึเปล่าดีกว่า
เเละในหลักการอยู่ร่วมกันในสังคม คุณลองสังเกตที่ทำงานคุณนะคะ ว่ามีคนอายุเท่ากันกับคุณทั้งหมดกี่คน
เเล้วในโรงเรียน การเอาเด็กอายุเท่ากันมาอยู่ด้วยกัน มันเป็นการจำลองเหตุการณ์จริง หรือสร้างเหตุการณ์สมมติที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
ตัวเราเอง ลูกไม่ได้โฮมสคูลค่ะ ส่งเข้าโรงเรียนปกติ เเต่อยากออกไปโฮมสคูลมาก
เราเกลียดโรงเรียนตั้งเเต่ที่เราเรียนเเล้ว (รร เราก็ไม่ได้ขี้ริ้วนะคะ top 3 ของประเทศนะ)
ประเทศเราหล่อหลอมเด็กโดยใช้โรงเรียนเป็นเครื่องมือ เป็นธุรกิจที่ทำให้เด็กๆ กลายมาเป็นเเรงงานที่ดี เป็นเเรงงานของนายทุน
เหนือสิ่งอื่นใด ระบบที่จับเอาเด็กมานั่งในห้องสี่เหลี่ยม เเล้วอัดทุกอย่างเข้าไป ผ่านมา 40-50 ปี มันได้ผลไหม กับการพัฒนาเด็ก
หรือพัฒนาคนที่เป็นปัจเจกบุคคล ผ่านระบบการสอนที่มีเเบบเดียว ระบบการสอบที่มีเเบบเดียว
โรงเรียนสมัยนี้สำคัญน้อยกว่าโรงเรียนกวดวิชาหรือติวเตอร์ด้วยซ้ำ ธุรกิจกวดวิชาบูมมาก บูมมานาน เเละจะบูมต่อไป
เเละถ้าถามว่าเด็กไทยมีคุณภาพไหม ถาม HR ทั่วประเทศได้ ไม่ยากเลยค่ะ
สุดท้าย เราอยากให้ จขกท ลองหาหนังสือเกี่ยวกับโฮมสคูลมาอ่าน หรือเข้ากลุ่มโฮมสคูลในเฟสบุ๊คดู เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง
เพราะการมโน+อคติที่มีอยู่ในตัวนั้น ลบเเละทำให้เจือจางได้ด้วยข้อเท็จจริงเท่านั้นค่ะ
ยกเว้นว่าคุณจะไม่ยอมเปิดใจ หรือมีทัศนคติที่ไม่ดีมาตั้งเเต่เเรกเเล้ว
มีอะไรสงสัยหลังไมค์มาได้ตลอดนะคะ
เราเข้ามาให้ข้อมูล ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เเต่ถ้าอ่านเเล้วรู้สึกไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ
สังคม เเละระบบการศึกษาไทย ถ้ามันดีเเล้วจริงๆ เหมือนฟินเเลนด์ หรือประเทศเเถบเเสกนก็ว่าไปอย่าง
สิ่งที่ จขกท รู้สึก นั่นคือการมโน เพราะคุณไม่เเม้เเต่เข้าใจการโฮมสคูลเลย
เด็กโฮมสคูลไม่ใช่เเค่การเรียนอยู่บ้าน ต้องถามกลับว่าเด็กโฮมสคูลได้อยู่บ้านบ้างรึเปล่าดีกว่า
เเละในหลักการอยู่ร่วมกันในสังคม คุณลองสังเกตที่ทำงานคุณนะคะ ว่ามีคนอายุเท่ากันกับคุณทั้งหมดกี่คน
เเล้วในโรงเรียน การเอาเด็กอายุเท่ากันมาอยู่ด้วยกัน มันเป็นการจำลองเหตุการณ์จริง หรือสร้างเหตุการณ์สมมติที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
ตัวเราเอง ลูกไม่ได้โฮมสคูลค่ะ ส่งเข้าโรงเรียนปกติ เเต่อยากออกไปโฮมสคูลมาก
เราเกลียดโรงเรียนตั้งเเต่ที่เราเรียนเเล้ว (รร เราก็ไม่ได้ขี้ริ้วนะคะ top 3 ของประเทศนะ)
ประเทศเราหล่อหลอมเด็กโดยใช้โรงเรียนเป็นเครื่องมือ เป็นธุรกิจที่ทำให้เด็กๆ กลายมาเป็นเเรงงานที่ดี เป็นเเรงงานของนายทุน
เหนือสิ่งอื่นใด ระบบที่จับเอาเด็กมานั่งในห้องสี่เหลี่ยม เเล้วอัดทุกอย่างเข้าไป ผ่านมา 40-50 ปี มันได้ผลไหม กับการพัฒนาเด็ก
หรือพัฒนาคนที่เป็นปัจเจกบุคคล ผ่านระบบการสอนที่มีเเบบเดียว ระบบการสอบที่มีเเบบเดียว
โรงเรียนสมัยนี้สำคัญน้อยกว่าโรงเรียนกวดวิชาหรือติวเตอร์ด้วยซ้ำ ธุรกิจกวดวิชาบูมมาก บูมมานาน เเละจะบูมต่อไป
เเละถ้าถามว่าเด็กไทยมีคุณภาพไหม ถาม HR ทั่วประเทศได้ ไม่ยากเลยค่ะ
สุดท้าย เราอยากให้ จขกท ลองหาหนังสือเกี่ยวกับโฮมสคูลมาอ่าน หรือเข้ากลุ่มโฮมสคูลในเฟสบุ๊คดู เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง
เพราะการมโน+อคติที่มีอยู่ในตัวนั้น ลบเเละทำให้เจือจางได้ด้วยข้อเท็จจริงเท่านั้นค่ะ
ยกเว้นว่าคุณจะไม่ยอมเปิดใจ หรือมีทัศนคติที่ไม่ดีมาตั้งเเต่เเรกเเล้ว
มีอะไรสงสัยหลังไมค์มาได้ตลอดนะคะ
เราเข้ามาให้ข้อมูล ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เเต่ถ้าอ่านเเล้วรู้สึกไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
"home school" ให้เด็กเรียนป 1ถึง ป6 ที่บ้าน ดีจริงๆหรอครับ
นั้นแสดงว่าลูกชายของเขาจะสามารถเรียนชั้น ป 1 ถึงป6 ได้ โดยไม่ต้องง้อเจ้ารร.ใดๆเลย
ผมคิดว่ามีเฉพาะฝรั่งเท่านั้น
ไม่นึกว่าจะมีเพื่อนบ้านคิดแบบนี้ และจะทำแบบนี้
จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเขาครับ ?
มันดีกว่า หรือแย่กว่า ตรงไหนครับ, แต่แว้บแรกที่ผมรู้สึกคือ รุ้สึกว่าการจัดการเรียนแบบนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ,อต่ก็ไม่รู้เหตุผลของเขาน่ะครับ
ถ้าลูกชายเขาเจ็บป่วยหรือเป็นโรคอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถส่งเข้ารร.ได้ ก็คงเป็นเหตุผลที่เพียงพอ, แต่ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอ ก็น่าสงสารลูกชายเขาน่ะครับ ถึงเเม้ว่าผู้ปกครองจะมั่นใจว่าจัดการเรียนได้ดีกว่าในรร. แต่สิ่งที่เด็กเสียไปก็คือประสบการณ์ในรั๊วรร.ประถม เหมือนๆที่เด็กๆคนอื่นส่วนใหญ่ในวันเดียวกันได้สัมผัสกัน