สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอีกครั้งนะคะ เพราะหัวข้อกระทู้นี้ความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่หรือว่าที่พ่อแม่ควรจะใช้เวลาถกกันยาว เพราะตัวดิฉันเองก็กำลังจะมีเจ้าตัวน้อยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็ได้ศึกษาเรื่อง Home School และการเรียนนอกระบบไว้บ้าง แต่ยังไงก็ยังรู้สึกไม่ทันการณ์อยู่ดี เพราะต้องใช้ข้อมูลเปรียบเทียบเยอะมากและต้องใช้ความกล้าหาญในการตัดสินใจด้วย อยากให้คุณ จขกท. พูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติให้มาก ๆ เพราะสิ่งที่เราเข้าใจกับเขาเข้าใจบางทีมันยังไม่ลงถึงแก่น เพราะดิฉันมีสามีเป็นชาวต่างชาติที่เคยคิดจะมาทำระบบ Home School หรือที่แปลว่าบ้านเรียนในประเทศไทย แต่ทำไม่สำเร็จเพราะคนไทยยังไม่เปิดรับ ผ่านมา 6 ปีนี้เริ่มเห็นว่าคนไทยยอมรับระบบบ้านเรียนมาขึ้น โดยเฉพาะในเชียงใหม่มีโรงเรียนเตรียมอนุบาลและเอกชนหลายที่สอนเด็กในระบบที่เป็นโรงเรียนทางเลือก เมื่อก่อนดิฉันไม่ยอมรับระบบ Home School เพราะระบบการศึกษาไทยจำเป็นต้องใช้วุฒิ ใช้ใบประกาศ ใบปริญญาในการสมัครงานแต่พอจะมีลูกเองก็เริ่มมาศึกษาเรื่องระบบการศึกษาจึงได้พูดคุยกับสามีอีกครั้งนึง ความหมายของระบบ Home School คือการที่พ่อแม่เป็นครูสอนลูกเองและสังเกต ค้นหาศักยภาพในตัวของลูก ส่งเสริมไปในทางที่เจาะจง ซึ่งระบบโรงเรียนอาจจะทำตรงนี้ได้ไม่เต็มที่เท่ากับพ่อแม่ และระบบ Home School ก็ไม่ได้มุ่งเน้นใบประกาศ หรือใบปริญญา แต่มุ่งเน้นผลลัพธ์ในศักยภาพของเด็ก
และเพื่อนชาวต่างชาติของคุณถ้าเขาเสียสละเวลาในการพูดคุยเรื่องระบบโฮมสคูลแสดงว่าเขามีวิสัยทัศน์บางอย่างที่มากกว่าแค่การศึกษาทางเลือก คุณอาจจะได้รับรู้ว่าแก่นของมันไม่ใช่เรื่องของวุฒิการศึกษา หรือใบประกาศ ใบปริญญาอะไรเลย ดิฉันอ่านความเห็นล่าสุดของคุณยังกังวลเรื่องการสอบเข้าในระบบก็เลยอยากให้คุณลองไปคุยกับเพื่อนคุณให้ละเอียดอีกที เพราะวิสัยทัศน์ของพ่อแม่ต้องชัดเจนก่อนด้วยจึงจะจัดการศึกษาให้ลูกเองได้
แต่สำหรับความกังวลเฉพาะหน้าของคุณ จขกท. คือการส่งลูกเข้าอนุบาล ในระดับอนุบาลยังไม่ถือเป็นการศึกษาภาคบังคับ คุณสามารถสอนเองได้ที่บ้าน เห็นพ่อแม่หลายท่านมีปัญหาสงสารลูกที่ต้องอยู่อนุบาลในสภาวะจิตใจที่ยังไม่พร้อมห่างจากอกพ่อแม่ดิฉันว่าความจริงแล้วพ่อแม่คือครูที่ดีที่สุดของลูก โรงเรียนก็คือธุรกิจการศึกษารูปแบบนึงที่ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่ไม่มีเวลา ถ้าคุณมีเวลาและเต็มที่ก็สามารถทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นี้ได้เองค่ะ
