[CR] รีวิวหนัง: แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว: อยากให้เวลาเดิน..ช้าๆ (สปอยด์เล็กน้อย)

หนุ่มไอทีผู้ไร้ตัวตนอย่างเด่นชัย กับการแอบหลงรักเพื่อนร่วมงานสาวอย่างนุ้ย ที่เหมือนหมามองเครื่องบิน แต่ความฝันก็กลายเป็นจริงหนึ่งวันเมื่อนุ้ยเกิดความจำเสื่อมชั่วคราว และเหลือเพียงเด่นชัยกับเธอที่ฮ็อกไกโด และเด่นชัยก็อ้างว่าเขาเป็นแฟนเธอ หนึ่งวันที่เขาและเธอต้องเป็นแฟนกัน อาจเป็นแค่วันที่ผ่านไปแล้วลบเลือนไปจากความทรงจำของคนหนึ่ง แต่เป็นวันหนึ่งที่อีกคนจะจดจำไว้ในใจตลอดไป

ผลงานเรื่องแรกของค่าย GDH เหล้าเก่าในขวดเก่าแต่ยี่ห้อใหม่ สร้างความคาดหวังให้กับคนดูได้มากพอควร ทั้งจากชื่อเสียงและเครดิตเดิมๆของค่าย ชื่อผู้กำกับคือโต้ง บรรจง ที่ทำหนังเข้าเป้ามาโดยตลอด และความเป็นงานหนังเรื่องแรกที่ค่ายจะยอมเสียชื่อไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่กล้าวางใจเต็มร้อยเนื่องจากความที่หนังต้องประสบสำเร็จ อาจทำให้หนังทำทุกอย่างเพื่อขาย (ที่เห็นชัดเจน จากการวางตัวพระเอกเป็นเต๋อ ฉันทวิชย์ และหน้าหนังที่ชวนให้นึกถึงกวนมึนโฮ) และอาจไปถึงขั้นที่ใส่จุดขายที่ไร้รสนิยม (เช่นมุขตลกใน ATM เออรัก..เออเร่อร์ หรือ ไอฟาย..แทงกิ้ว..เลิฟยู้) เข้ามาในหนัง แต่โชคดีที่หนังยังสามารถคุมโทนของตัวเองเอาไว้ได้ และไม่ได้ใส่อะไรอย่างที่กลัว ซึ่งแม้แต่เต๋อ ก็ยังดูแตกต่างจากผลงานก่อนๆ และเนื้อหาอารมณ์หนังก็แตกต่างจากกวนมึนโฮ ทำให้กลายเป็นผลงานประเดิมค่ายใหม่ที่น่าพอใจ และรักษาศรัทธาคนดูหนังไทยเอาไว้ได้ แม้จะแตกออกจากบริษัทเดิม (GDH หมดห่วงไปเปราะ ต่อไปต้องลุ้น T-Moment ต่อ)

โดน1: นักแสดงนำทั้งสอง เต๋อและมิว ซึ่งเล่นกันแค่สองคนกว่าครึ่งเรื่อง แต่สามารถเอาอยู่ทั้งคู่ เต๋อกับการพลิกบทให้แตกต่างจากเต๋อเรื่องก่อนๆ เป็นหนุ่มเนิร์ด เก็บตัวอยู่คนเดียว ปากเสียไม่มีหูรูด และไม่อยู่ในสายตาของคนอื่น ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงทั้งกายภาพและลักษณะท่าทาง ส่วนมิวพกพาเอาความสดใสน่ารักมาขึ้นจอให้คนดูหลงรัก แต่พอถึงจังหวะที่ต้องดราม่า ต้องเศร้า ต้องเกลียดตัวเอง ก็สามารถดึงอารมณ์คนดูให้ขึ้นไปสูงสุดได้เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ที่การแสดงของมิวตรึงคนดูได้อยู่หมัดอย่างต่อเนื่อง

โดน2: การคุมโทนหนังของผู้กำกับโต้ง บรรจง ที่ใช้แนวโรแมนติก ดราม่า มานำหนังมากกว่าคอมเมดี้ที่เป็นจุดเด่นของตัวเองจากผลงานก่อนๆ โดยฉากตลกจะเป็นแค่อมยิ้มตามหรือหัวเราะเบาๆ แต่ไม่โฉ่งฉ่าง (ทั้งที่ตัวละครที่เป็นเพื่อนร่วมงานหลากหลายสามารถเอามาเล่นคอมเมดี้ได้เยอะแยะ แต่ผู้กำกับเลือกเล่นแค่พอประมาณ และไม่ให้บทตลกนำเนื้อหนัง) และส่วนตัว ชอบการที่เฉลยบางอย่างโดยใช้แฟลชแบ็ค แล้วทำให้อารมณ์หนังเปลี่ยนไป (เช่นฉากย้อนอดีตว่าเด่นชัยเคยจีบนุ้ยมาก่อน หรือฉากที่นุ้ยไม่ลงลิฟท์พร้อมเด่นชัย) รวมถึงการที่ผู้กำกับตามเก็บรายละเอียดต่างๆที่วางเอาไว้อย่างครบถ้วน

