ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 1/9/2016 (วีรบุรุษห้วยขาแข้ง)

กระทู้คำถาม


  ***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น



วันที่ 1 กันยายนของทุกปี เป็นวันสืบ นาคะเสถียร เป็นวันรำลึกการจากไปของนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในตำนาน
เสียงปืนที่ลั่นขึ้นกลางป่าห้วยขาแข้งในวันที่ 1 กันยายน 2533 เขาได้สละชีวิตโดยหวังว่าจะมีส่วนทำให้ผู้คนหันมามองป่ามากกว่าเดิม  

สืบ นาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียร เป็นชายคนหนึ่งที่รักป่ายิ่งกว่าชีวิตและอุทิศตัวเองทั้งชีวิตและจิตวิญญาณเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าเอาไว้



สืบซาบซึ้งเป็นอย่างดีถึงปัญหาการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่มีเพียงเงินเดือนของลูกจ้างรายวัน เขาจึงพยายามทุกวิถีทาง
ที่จะหาเงินทุนมาเป็นสวัสดิการแก่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของห้วยขาแข้ง เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการทำงานที่เสี่ยง
ด้วยความรักลูกน้อง สืบยอมแบกภาระที่ทางราชการจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องช้า ด้วยการไปขอยืมเงินจากแม่
เพื่อนำไปให้ลูกจ้างรายวันในป่ายืมก่อน เพราะเงินเดือนของพวกเขาตกเบิกช้ามาก

สมัยที่สืบเป็นหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าที่เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี เขาต้องทำงานแข่งกับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
จากการสร้างเขื่อน จนช่วยชีวิตสัตว์เอาไว้ได้ 1,364 ตัว แต่สืบรู้ดีว่ามีสัตว์อีกนับจำนวนมหาศาลที่ตายจากการสร้างเขื่อนในครั้งนั้น
สืบไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนใหญ่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จึงได้ต่อสู้คัดค้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน จ.กาญจนบุรี
สืบชี้ให้เห็นถึงบทเรียนจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน เขาจะเริ่มต้นการอภิปรายทุกครั้งว่า “ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่า

สืบรักป่าไม้และสัตว์ป่ามากๆ



สืบ พยายามคัดค้านการให้สัมปทานป่าไม้ ในยุคก่อนที่จะมี พรบ. ปิดป่าเกิดขึ้น โดยแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา
อย่างไม่เกรงกลัวว่า... “คนที่อยากอนุญาตให้ทำไม้ก็คนกรมป่าไม้ คนที่จะรักษาก็เป็นกรมป่าไม้เหมือนกัน

สืบ ได้พยายามผลักดันให้มีการจัดการพื้นที่ป่ากันชนซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามแนวป่ากันชนด้านตะวันออกของห้วยขาแข้ง
แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่และคนในพื้นที่

สืบ ให้ความสำคัญกับงานเผยแพร่มาก เขาลงมือทำด้วยตนเอง ทั้งออกแบบนิทรรศการ เขียนโปสเตอร์ เขียนบอร์ด ตัดภาพ
เขาควักกระเป๋าออกเงินเอง ทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่เช้าจนค่ำ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

สืบ พยายามจะบอกให้สังคมทราบถึงความสำคัญของผืนป่าตะวันตก สืบเคยกล่าวเอาไว้ว่า...
“ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง เปรียบเสมือนเป็นหัวใจของผืนป่าตะวันตก ถ้าจะรักษาป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
และห้วยขาแข้งไว้ให้ได้ ก็จะต้องรักษาป่าอนุรักษ์ที่อยู่รายล้อมไว้ให้ได้ด้วย”

แผนที่จำลองป่าห้วยขาแข้ง และบริเวณใกล้เคียง


เมื่อสืบ นาคะเสถียรเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้พบปัญหามากมาย อาทิเช่น การตัดไม้ทำลายป่า
การล่าสัตว์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าถูกยิงเสียชีวิต สืบรู้ดีว่าปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้โดยคนเพียงไม่กี่คน
แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เขาพยายามที่จะบอกให้สังคมรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับป่า และพยายามจัดประชุม
ให้เกิดความร่วมมือระหว่างข้าราชการฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ผู้นำชุมชน ฯลฯ