ที่ส่งลิงค์ให้ลองเข้าไปอ่านบ้านเรียนน้องก้านตอง เพราะว่ารูปแบบการจัดการเรียนการสอนของพ่อแม่น้องก้านตอง ค่อนข้างเป็นกลาง ๆ ไม่ฝรั่งเกินไป แล้วก็ไม่ไทยเกินไป คือพ่อแม่จัดกิจกรรมให้ลูกไปพบปะเพื่อนข้างนอกด้วย ยังไงเด็กก็ต้องมีสังคมเพื่อเรียนรู้การปรับตัว และน้องก้านตองก็ยังถือว่าได้อยู่ในระบบการศึกษาไทย ควบคู่กันไปกับการได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ภายใต้ความรักของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือน้องก้านตองเก่งด้านภาษาด้วยจนสามารถชนะการแข่งขันทดสอบความสามารถด้านภาษาที่มีนักเรียนโรงเรียนปริ๊นท์ฯ โรงเรียนในระบบ ชั้นนำของเชียงใหม่ เธอก็ชนะมาแล้ว นั่นพิสูจน์ว่าระบบโฮมสคูล สามารถสร้างเด็กเก่ง ฉลาด ได้ไม่แพ้กันแต่ที่สำคัญคือเด็กได้รู้จักตัวเอง เคยสังเกตมั้ยคะ เด็กสมัยนี้จบมาไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร เพราะเรียนมาตามระบบที่ไม่เปิดโอกาสให้แสวงหาตัวเอง ระบบโฮมสคูลจึงเป็นระบบที่ตอบปัญหาตรงนั้น คือพ่อแม่จะได้เห็นได้สังเกตว่าเด็กชอบอะไร สนใจด้านในและจะส่งเสริมเด็กได้ในระดับที่สูงขึ้นและถูกทางมากขึ้น
พ่อแม่หลายท่านรวมทั้งดิฉันเองมีความกังวลเรื่องวุฒิการศึกษา แต่เท่าที่ดิฉันได้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวนี้มีการศึกษาแบบโฮมสคูลที่ใช้ระบบจากอเมริกา ซื้อคอร์สมาเรียนที่บ้านแล้วสอบวุฒิจากอเมริกาเลย ซึ่งวุฒินั้นกระทรวงศึกษาในไทยก็รับรองด้วย ดิฉันเคยศึกษาวิสัยทัศน์ของคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ท่านกล่าวว่าต่อไปในอนาคต วุฒิการศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ จะเป็นเหมือนสมุด Book Bank ของธนาคารที่เราชอบธนาคารไหนก็ใช้บริการ ไม่ชอบก็เปลี่ยนเจ้าใหม่ สังคมจะไม่ยึดติดแค่วุฒิการศึกษาในไทยด้วยซ้ำ เพราะโลกนี้จะเสรีแล้ว เราควรให้ลูกเทคคอร์สแบบมาตรฐานสากลเอาไว้ด้วยซ้ำ เพราะ ONET ANET บ้านเราคืออะไรดิฉันก็ยังไม่เข้าใจ และฝืนใจมากถ้าต้องให้เด็กดิ้นรนเพื่อสิ่งนี้ที่ใช้ได้แค่ในประเทศไทย
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือมุมมองของพ่อแม่ที่ต้องเห็นภาพกว้างก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ง่ายนักอย่างที่บอกว่าต้องมีความกล้าหาญ อย่างดิฉันเองกำลังจะมีลูกชาย ดิฉันต้องคิดต่อไปว่าถ้าไม่เข้าระบบจะทำยังไงกับการเกณฑ์ทหาร เรียนรด. สารพัดค่ะสำหรับสิ่งที่ต้องคิดวางแผนเพื่อคุณภาพลูกน้อยคนนึง
