ดูกันชัดๆรถไฟไทยจีน *** อินทรี ***

มีข่าวเล็กๆที่อ่านแล้วเกิดอาการคันคะเยอขึ้นมาทันควัน

ข่าว นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือทวงถามไปยังบริษัทคอฟโก ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่จัดซื้อข้าวของรัฐบาลจีน

เพื่อสอบถามและติดตามความคืบหน้าสัญญาซื้อข้าว 2 ล้านตัน ซึ่งรัฐบาลจีนได้ลงนามเอ็มโอยูกับรัฐบาล คสช.ของไทย

“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆพอสังเขปว่า รัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทยได้เซ็นสัญญาทวิภาคีเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

โดยฝ่ายจีนยินดีจะสั่งซื้อข้าวไทยลอตใหญ่ 2 ล้านตัน

แบ่งเป็นข้าวฤดูใหม่ 1 ล้านตัน และข้าวสต๊อกเก่าอีก 1 ล้านตัน

สัญญาระบุว่า จีนจะสั่งซื้อข้าวไทย 1 ล้านตันแรกภายใน 1 ปี

และจะสั่งซื้อข้าวส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านตันในปีต่อไป

บัดนี้ล่วงเลยมาปีกว่า สัญญาซื้อข้าวจีทูจี 2 ล้านตัน ที่เซ็นเอ็มโอยูกันไว้ ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรม

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจึงต้องส่งหนังสือไปทวงถามความคืบหน้าว่า เมื่อไหร่พี่ใหญ่จีนจะเปิดออเดอร์ซื้อข้าวไทยลอตแรก 1 ล้านตันตามข้อตกลง??

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล

“แม่ลูกจันทร์” ไม่อยากขยายประเด็นนี้ให้กระเทือนซาง

แต่เชื่อว่าการที่จีนยังไม่ซื้อข้าว 2 ล้านตันจากไทย น่าจะมีสาเหตุจากโครงการร่วมทุนรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน

ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ฝ่ายจีนต้องการ

เจรจายืดเยื้อมาแล้ว 13 ครั้ง ก็ยังปิดจ๊อบไม่ลง

ยังปิดจ๊อบไม่ลง เพราะพี่เบิ้มจีนตั้งเงื่อนไขเอาเปรียบไทยทุกประตู

เหตุที่ต้องเจรจายืดเยื้อถึง 13 ครั้ง เพราะหัวหน้าทีมไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ยังไม่ยอมรับเงื่อนไขที่ฝ่ายจีนเสนอมา

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้ ไม่มีการประมูลประกวดราคา

ฝ่ายจีนออกแบบเอง ก่อสร้างเอง โดยใช้วัสดุก่อสร้างที่นำเข้าจากจีน

จีนเป็นผู้กำหนดสเปกเองทุกขั้นตอน

ข้อสำคัญคือ ต้องใช้ขบวนรถไฟที่ผลิตจากจีน ต้องใช้ระบบอาณัติสัญญาณของจีน และใช้เทคโนโลยีจีนครบวงจร

มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการเป็นเงินเท่าใด จีนเป็นฝ่ายกำหนดราคา

พูดง่ายๆ เป็นรถไฟจีน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สร้างบนแผ่นดินไทยเท่านั้นเอง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ล่าสุดจีนยังขอเพิ่มเงื่อนไขให้ไทยต้องกู้เงินหยวนจากจีนมาลงทุนโครงการ

มัดมือชกให้ไทยต้องจ่ายดอก เบี้ยให้จีน

แถมยังเรียกร้องว่า ถ้าหากโครงการก่อสร้างต้องล่าช้าออกไป ฝ่ายไทยต้องจ่ายชดเชยความเสียหายให้ฝ่ายจีน

“แม่ลูกจันทร์” ฟังแล้วอึ้งกิมกี่ไป 3 ชั่วโมง

สรุปว่า การประชุมครั้งที่ 13 ได้เห็นลายมังกรชัดเจน

คาดว่าการเจรจาต่อรอบที่ 14 ซึ่งกำหนดวันที่ 19–21 กันยายน ที่ กทม. จะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่า 13 ครั้งที่ผ่านมา

เห็นลายมังกรแล้ว อาจได้เห็นเขี้ยวมังกรของจริง.

“แม่ลูกจันทร์”
http://www.thairath.co.th/content/710525
อยากให้พวกอวยจีนและหลายๆฝ่ายดูให้ดีว่าจีนเอาเปรียบไทยหรือไม่
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
นี่แหละคือวิธีบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นในการปฏิเสธ จึงต้องเพิ่มเงื่อนไขที่ดูแล้วฝ่ายเราเสียเปรียบให้มากที่สุด และจะถอยไปเอง

ยิ่งรู้ว่าเราไปหาประเทศอื่นก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครคบด้วย ยิ่งง่ายไปใหญ่

เห็นหรือยังว่า การถูกโดดเดี่ยวนั้นทำให้เราเสียหายมากแค่ไหน

อย่าไปตำหนิทางจีนเขาเลย แม้แต่ธุรกิจเล็กๆก็ทำกันแบบนี้ ถ้าไม่อยากจะค้าขายร่วมกันต่อไป คนที่ทำการค้าจะมองออกนะฮ้า
ความคิดเห็นที่ 20
ถ้ามีใครยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ว่าถนนลูกรัง ยังมีอยู่เต็มประเทศ เลยสงสัยว่าจะทำรถไฟความเร็วสูงได้หรือ คนอนุมัติไม่ผิดกม. หรือบรรทัดฐานเรื่อถนนลูกรัง ของศาลรัฐธรรมนูญหรือ ?
ความคิดเห็นที่ 8
เวลาอ่านอะไรที่คอลัมนิสต์เขียน
ผมจะเชื่อมั่นบางอย่างนะว่า นักข่าวรู้มากกว่าเรา
แต่... หลังจากที่ผมอ่านหนังสือพิมพ์มากว่า ๓๐ ปี
ผมเคยเจอ เนื้อหาเดียวกัน แต่คอลัมนิสต์สองสามคน เขียนไม่เหมือนกัน

แม่ลูกจันทร์เป็นใคร ผมไม่เคยสนใจนะ รู้แต่ว่าก็เก่าแล้ว
การเชื่อมโยงของแม่ลูกจันทร์ดูมีเหตุผลทีเดียว
แต่ความจริงเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้หรอก
แยกออกมั้ยครับ เรื่องดูมีตรรกะเหตุผล แต่ความจริงเป็นอย่างไรมันไม่แน่

ผมอ่านดูแล้วก็เฉยๆนะ อย่างแรก ผมไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการเจรจากับจีน
อย่างที่สอง ผมไม่ใช่รัฐบาล ที่จะต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องขายข้าว
อย่างที่สาม ผมไม่เคยรอคอยรถไฟฟ้าความเร็วสูงอะไรทั้งนั้น
อย่างที่สี่ สำหรับผมแล้ว ความเห็นในหนังสือพิมพ์ กับความเห็นในพันทิป ผมก็ให้ค่าเท่ากันนั่นแหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่