เปิดเรื่องราวชีวิต น้องแมน ฮีโร่วัย 13 ปี ที่โดดไปช่วยลูกพี่ลูกน้องที่กำลังจมน้ำ จนตัวเองต้องพิการ-ช่วยตัวเองไม่ได้ ผู้เป็นแม่เผยทั้งน้ำตา หวังปาฏิหาริย์แค่ลูกเอ่ยปากเรียก "พ่อแม่" ได้อีกครั้ง
จากเหตุการณ์น้องแมน หรือ ด.ช.อัครชัย สายนุช นักเรียนชั้น ป.6 ที่เห็นลูกพี่ลูกน้องกำลังจมน้ำจึงได้กระโดดลงไปช่วยจนสามารถขึ้นฝั่งได้ แต่ตัวน้องแมนกลับหมดแรงจมน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง เป็นเหตุทำให้สมองขาดอากาศหายใจ กลายเป็นเจ้าชายนิทรา ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2559 กระทั่งเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2559 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Prasarn Yaram นำเรื่องราวของน้องแมนมาเผยแพร่ เพื่อต้องการความช่วยเหลือให้กับครอบครัวน้องแมน [อ่านข่าว : วอนช่วย พี่ชายโดดช่วยน้องจมน้ำ จนตัวเองต้องพิการ-ช่วยตัวเองไม่ได้]
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 3 กันยายน 2559 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับครอบครัวน้องแมนที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งก็พบว่า น้องแมนยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แม้ว่าจะรู้สึกตัวดี แต่พูดไม่ได้แขนขาอ่อนแรง ทำให้นางสุวดี วอนอก อายุ 47 ปี ผู้เป็นแม่ ต้องคอยจับแขนขาเพื่อทำกายภาพให้กล้ามเนื้อเกิดการตื่นตัว
นอกจากนี้ นางสุวดี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้น้องแมน เรียนอยู่ที่โรงเรียนคลองแสนสุข ในชั้น ป.6 ซึ่งน้องแมนเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีมาก และเป็นเด็กร่าเริงชอบช่วยเหลือเพื่อน ๆ อยู่เสมอ ส่วนตนก่อนหน้านี้ก็ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในย่านถนนท้ายบ้าน มีรายได้วันละ 300 บาท ส่วนสามีก็มีอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ในซอยฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ มีรายได้ประมาณวันละ 300-400 บาท
กระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่าน ตนและสามีได้พาน้องแมนไปเยี่ยมญาติที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งขณะที่พักอยู่ที่นั้น หลาน ๆ ก็ได้ชักชวนกันไปเล่นน้ำในคลองระบายน้ำ ปรากฏว่า มีหลานซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของน้องแมนได้เกิดจมน้ำ ด้วยความที่น้องแมนเป็นเด็กที่โตกว่า จึงได้กระโดดลงไปช่วยลูกพี่ลูกน้องขึ้นมาได้ แต่ตัวเองกลับหมดแรงจมหายไปในน้ำ พอญาติ ๆ ทราบเรื่องก็ช่วยกันงมหาร่างของน้องแมน ก่อนจะรีบนำขึ้นมาทำการผายปอด และนำส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันแพทย์ระบุว่า น้องแมนขาดอากาศหายใจนานเกินไปทำให้สมองไม่สั่งงาน
หลังเกิดเรื่องตนและสามีก็ตัดสินใจพาน้องแมนเดินทางกลับมาพักที่ จ.สมุทรปราการ และตนก็ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาคอยดูแลน้องแมน ทุกวันนี้ ตนไม่ได้หวังว่าน้องแมนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่หวังเพียงว่า ขอให้น้องแมนมีอาการดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และอยากได้ยินน้องแมนเอ่ยปากเรียกคำว่า "พ่อแม่" อีกครั้งก็พอ
ขอขอบคุณ
kapook. com มาณที่นี้
น้องแมน กระโดดช่วยคนจมน้ำจนเป็นพิการ หวังกลับมาเรียกพ่อแม่อีกครั้ง
จากเหตุการณ์น้องแมน หรือ ด.ช.อัครชัย สายนุช นักเรียนชั้น ป.6 ที่เห็นลูกพี่ลูกน้องกำลังจมน้ำจึงได้กระโดดลงไปช่วยจนสามารถขึ้นฝั่งได้ แต่ตัวน้องแมนกลับหมดแรงจมน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง เป็นเหตุทำให้สมองขาดอากาศหายใจ กลายเป็นเจ้าชายนิทรา ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2559 กระทั่งเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2559 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Prasarn Yaram นำเรื่องราวของน้องแมนมาเผยแพร่ เพื่อต้องการความช่วยเหลือให้กับครอบครัวน้องแมน [อ่านข่าว : วอนช่วย พี่ชายโดดช่วยน้องจมน้ำ จนตัวเองต้องพิการ-ช่วยตัวเองไม่ได้]
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 3 กันยายน 2559 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับครอบครัวน้องแมนที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งก็พบว่า น้องแมนยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แม้ว่าจะรู้สึกตัวดี แต่พูดไม่ได้แขนขาอ่อนแรง ทำให้นางสุวดี วอนอก อายุ 47 ปี ผู้เป็นแม่ ต้องคอยจับแขนขาเพื่อทำกายภาพให้กล้ามเนื้อเกิดการตื่นตัว
นอกจากนี้ นางสุวดี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้น้องแมน เรียนอยู่ที่โรงเรียนคลองแสนสุข ในชั้น ป.6 ซึ่งน้องแมนเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีมาก และเป็นเด็กร่าเริงชอบช่วยเหลือเพื่อน ๆ อยู่เสมอ ส่วนตนก่อนหน้านี้ก็ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในย่านถนนท้ายบ้าน มีรายได้วันละ 300 บาท ส่วนสามีก็มีอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ในซอยฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ มีรายได้ประมาณวันละ 300-400 บาท
กระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่าน ตนและสามีได้พาน้องแมนไปเยี่ยมญาติที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งขณะที่พักอยู่ที่นั้น หลาน ๆ ก็ได้ชักชวนกันไปเล่นน้ำในคลองระบายน้ำ ปรากฏว่า มีหลานซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของน้องแมนได้เกิดจมน้ำ ด้วยความที่น้องแมนเป็นเด็กที่โตกว่า จึงได้กระโดดลงไปช่วยลูกพี่ลูกน้องขึ้นมาได้ แต่ตัวเองกลับหมดแรงจมหายไปในน้ำ พอญาติ ๆ ทราบเรื่องก็ช่วยกันงมหาร่างของน้องแมน ก่อนจะรีบนำขึ้นมาทำการผายปอด และนำส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันแพทย์ระบุว่า น้องแมนขาดอากาศหายใจนานเกินไปทำให้สมองไม่สั่งงาน
หลังเกิดเรื่องตนและสามีก็ตัดสินใจพาน้องแมนเดินทางกลับมาพักที่ จ.สมุทรปราการ และตนก็ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาคอยดูแลน้องแมน ทุกวันนี้ ตนไม่ได้หวังว่าน้องแมนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่หวังเพียงว่า ขอให้น้องแมนมีอาการดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และอยากได้ยินน้องแมนเอ่ยปากเรียกคำว่า "พ่อแม่" อีกครั้งก็พอ
ขอขอบคุณ
kapook. com มาณที่นี้