สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
อ่านแล้วบางทีก็คิดว่า การเป็นผู้หญิงเรียบร้อย จริงๆมันอาจไม่ใช่ตัวตนของคุณ ถึงรู้สึกอึดอัดหรืออิจฉาผู้หญิงที่มีไลฟ์สไตล์แบบอิสระ
(เราหมายถึง ผู้หญิงแนวสมัยใหม่ จะไปไหนไป ทำไรทำ กลับดึกได้ เพื่อนเยอะ รวยอารมณ์ขัน ใส่เกาะอกสายเดี่ยวไปเที่ยวแม่ไม่ว่า)
ถ้าคุณบอร์นทูบีเพื่อเป็นผู้หญิงเรียบร้อย น่าจะไม่รู้สึกอะไร สิ่งที่ฉาบคุณเอาไว้มันก็คือ
ความคาดหวัง การอบรม ทัศนคติของพ่อแม่ ที่ฝังหัวมาเป็นสิบๆปี เอาออกยากค่ะ
จริงๆคุณก็มีโอกาสพบผู้ชายดีดีนั่นแหละ แต่จะเป็นแนวทางเดียวกับพ่อแม่คุณ คือ พวกอนุรักษ์นิยมอ่านะ
ส่วนชายดีๆแบบที่ผู้หญิงสวยรักอิสระนั้นได้เนี่ย มันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์คุณ คุณคงไม่ได้เจออ่าค่ะ
เพราะมันไม่ใช่ผู้ชายทุกคนนะที่ชอบแนวคุณ ผู้ชายวัยเรา(30+)นี่ความคิดหลากหลาย แล้วก็ไม่ได้ยึดติดเรื่องซิงไม่ซิง
จะเลือกใครเค้าก็มองที่ทัศนคติมากกว่า
เท่าที่เรามีเพื่อนผู้หญิงหลายแบบ เราชอบคุยกับแบบผู้หญิงสมัยใหม่มากกว่า
รวมๆเหมือนเค้าไม่โดนปิดกั้นความคิดหลายๆอย่าง ส่วนใหญ่ก็ใจกว้าง มองโลกในแง่ดี คุยสนุก ไปไหนไปกัน
แต่แนวคุณส่วนใหญ่ทำอะไรมีข้อแม้ กลัวนั่นนี่ไปหมด ทำอะไรหลายๆอย่างด้วยความไม่มั่นใจ
ก็ว่าไม่แปลกว่าทำไมเค้าจะเข้าหาผู้ชายได้ง่ายกว่า สังคมกว้างกว่า เลยเห็นว่าเค้าได้ดีๆมาครอบครอง
คุณนั่งตกปลาอยู่ริมน้ำ รอปลามาติดเบ็ด มันก็สู้คนเอาเรือออกไปหากลางทะเลไม่ได้ ได้ปลามาเพียบบบ ทั้งดีทั้งไม่ดี
ปล เขียนมาตั้งนาน จริงๆเราก็ถูกเลี้ยงมาสไตล์คุณอ่าแหละค่ะ555 (แต่ไม่ได้อึดอัดอะไร สงสัยเกิดมาเพื่อการนี้ อิอิ)
(เราหมายถึง ผู้หญิงแนวสมัยใหม่ จะไปไหนไป ทำไรทำ กลับดึกได้ เพื่อนเยอะ รวยอารมณ์ขัน ใส่เกาะอกสายเดี่ยวไปเที่ยวแม่ไม่ว่า)
ถ้าคุณบอร์นทูบีเพื่อเป็นผู้หญิงเรียบร้อย น่าจะไม่รู้สึกอะไร สิ่งที่ฉาบคุณเอาไว้มันก็คือ
ความคาดหวัง การอบรม ทัศนคติของพ่อแม่ ที่ฝังหัวมาเป็นสิบๆปี เอาออกยากค่ะ
จริงๆคุณก็มีโอกาสพบผู้ชายดีดีนั่นแหละ แต่จะเป็นแนวทางเดียวกับพ่อแม่คุณ คือ พวกอนุรักษ์นิยมอ่านะ
ส่วนชายดีๆแบบที่ผู้หญิงสวยรักอิสระนั้นได้เนี่ย มันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์คุณ คุณคงไม่ได้เจออ่าค่ะ
เพราะมันไม่ใช่ผู้ชายทุกคนนะที่ชอบแนวคุณ ผู้ชายวัยเรา(30+)นี่ความคิดหลากหลาย แล้วก็ไม่ได้ยึดติดเรื่องซิงไม่ซิง
จะเลือกใครเค้าก็มองที่ทัศนคติมากกว่า
เท่าที่เรามีเพื่อนผู้หญิงหลายแบบ เราชอบคุยกับแบบผู้หญิงสมัยใหม่มากกว่า
รวมๆเหมือนเค้าไม่โดนปิดกั้นความคิดหลายๆอย่าง ส่วนใหญ่ก็ใจกว้าง มองโลกในแง่ดี คุยสนุก ไปไหนไปกัน
แต่แนวคุณส่วนใหญ่ทำอะไรมีข้อแม้ กลัวนั่นนี่ไปหมด ทำอะไรหลายๆอย่างด้วยความไม่มั่นใจ
ก็ว่าไม่แปลกว่าทำไมเค้าจะเข้าหาผู้ชายได้ง่ายกว่า สังคมกว้างกว่า เลยเห็นว่าเค้าได้ดีๆมาครอบครอง