แต่แล้ว เสียงที่เขาพยายามตะโกนออกไป ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครตอบกลับ ทุกคนเมินเฉย ไม่มีใครอยากที่จะมารับรู้และให้ความสนใจ
จึงเป็นที่มาของเสียงปืนพร้อมจดหมายลาตายในวันที่ 1 กันยายน 2533

ชีวิตก่อนความตาย สืบเคยรวบรวมข้อมูลของผืนป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ส่งให้ยูเนสโก้พิจารณาให้เป็นมรดกโลก
เพื่อเป็นการันตีให้ผืนป่าตะวันตกได้รับความคุ้มครองจากองค์กรสากลโลก



การตายของสืบ ทำให้เกิดกระแสสังคม ห้วยขาแข้งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก นักการเมืองออกมาให้สัมภาษณ์
ศิลปินแต่งเพลง นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนเดินขบวน นับเป็นการจุดประกายการอนุรักษ์ขึ้นในเมืองไทย

- หงา คาราวาน ได้แต่งเพลงชื่อ "สืบ นาคะเสถียร" เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่สืบ
- แอ๊ด คาราบาว ได้แต่งเพลงชื่อ "สืบทอดเจตนา" เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่สืบเมื่อปี พ.ศ. 2533 ในอัลบั้ม "โนพลอมแพลม"
- ประภาส ชลศรานนท์ ได้แต่งเพลงชื่อ "ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน" เพื่อระลึกถึงสืบ ขับร้องโดย วิยะดา โกมารกุล ณ นคร


สืบ นาคะเสถียร จึงกลายเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน เป็นต้นแบบของนักอนุรักษ์ชาวไทย ความรักและความจริงใจที่สืบมีให้กับป่า
กลายเป็นความศรัทธาที่ถูกส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น เป็นที่มาของคำว่า “หนึ่งคนตาย ล้านคนตื่น”




ขอคาราวะดวงวิญญาณของนักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้จุดประกายให้เกิดวงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม



“ใบแรกร่วงหล่นลงพื้น ใบอื่นร่วงตามทับถม กลบมิดใบเก่าเจ้าจม ทับถมเป็นทางให้เดิน”
       การทำงานใหญ่ จะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมแรงรวมใจกัน


1 กันยายน 2533 สืบสะสางงาน และเขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อย ก่อนกระทำอัตวิบาตกรรม
เพื่อเรียกร้องให้สังคมและราชการหันมาสนใจปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่างจริงจัง

18 กันยายน 2533 ผู้ใหญ่และพ้องเพื่อนนักอนุรักษ์ ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของสืบ

26 เมษายน 2536 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินมาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
เพื่อทรงเปิดอนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร

ปี 2542 มี การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศว่า ในรอบ 50 ปี ท่านเสียดายการจากไปของสามัญชนผู้ใดมากที่สุด
ปรากฏว่าสืบ นาคะเสถียร ติดอับดับที่ 2


ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://ppantip.com/topic/32512375
http://hilight.kapook.com/view/28357
http://www.seub.or.th/
http://2g.ppantip.com/cafe/gallery/topic/G12367828/G12367828.html

...........................................................


