เสียงสะท้อน“สายสีม่วง”ผู้ใช้จริงพอใจแค่ไหน? ลุ้นรอด-ไม่รอด อนาคตรถไฟฟ้าชานเมือง

ที่มา:  http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1472822541




หนึ่งเดือนแล้ว...หลังรถไฟฟ้าที่แล่นพาดผ่านชานเมือง สายสำคัญที่รอคอยกันมายาวนานถึง 6 ปี เปิดหวูดให้บริการประชาชนอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา

เสียงสะท้อนกลับต่อ “สายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน”  เป็นกระแสที่ถูกจับตามองอย่างไม่ลดละ มีแต่มากขึ้นและมากขึ้นต่อไปอีก เมื่อเปิดเผยตัวเลข “ขาดทุน” พุ่งสามล้านบาทต่อวัน  จากยอดผู้ใช้บริการที่เคยตั้งเป้าไว้ที่วันละ 73,000 คนต่อวัน แต่มีคนใช้จริงแค่วันละ 22,000 คนต่อวันเท่านั้น จำนวนที่หายไป 50,000 กว่าคน...ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

หรือการลดราคาอาจจะช่วยได้ ? การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เดินหมากแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ประเดิมลดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วงกระหน่ำ 50 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 14-42 บาท เหลือ 14-29 บาท สำหรับผู้ใช้บัตรเติมเงิน (MRT Plus) เท่านั้น ผู้ใช้เที่ยวเดียวแบบหยอดเหรียญอดไป  พร้อมทั้งดึงดูดผู้ใช้รถยนต์ด้วยการลดค่าจอดรถแบบจอดแล้วจร แบบรายวันจากเดิมอัตรา 10 บาท เหลือ 5 บาท ต่อ 2 ชั่วโมง และรายเดือนจากเดิม 1,000 บาท เหลือ 500 บาทต่อเดือน ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป

หวังกระตุ้นให้คนมาใช้สายสีม่วงมากยิ่งขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์  แล้วจะได้ผลหรือไม่...ก็ยังลุ้นกันอยู่





ลองฟังเสียงประชาชนผู้ใช้ “จริงๆ” กันบ้าง "ประชาชาติธุรกิจออนไลน์" พาสำรวจบรรยากาศการใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงหลังกำลังจะเปิดครบ 1 เดือน เสียงตอบรับเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้นแค่ไหน ราคาค่าโดยสารเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่า และพวกเขาต้องการให้แก้ไขเพิ่มเติมอะไรบ้าง

และดราม่าปรากฏการณ์ "ฟันหลอ" ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีเตาปูน และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ ระยะทางหนึ่งกิโลเมตรกับบริการรถเมล์ฟรีส่งถึงที่ จะ "สะดวก" หรือ "เสียเวลา" กันแน่


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

รถไฟใหม่ วิวสวย นั่งสบาย กระจกบานใหญ่ ได้อารมณ์สไตล์ญี่ปุ่น  โดยใช้เวลาจากสถานีเตาปูนไปสถานีบางใหญ่ราว 45 นาที...








จากการพูดคุยกับผู้ใช้จริงหลากช่วงวัยหลายอาชีพ พบว่าส่วนใหญ่ยัง “ให้อภัย” ในข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ เช่นการเปิดประตูไม่ตรงกับช่องทางออก การหยุดเดินรถชั่วคราวด้วยเหตุขัดข้องบางประการ ด้วยความเหตุผลที่ว่าสายสีม่วงเพิ่งเปิดให้ใช้แค่หนึ่งเดือนเอง ต้องรอให้ระบบเขาเข้าที่ก่อน บางรายถึงกับยกตัวอย่างพาดพิงถึงบีทีเอสที่วิ่งมานานเป็น10 ปี ยังเกิดเหตุขัดข้องอยู่เลย...แต่ก็ขอให้ปรับปรุง





ด้านบริการ “ห้องน้ำ” แก้ปัญหาข้าศึกบุกตอนอยู่ในสถานี เห็นจากรีวิวแล้วอยากลองใช้มาก แต่ประตูกลับถูกล็อกไว้ ต้องเดินไปบอกว่าเราต้องการใช้ห้องน้ำ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ยินดีที่จะมาเปิดให้  โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งระบุว่าเปิดให้บริการประชาชนแต่มีระเบียบให้ล็อกไว้ ใจจริงอยากให้เปิดให้ทุกคนใช้ได้เลย





หันมาพูดเรื่องราคาหลายคนยังว่าแพงไป แต่หลายคนก็พอรับได้ และการลดราคาคเป็นสิ่งที่ดีมาก ควรทำต่อเนืองเพราะต่างหวังว่าคนจะเลือกมาใช้บริการเพิ่มขึ้น...