ก่อนที่จะร่ายยาวไปกว่านี้ อยากลองให้ศึกษาการเรียนการสอนเด็กเล็กที่เรียกว่า "มอนเตสซอรี่" เป็นระบบของแพทย์หญิงมาเรีย มอนเตสซอรี่ ชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งทำวิจัยพฤติกรรมเด็กอย่างละเอียด ดิฉันก็ได้รับข้อมูลมอนเตสซอรี่จากสามีนี่แหละค่ะ ถึงได้เปิดใจรับฟังการเรียนนอกระบบมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องมีแผนการเรียนอนุบาลเลยด้วยซ้ำ เพราะวัยเด็กเขาควรจะได้เล่น ได้สนุก ได้มีความสุข แล้วพ่อแม่เป็นผู้สังเกต เขาเรียนรู้จากของเล่นและฝึกทักษะต่าง ๆ จากตรงนั้น และเราคือผู้สังเกตและส่งเสริมเขาแล้วก็ซึมซับให้เขาเข้ากับคนอื่นได้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียน ป.1 ต่อไป (ถ้าคุณพ่อแม่อยากให้เขาเข้าระบบโรงเรียน)
อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยสอนเด็กเองที่บ้านได้ และบางโรงเรียนใช้เป็นหลักสูตรสอนเด็กด้วย ถูกบรรจุไว้ในโรงเรียนรัฐบาลหลายแห่งด้วยคือ My First English Adventure เป็นระบบของประเทศอิสราเอลที่กระทรวงศึกษายอมรับ ลองเข้าไปดูคอนเสปกันได้ในนี้ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=oDdwPK36Zrw เสียงอาจจะไม่ค่อยชัดแต่จะได้เห็นภาพรวมที่คุณปีเตอร์ได้อธิบายเอาไว้ เน้นให้เด็กร้องเพลง เล่นเกม สนุกสนานโดยมีหุ่นมือเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงครู (หรือผู้ปกครอง) กับเด็กหรือลูกของเราเอง คุณปีเตอร์ก็เป็นเพื่อนกับสามีดิฉันด้วย ดังนั้นสามีก็สัมภาษณ์และเจาะแนวคิดการเรียนแบบนี้มาเรียบร้อยแล้วค่ะ
อีกหนึ่งเครื่องมือที่ดิฉันชอบมากคือระบบ My First Chinese ของประเทศจีนที่ใช้หลักการเดียวกับ My First English แต่ของจีนเกิดทีหลัง เข้าใจว่าคงเอามาปรับปรุง เป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นสอนเด็ก และเน้น Home School ด้วยค่ะ
และยังมีอีกระบบคือกึ่งโฮมสคูล ในเชียงใหม่ (ไม่ทราบในกรุงเทพมีมั้ย) จะมีโรงเรียนนานาชาติที่เราสามารถไปลงทะเบียนเพื่อให้เขาเป็นที่ปรึกษาด้านการเรียนตามอัธยาศัย โดยนำลูกไปใช้ห้องสมุด และเครื่องเล่นของโรงเรียนนานาชาตินั้นได้และทางโรงเรียนจะประเมินลูกเราให้ด้วย เรียกว่าจ่ายค่า consult และใช้ทรัพยากรของโรงเรียน ซึ่งก็จะทำให้ลูกของเราได้มีสังคมของเด็กและมีพัฒนาการตามวัย ดีกว่าอยู่กับพ่อแม่ตลอดทั้งวันค่ะ แบบที่บ้านเรียนน้องก้านตองทำก็คล้าย ๆ แบบนี้ค่ะ พาไป Y.M.C.A. เพื่อเรียนภาษา แล้วก็ให้อาจารย์ประเมินผลให้ ได้เจอเพื่อน ๆ ด้วย พาไปตามงานวิทยาศาสตร์เพื่อเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คือพ่อแม่ต้องทำหน้าที่มากกว่าหาเงินมาให้ลูกเข้าโรงเรียนค่ะ
มันมีเครื่องมือหลายอย่างในการช่วยพ่อแม่ทำโฮมสคูลค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเด็กที่เรียนโฮมสคูลจะเข้ากับเด็กในระบบยากเพราะถูกพัฒนาระบบความคิดมาไม่เหมือนกัน เราเลยต้องมองทางเลือกอื่นที่ไม่ขึ้นกับระบบการศึกษาไทยไว้บ้างแต่ยังสามารถได้วุฒิการศึกษาในระดับสากล และความจริงค่าใช้จ่ายถูกกว่าเรียนในโรงเรียนบ้านเราอีกนะคะมีคนทำสำเร็จมาแล้วแต่ดิฉันหาข้อมูลไม่เจอ