โดน3: คุณภาพการถ่ายทำ การถ่ายภาพ ดนตรีประกอบ เป็นงานที่มาตรฐานสากล โดยเฉพาะเมื่อส่วนใหญ่ของหนังถ่ายทำในญี่ปุ่น ซึ่งการทำงาน การเซ็ตอัพฉาก ตัวละคร กล้อง ยากกว่าการถ่ายทำในโรงถ่ายหรือในไทยอยู่แล้ว แต่งานที่ออกมาดูลื่นไหล ไม่สะดุด มีงานภาพที่ดีและสวยงามหลายฉาก และได้บรรยากาศของญี่ปุ่นที่เป็นธรรมชาติ (หนังถ่ายต่างประเทศบางเรื่องภาพสวย แต่ปรุงแต่งเน้นยำว่าเป็นต่างประเทศจนดูแข็ง)

โดน4: เพลงประกอบหนัง ทั้งฝันลำเอียง และวันหนึ่ง ทั้งเพราะ ทั้งมีความหมายดี และเข้ากับหนัง (ตอนนางเอกฟังเพลงแล้วนึกชื่อเพลง ชื่อนักร้อง ไม่ออก อยากเข้าไปบอกมาก ฝันลำเอียงของพี่แจ้) ซึ่งต้องชมผู้กำกับว่าเลือกเพลงเก่ง มีรสนิยม ซึ่งเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เสียดายนิดนึง มีอีกเพลงนึงที่ตอนดูหนังเพลงนี้ลอยเข้ามาในหัวตลอด แต่บังเอิญผู้กำกับเลือกเพลงนี้ไปใส่ในพี่มาก..พระโขนงไปแล้ว คือเพลงอยากหยุดเวลา ซึ่งเนื้อเพลงตรงตัวหนังมากๆ

โดน5: ชอบที่หนังใช้การค่อยๆไล่ระดับถ่ายเท ซึ่งมี 2 จุดใหญ่ๆ จุดแรกคือตัวละครที่เริ่มจากให้คนดูรู้จักตัวละครเด่นชัยทุกอย่าง ในขณะที่รู้จักนุ้ยแค่ผิวเผิน แต่พอหนังเดินเรื่อง เริ่มมีการถ่ายเทน้ำหนักไปทางนุ้ยและให้คนดูได้รู้จักนุ้ยในหลากหลายแง่มุมมากขึ้นรวมถึงตัวตนจริงๆของเธอ อีกจุดหนึ่งคือชอบการที่หนังให้ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งคู่เริ่มจากเรื่องโกหก (lie) แล้วค่อยๆถ่ายเทให้กลายเป็นเรื่องจริง (real) มากขึ้น โดยเมื่อเริ่มคบกัน เด่นชัยโกหก แต่พอถึงจุดๆหนึ่ง การเป็นแฟนเริ่มกลายเป็นความจริง ตามด้วยการรู้จักตัวตนที่แท้จริงที่ไม่โกหก และการเปิดเผยความรู้สึกในใจจริงๆ นอกจากนี้ หนังเน้นย้ำหลายครั้งถึง lie กับ real ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ ซึ่งเมื่อนุ้ยได้เห็นตัวตนที่เป็นตัวจริงของเธอ เธอก็ไม่สามารถอยู่ในโลกโกหกได้ต่อไป

โดน6: ชอบจังหวะหนังสองช่วงมากๆ คือจังหวะที่ขึ้นชื่อหนัง และจังหวะในฉากจบ

ไม่โดน1: ความไม่น่าเชื่อถือในรายละเอียดหนังบางอย่าง เช่นใน 1 วัน ตัวละครเดินทางจากรีสอร์ตคิโรโร่ ผ่านโนโบริเบทสึ ฮาโกดาเตะ ซับโปโร ซึ่งไม่น่าทำได้ (แถมยังมีเรื่องราวให้การเดินทางชะงักเป็นช่วงๆ) หรือการที่บริษัทไปทัวร์ฮ็อกไกโดช่วงนั้น แต่กลับไม่พาคนในบริษัทไปเที่ยวเทศกาลหิมะที่เขาจัดกันประมาณ 2 สัปดาห์ เหลือแค่พระเอกนางเอกไปเที่ยวในวันสุดท้ายของเทศกาลใน 2 วันถัดจากคนอื่นเดินทางกลับไทย) รวมถึงโรคความจำเสื่อมชั่วคราวของนางเอก ที่ถึงแม้หนังจะพยายามอธิบายและหาอ้างอิง แต่ก็ยังไม่น่าเชื่อ หรือถ้าเกิดจริง หมอก็คงไม่ปล่อยให้คนไข้เดินทางตะลอนท่องเที่ยวทั้งวันขณะมีอาการนี้มั้ง

ไม่โดน2: อันนี้แซวเฉยๆ หนังปูเรื่องให้เด่นชัยไร้ตัวตน ไม่เข้าสังคม แต่คนที่กล้าแต่งตัวประมาณนั้นในงานแฟนซีบริษัท คงไม่ถึงกับไร้ตัวตนมั้ง (จริงๆก็เข้าใจนัยที่หนังจะสื่อ แต่มันเกินบุคลิกตัวละคร)



ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่เพจ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่