แล้วประเด็น “ฟันหลอ” ล่ะ ?  เมื่อช่วงเช้า 7.30 – 9.00 น. ของวันพุธ เดินลงมาจากสถานีเตาปูนเพื่อมาขึ้น “รถเมล์ชัตเติลบัส”  รอคิวสักพักก้าวเดินขึ้นรถเลย และสังเกตพบว่ามีรถชัตเติลบัสจอดรอสแตนบายอยู่ถึง 5 คัน โดยใช้เวลา 10-15 นาที ฝ่ารถติดหนึ่งไฟแดงไปถึงสถานีบางซื่อ (คาดว่าหลังจากมีกระแสข่าวปัญหาคนต่อคิวยาวเหยียด จึงมีการเพิ่มรถโดยสารบริการมากขึ้น)








หลายคนตัดสินใจเลือกบริการจักรยานยนต์รับจ้าง ด้วยความรวดเร็วแค่ 5 นาทีจากสถานีเตาปูนถึงสถานีบางซื่อ อัตราค่าบริการ 20 บาทตามเดิม โดยพี่วินรายหนึ่งเล่าให้เราฟังว่าตั้งแต่มีการเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์





เสียงสะท้อนจากเหล่าผู้ใช้จริงยังคงให้  “กำลังใจ”  สายสีม่วงด้วยความเห็นที่ว่าเป็น “ความลำบาก” ที่ยังพอรับได้ แต่ขอแค่สร้างเชื่อมต่อให้ได้เร็วๆเถอะ อุดฟันหลอจุดนี้ให้ได้...ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

รฟม.มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด “สายสีม่วง” เพราะการตั้งเป้าจะดึงผู้ใช้หน้าใหม่ให้เพิ่มขึน 30 เปอร์เซ็นต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเปรียบเทียบกับบีทีเอสที่ต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษกว่าจะทำกำไร  จากปี 2542 จากคนใช้แค่แสนคนต่อวัน จนถึงทุกวันนี้พุ่ง 8-9 แสนคนต่อวันได้นั้น ต้องดูบริบททางพื้นที่และการเดินทาง





อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ความแตกต่างคือการเดินทางสายสีม่วงเป็นรถไฟชานเมืองจากเมืองนนท์เข้าเตาปูน รถจะติดแค่ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น แต่เวลาอื่นรถยนต์ยังวิ่งได้สบาย ซึ่งทำให้สายสีม่วงยังต้องต่อสู้กับคู่แข่งรายสำคัญคือ “รถตู้





ส่วนบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน เป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งเข้ากลางกรุงเทพฯ จุดศุนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศอย่างอโศก สาทรและสยาม รถจึงติดตลอดทั้งวัน ผู้คนเลือกใช้รถไฟฟ้ามากกว่าเพราะหลีกเลี่ยงการเสียเวลาและเสียอารมณ์ไปกับการจราจรทางถนนกลางกรุงเทพฯ ที่เหมือนปัญหาโลกเเตกที่เเก้ไม่ได้

ขณะที่บริบททางพื้นที่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงแล่นผ่านแหล่งทำงานขนาดเล็ก  มีศูนย์ราชการเพียงไม่กี่แห่งเช่น กระทรวงสาธารณสุข คนไม่พลุกพล่านมาก หมู่บ้านที่อยู่อาศัยค่อนข้างอยู่ห่างจากสถานีต่างๆ

แต่บีทีเอสและรถไฟสายสีน้ำเงินผ่านบริษัทใหญ่ แหล่งรวมออฟฟิศ คนต่างเข้าไปทำงาน ท่องเที่ยวและช็อปปิ้ง ปริมาณการกระจุกตัวของคนไม่สามารถเปรียบเทียบจำนวนกันได้





งานหนัก...งานหินของรฟม.ที่ต่อไปจากนี้จะต้องแบกรับการขาดทุนวันละ 3 ล้าน (เป็นอย่างต่ำ) เฉพาะหน้าคือต่องเร่งเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟเข้ากลางกรุงให้ได้เร็วที่สุด ไม่ใช่แค่สายสีม่วง ยังต้องคิดถึง “สายสีแดง-สายสีเขียวส่วนขยาย”  รถไฟชานเมืองที่กำลังจะมีในอนาคต

โดยสิ่งสำคัญที่จำเป็นที่สุดคือกลับไปคิดแก้ปัญหาว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะคนในพื้นที่ออกมาใช้บริการเพิ่มขึ้นได้อย่างไร แม้ รฟม.จะบอกว่าไม่เน้นเรื่องกำไรขาดทุน ทำใจขาดทุน 11 ปีเพราะเป็นบริการสาธารณะ และคาดหวังว่าระยะยาวจึงจะคุ้มทุนก็ตาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่