ยังไงพ่อแม่ท่านอื่นมีข้อมูลอะไรดี ๆ เก็บไว้ก็มาแลกเปลี่ยนกันนะคะ เพราะข้อมูลด้านนี้เยอะและหลากหลายมาก จะได้เป็นประโยชน์กับพ่อแม่ท่านอื่นค่ะ
ดิฉันไม่ได้เป็นสมาชิกถาวรของพันทิป ไม่แน่ใจว่าต่อไปล็อกอินจะเปลี่ยนหรือเปล่า ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนแล้วกันนะคะ "หม่ามี๊จูดี้" นะคะ
และเพื่อนชาวต่างชาติของคุณถ้าเขาเสียสละเวลาในการพูดคุยเรื่องระบบโฮมสคูลแสดงว่าเขามีวิสัยทัศน์บางอย่างที่มากกว่าแค่การศึกษาทางเลือก คุณอาจจะได้รับรู้ว่าแก่นของมันไม่ใช่เรื่องของวุฒิการศึกษา หรือใบประกาศ ใบปริญญาอะไรเลย ดิฉันอ่านความเห็นล่าสุดของคุณยังกังวลเรื่องการสอบเข้าในระบบก็เลยอยากให้คุณลองไปคุยกับเพื่อนคุณให้ละเอียดอีกที เพราะวิสัยทัศน์ของพ่อแม่ต้องชัดเจนก่อนด้วยจึงจะจัดการศึกษาให้ลูกเองได้
แต่สำหรับความกังวลเฉพาะหน้าของคุณ จขกท. คือการส่งลูกเข้าอนุบาล ในระดับอนุบาลยังไม่ถือเป็นการศึกษาภาคบังคับ คุณสามารถสอนเองได้ที่บ้าน เห็นพ่อแม่หลายท่านมีปัญหาสงสารลูกที่ต้องอยู่อนุบาลในสภาวะจิตใจที่ยังไม่พร้อมห่างจากอกพ่อแม่ดิฉันว่าความจริงแล้วพ่อแม่คือครูที่ดีที่สุดของลูก โรงเรียนก็คือธุรกิจการศึกษารูปแบบนึงที่ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่ไม่มีเวลา ถ้าคุณมีเวลาและเต็มที่ก็สามารถทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นี้ได้เองค่ะ
ที่ส่งลิงค์ให้ลองเข้าไปอ่านบ้านเรียนน้องก้านตอง เพราะว่ารูปแบบการจัดการเรียนการสอนของพ่อแม่น้องก้านตอง ค่อนข้างเป็นกลาง ๆ ไม่ฝรั่งเกินไป แล้วก็ไม่ไทยเกินไป คือพ่อแม่จัดกิจกรรมให้ลูกไปพบปะเพื่อนข้างนอกด้วย ยังไงเด็กก็ต้องมีสังคมเพื่อเรียนรู้การปรับตัว และน้องก้านตองก็ยังถือว่าได้อยู่ในระบบการศึกษาไทย ควบคู่กันไปกับการได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ภายใต้ความรักของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือน้องก้านตองเก่งด้านภาษาด้วยจนสามารถชนะการแข่งขันทดสอบความสามารถด้านภาษาที่มีนักเรียนโรงเรียนปริ๊นท์ฯ โรงเรียนในระบบ ชั้นนำของเชียงใหม่ เธอก็ชนะมาแล้ว นั่นพิสูจน์ว่าระบบโฮมสคูล สามารถสร้างเด็กเก่ง ฉลาด ได้ไม่แพ้กันแต่ที่สำคัญคือเด็กได้รู้จักตัวเอง เคยสังเกตมั้ยคะ เด็กสมัยนี้จบมาไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร เพราะเรียนมาตามระบบที่ไม่เปิดโอกาสให้แสวงหาตัวเอง ระบบโฮมสคูลจึงเป็นระบบที่ตอบปัญหาตรงนั้น คือพ่อแม่จะได้เห็นได้สังเกตว่าเด็กชอบอะไร สนใจด้านในและจะส่งเสริมเด็กได้ในระดับที่สูงขึ้นและถูกทางมากขึ้น