น้ำตาเทียน จะต้องรอจนเทียนลุกไหม้หมดสิ้นจึงแห้งได้ เทียนยินยอมเผาผลาญตัวเองจนกลายเป็นกองน้ำตา
เพียงเพื่อให้แสงสว่างแก่ผู้อื่นเท่านั้น การกระทำเยี่ยงนี้ ไยมิใช่โง่เขลาอย่างยิ่ง ?
แต่หากมนุษย์เรา ยินยอมกระทำเรื่องโง่เขลาเยี่ยงนี้อีกหลายๆ ประการ โลกไยมิใช่ยิ่งเจิดจ้าแจ่มใสกว่านี้ ?
                                                                                            (เหยี่ยวเดือนเก้า ... โก้วเล้ง)

การเสียสละมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบใด เราขอสดุดีผู้เสียสละทุกๆ ท่าน ในทุกๆ เหตุการณ์ของสังคมไทยค่ะ


เธอผู้เสียสละ covered by MC Mario

...แสง เจิดจ้า ผ่องใส ชูผู้ นำชัย เรืองรอง ทั่วไป
เธอ มีความ สุขใจ มวลชน คนไทย อยู่สุข ชื่นบาน...

https://www.youtube.com/watch?v=gWmVQGwPf6o
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวัน "สืบ นาคะเสถียร" ผู้มุ่งมั่นในการรักษาผืนป่าห้วยขาแข้งเอาไว้
"พิราบขาว" จึงขอนำกลบท "กลอนกลคนรักป่า" มาลงไว้ ณ ที่นี้ อีกครั้งหนึ่ง

กลอนกลคนรักป่า

(กลบท ระลอกแก้วกระทบฝั่ง)
แสนอนาถ สัตว์อาจน้อย บนดอยกว้าง
ป่าถูกล้าง เปรตถางโล่ง จนโหรงเหรง
นายทุนกร่าง หนุนทางกรรม สิ้นยำเกรง
หมู่กวางเก้ง แม้เก่งกล้า หนีหน้าไกล

ความสมบูรณ์ คงสูญบ้าง เป็นบางแห่ง
ในห้วยแล้ง น้ำแห้งลง มิสงสัย
สัตว์ทั้งป่า สิ้นท่าป้อง จากผองภัย
ไม่แก้ไข เหมือนใกล้ขั้น รอวันตาย

(กลบท กบเต้นต่อยหอย)
จึงหวังไว้ ใจหวังว่า ถึงคราแล้ว
ที่เกลอแก้ว แถวใกล้ไกล ร่วมใจหมาย
แผ้วปราบมาร ผลาญป่ามอด จนวอดวาย
ให้สลาย หายสิ้นลง จากพงพี

แดนกล้วยไม้ ได้กลับมา เหมือนคราก่อน
นกคืนคอน นอนค่าคบ ไม่หลบหนี
ฝนฉ่ำนา ฟ้าชุ่มน้ำ ชุ่มฉ่ำดี
มวลมาลี มีมากล้วน อบอวลมาน

(กลบท ดอกไม้พวงภู่ร้อย)
รักป่าไม้ ให้รัก ประจักษ์จิต
รักป่าไม้ ให้สนิท อย่าคิดผลาญ
รักป่าไม้ ให้สม อุดมการณ์
รักป่าไม้ ให้นาน ทุกวารวัน

ป่าแสนดี มีธรรม ทุกส่ำสัตว์
ป่าแสนดี มีรัฐ คอยจัดสรร
ป่าแสนดี มีน้ำ สิ่งสำคัญ
ป่าแสนดี มีฉัน ผูกพันไพร.

อธิบายกลบท
กลบท หมายถึง บทกลอนที่ผู้แต่งใช้ความสามารถในการแต่งให้พิเศษกว่ากลอนแปดทั่วไป
กลบท ระลอกแก้วกระทบฝั่ง คำที่ 1-2-3 สัมผัสอักษรกับคำที่ 4-5-6 ตามลำดับ คำที่ 3 สัมผัสสระกับคำที่ 5 ทุกบรรทัด
กลบท กบเต้นต่อยหอย คำที่ 1-2-3 สัมผัสอักษรกับคำที่ 4-5-6 ตามลำดับ คำที่ 3 สัมผัสสระกับคำที่ 4 ทุกบรรทัด
กลบท ดอกไม้พวงพู่ร้อย คำที่ 1 ถึงคำที่ 4 ของแต่ละบท (4 บรรทัด เป็นคำคำเดียวกัน)