พ่อแม่หลายท่านรวมทั้งดิฉันเองมีความกังวลเรื่องวุฒิการศึกษา แต่เท่าที่ดิฉันได้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวนี้มีการศึกษาแบบโฮมสคูลที่ใช้ระบบจากอเมริกา ซื้อคอร์สมาเรียนที่บ้านแล้วสอบวุฒิจากอเมริกาเลย ซึ่งวุฒินั้นกระทรวงศึกษาในไทยก็รับรองด้วย ดิฉันเคยศึกษาวิสัยทัศน์ของคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ท่านกล่าวว่าต่อไปในอนาคต วุฒิการศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ จะเป็นเหมือนสมุด Book Bank ของธนาคารที่เราชอบธนาคารไหนก็ใช้บริการ ไม่ชอบก็เปลี่ยนเจ้าใหม่ สังคมจะไม่ยึดติดแค่วุฒิการศึกษาในไทยด้วยซ้ำ เพราะโลกนี้จะเสรีแล้ว เราควรให้ลูกเทคคอร์สแบบมาตรฐานสากลเอาไว้ด้วยซ้ำ เพราะ ONET ANET บ้านเราคืออะไรดิฉันก็ยังไม่เข้าใจ และฝืนใจมากถ้าต้องให้เด็กดิ้นรนเพื่อสิ่งนี้ที่ใช้ได้แค่ในประเทศไทย
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือมุมมองของพ่อแม่ที่ต้องเห็นภาพกว้างก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ง่ายนักอย่างที่บอกว่าต้องมีความกล้าหาญ อย่างดิฉันเองกำลังจะมีลูกชาย ดิฉันต้องคิดต่อไปว่าถ้าไม่เข้าระบบจะทำยังไงกับการเกณฑ์ทหาร เรียนรด. สารพัดค่ะสำหรับสิ่งที่ต้องคิดวางแผนเพื่อคุณภาพลูกน้อยคนนึง
ก่อนที่จะร่ายยาวไปกว่านี้ อยากลองให้ศึกษาการเรียนการสอนเด็กเล็กที่เรียกว่า "มอนเตสซอรี่" เป็นระบบของแพทย์หญิงมาเรีย มอนเตสซอรี่ ชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งทำวิจัยพฤติกรรมเด็กอย่างละเอียด ดิฉันก็ได้รับข้อมูลมอนเตสซอรี่จากสามีนี่แหละค่ะ ถึงได้เปิดใจรับฟังการเรียนนอกระบบมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องมีแผนการเรียนอนุบาลเลยด้วยซ้ำ เพราะวัยเด็กเขาควรจะได้เล่น ได้สนุก ได้มีความสุข แล้วพ่อแม่เป็นผู้สังเกต เขาเรียนรู้จากของเล่นและฝึกทักษะต่าง ๆ จากตรงนั้น และเราคือผู้สังเกตและส่งเสริมเขาแล้วก็ซึมซับให้เขาเข้ากับคนอื่นได้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียน ป.1 ต่อไป (ถ้าคุณพ่อแม่อยากให้เขาเข้าระบบโรงเรียน)
อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยสอนเด็กเองที่บ้านได้ และบางโรงเรียนใช้เป็นหลักสูตรสอนเด็กด้วย ถูกบรรจุไว้ในโรงเรียนรัฐบาลหลายแห่งด้วยคือ My First English Adventure เป็นระบบของประเทศอิสราเอลที่กระทรวงศึกษายอมรับ ลองเข้าไปดูคอนเสปกันได้ในนี้ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=oDdwPK36Zrw เสียงอาจจะไม่ค่อยชัดแต่จะได้เห็นภาพรวมที่คุณปีเตอร์ได้อธิบายเอาไว้ เน้นให้เด็กร้องเพลง เล่นเกม สนุกสนานโดยมีหุ่นมือเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงครู (หรือผู้ปกครอง) กับเด็กหรือลูกของเราเอง คุณปีเตอร์ก็เป็นเพื่อนกับสามีดิฉันด้วย ดังนั้นสามีก็สัมภาษณ์และเจาะแนวคิดการเรียนแบบนี้มาเรียบร้อยแล้วค่ะ
อีกหนึ่งเครื่องมือที่ดิฉันชอบมากคือระบบ My First Chinese ของประเทศจีนที่ใช้หลักการเดียวกับ My First English แต่ของจีนเกิดทีหลัง เข้าใจว่าคงเอามาปรับปรุง เป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นสอนเด็ก และเน้น Home School ด้วยค่ะ
และยังมีอีกระบบคือกึ่งโฮมสคูล ในเชียงใหม่ (ไม่ทราบในกรุงเทพมีมั้ย) จะมีโรงเรียนนานาชาติที่เราสามารถไปลงทะเบียนเพื่อให้เขาเป็นที่ปรึกษาด้านการเรียนตามอัธยาศัย โดยนำลูกไปใช้ห้องสมุด และเครื่องเล่นของโรงเรียนนานาชาตินั้นได้และทางโรงเรียนจะประเมินลูกเราให้ด้วย เรียกว่าจ่ายค่า consult และใช้ทรัพยากรของโรงเรียน ซึ่งก็จะทำให้ลูกของเราได้มีสังคมของเด็กและมีพัฒนาการตามวัย ดีกว่าอยู่กับพ่อแม่ตลอดทั้งวันค่ะ แบบที่บ้านเรียนน้องก้านตองทำก็คล้าย ๆ แบบนี้ค่ะ พาไป Y.M.C.A. เพื่อเรียนภาษา แล้วก็ให้อาจารย์ประเมินผลให้ ได้เจอเพื่อน ๆ ด้วย พาไปตามงานวิทยาศาสตร์เพื่อเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คือพ่อแม่ต้องทำหน้าที่มากกว่าหาเงินมาให้ลูกเข้าโรงเรียนค่ะ
มันมีเครื่องมือหลายอย่างในการช่วยพ่อแม่ทำโฮมสคูลค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเด็กที่เรียนโฮมสคูลจะเข้ากับเด็กในระบบยากเพราะถูกพัฒนาระบบความคิดมาไม่เหมือนกัน เราเลยต้องมองทางเลือกอื่นที่ไม่ขึ้นกับระบบการศึกษาไทยไว้บ้างแต่ยังสามารถได้วุฒิการศึกษาในระดับสากล และความจริงค่าใช้จ่ายถูกกว่าเรียนในโรงเรียนบ้านเราอีกนะคะมีคนทำสำเร็จมาแล้วแต่ดิฉันหาข้อมูลไม่เจอ
ยังไงพ่อแม่ท่านอื่นมีข้อมูลอะไรดี ๆ เก็บไว้ก็มาแลกเปลี่ยนกันนะคะ เพราะข้อมูลด้านนี้เยอะและหลากหลายมาก จะได้เป็นประโยชน์กับพ่อแม่ท่านอื่นค่ะ
ดิฉันไม่ได้เป็นสมาชิกถาวรของพันทิป ไม่แน่ใจว่าต่อไปล็อกอินจะเปลี่ยนหรือเปล่า ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนแล้วกันนะคะ "หม่ามี๊จูดี้" นะคะ
แสดงความคิดเห็น
Home School : ขอความช่วยเหลือเรื่องบ้านเรียนหน่อยครับ
ผมมีลูกชายอายุ 3 ขวบเเล้วเเละได้เพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติเเนะนำมาให้ทำบ้านเรียน Home School สอนลูกเองที่บ้าน
ภรรยากับผมก็ศึกษาเรื่องนี้พอสมควร จนได้ไปถามที่สำนักงานการศึกษาเขต ได้ความว่าขั้นเเรกต้องร่างหลักสูตรส่งให้เค้าดูก่อน
หลักสูตรอนุบาลนะครับ เพราะตั้งใจว่าจะใช้เวลาสอนลูกจนจบอนุบาลสาม
ไม่รู้ต้องเขียนอย่างไร ให้ผ่านเกณฑ์การประัเมินดี? ค้นดูตัวอย่างในเวปก็เป็นของเด็กประถม
จนปัญญาจึงขอความช่วยเหลือหน่อยครับ หรือท่านใดมีคำเเนะนำเรื่องนี้ก็บอกได้นะครับ
ผมจะได้นำมาเปรียบเทียบระหว่างบ้านเรียนกับโรงเรียนทั่วไป
ป.ล. แอบอ่านมานาน ได้กระทู้ในห้องนี้ช่วยไว้เยอะตอนมีลูกใหม่ๆ กระทู้เเรกเลยครับ