เพลงประกอบ  ชวนป๋วย คาราบาว(คนรักษ์ป่า)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ความคิดเห็นที่ 10
จากหนังสือเรื่อง "เพลงเขียนคน ดนตรีเขียนโลก" ที่เป็นหนังสือรวมเพลงและความคิดระหว่าง พ.ศ.๒๕๑๙-๒๕๓๗ ของประภาส ชลศรานนท์ เรียบเรียงโดย สมชัย พหลกุลบุตร ประภาสพูดถึงเพลงไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวันไว้ว่า

"สิ่งที่ไม้ขีดไฟต้องการคือแค่ดอกทานตะวันหันมามองพอแล้ว เขาถือว่าเขาประสบความสำเร็จในความรักแล้ว ไม้ขีดของผมในเพลงนี้หวังแค่นั้นจบ ขณะที่ทานตะวันก็ทำไปตามธรรมชาติของตัวเอง คือมองแสงอาทิตย์ไป มีคนพูดอยู่ว่า มันหมายถึงผู้หญิงซึ่งอยู่ในกรอบขนบธรรมเนียมมากไป คือมองดวงอาทิตย์ตลอดกาล และมีไม้ขีดเป็นผู้ชายที่อยากทำนอกกรอบ .. ผมบอกแล้วแต่คนคิด บางคนบอก เพลงนี้น่ารักจังเลย โอ .. แสดงความรักอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ ทำให้มองไปได้ต่างๆ กัน"

"แต่ .. พองานเสร็จผมไปฟังในห้องอัด ทำให้มองไปได้ต่างๆ กันถึงคุณสืบ นาคเสถียรว่า บางทีคุณสืบเขาอาจจะคิดอย่างนี้เหมือนกัน เขาไม่ต้องการอะไรมากกว่าปกป้องป่าผืนนี้ (เขาอาจจะช้ำใจ, น้อยใจก็ได้) แต่สิ่งที่เขาทำได้คือ เผาตัวเองให้มีเปลวไฟขึ้นมา จุดตัวเองให้มีเปลวไฟขึ้นมาแล้วคนหันมามองก็พอแล้ว โดยที่ทุกคน รัฐบาล ฯลฯ เป็นดอกทานตะวัน คือสนใจบ้างแต่ไม่ซีเรียสกับมัน แต่เมื่อไฟลุกขึ้นมาถึงรู้ว่าไม่มีไม้ขีดก้านนั้นแล้วนะ หลายครั้งตอนแต่งผมคิดอย่าง แต่พอเสร็จไปฟังกลายเป็นคนเสพย์ไปแล้วคิดอีกอย่าง คนเสพย์จะสนุก (หัวเราะ)"

Cr. คุณเพชรปู http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/01/E11591374/E11591374.html


ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน - วิยะดา โกมารกุล ณ นคร

https://www.youtube.com/watch?v=ktcGP_8bSC0
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย แอบรักดอกทานตะวัน
แรกแย้มยามบาน อวดแสงตะวัน ช่างงดงามเกินจะเอ่ย
ดอกเหลืองอำพัน ไม่หันมามอง แม้เหลียวมา ยังไม่เคย
ไม้ขีดเจ้าเอ๋ย เลยได้แต่ฝัน ข้างเดียว

* ดอกไม้จะบาน และหันไปตาม แต่แสงจากดวงอาทิตย์

** จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา เพียงปรารถนา ให้มีลำแสง สีทอง
จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา เพียงปรารถนา ดอกทานตะวัน หันมอง (สักครั้ง)

เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย สาดแสงในใจ ไม่นาน
ดอกเหลืองอำพัน จึงหันมามอง และพบเพียงกองเถ้าถ่าน
เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย เพราะรักจริงใจ อย่างนั้น
เพียงแค่เธอหัน เพียงแค่เธอมอง ก็พอ
(ซ้ำ *, ** , **)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่