คุณนั่งตกปลาอยู่ริมน้ำ รอปลามาติดเบ็ด มันก็สู้คนเอาเรือออกไปหากลางทะเลไม่ได้ ได้ปลามาเพียบบบ ทั้งดีทั้งไม่ดี
ปล เขียนมาตั้งนาน จริงๆเราก็ถูกเลี้ยงมาสไตล์คุณอ่าแหละค่ะ555 (แต่ไม่ได้อึดอัดอะไร สงสัยเกิดมาเพื่อการนี้ อิอิ)
ความคิดเห็นที่ 25
จขกท.คือตัวอย่างที่ดีมากของคนที่มีปม good girl complex เลยละครับ
คือปมของผู้หญิงที่โตมากับการ "ทำในสิ่งที่คนอื่นบอกให้ทำ เป็นในสิ่งที่สังคมบอกว่าดี"
โดยไม่เคยมีโอกาสได้สำรวจตัวตนแท้จริงเลยว่าตัวเองคือใคร ชอบอะไร อยากเป็นอะไร
ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีจากตัวตนแท้จริงข้างใน คือเป็นจริงๆ ไม่ได้ถูกล้างสมองหรือบังคับ คุณค่าของเธอจะไม่เปลี่ยนไปเลย
ผิดกับผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีเพียงเพราะจะได้ชื่อว่าเป็นหญิงดี แต่ในใจไม่รู้หรอกว่าดียังไง ลึกๆอยาก "ดีแตก" ทุกคน
สมัยก่อนเขาเรียกว่าปม Madonna/Whore คือภายนอกเป็นแม่ชีแต่ภายในอิจฉาผู้หญิงที่กล้าแสดงออกเรื่องผู้ชาย
ผู้หญิงที่ในสายตา madonna ชอบตัดสินว่าพวกเธอเป็น whore ทำไมได้สามีดี? กุลสตรีชอบสงสัย... ก็เพราะพวกเธอกล้าที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างซื่อตรง ตรงไปตรงมาไงครับ พวกเธอมีคุณสมบัติที่สำคัญมากคือ
1. มี self-esteem มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีมีค่า 2. มี self-honesty ความซื่อสัตย์กับตัวเอง
คุณจขกท.ต้องไปหา 2 สิ่งนี้ในตัวเองให้เจอก่อนครับ
คือปมของผู้หญิงที่โตมากับการ "ทำในสิ่งที่คนอื่นบอกให้ทำ เป็นในสิ่งที่สังคมบอกว่าดี"
โดยไม่เคยมีโอกาสได้สำรวจตัวตนแท้จริงเลยว่าตัวเองคือใคร ชอบอะไร อยากเป็นอะไร
ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีจากตัวตนแท้จริงข้างใน คือเป็นจริงๆ ไม่ได้ถูกล้างสมองหรือบังคับ คุณค่าของเธอจะไม่เปลี่ยนไปเลย
ผิดกับผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีเพียงเพราะจะได้ชื่อว่าเป็นหญิงดี แต่ในใจไม่รู้หรอกว่าดียังไง ลึกๆอยาก "ดีแตก" ทุกคน
สมัยก่อนเขาเรียกว่าปม Madonna/Whore คือภายนอกเป็นแม่ชีแต่ภายในอิจฉาผู้หญิงที่กล้าแสดงออกเรื่องผู้ชาย
ผู้หญิงที่ในสายตา madonna ชอบตัดสินว่าพวกเธอเป็น whore ทำไมได้สามีดี? กุลสตรีชอบสงสัย... ก็เพราะพวกเธอกล้าที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างซื่อตรง ตรงไปตรงมาไงครับ พวกเธอมีคุณสมบัติที่สำคัญมากคือ
1. มี self-esteem มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีมีค่า 2. มี self-honesty ความซื่อสัตย์กับตัวเอง
คุณจขกท.ต้องไปหา 2 สิ่งนี้ในตัวเองให้เจอก่อนครับ
ความคิดเห็นที่ 40
เราเป็นผู้หญิงแบบที่จขกท.กำลังหมายถึงนะ เราคิดว่าถ้าจขกท.เรียบร้อยหรือเป็นกุลสตรีเองจริงๆจากข้างใน ความคิดแบบนี้หรือกระทู้นี้จะไม่เกิดขึ้นมาแน่นอน สิ่งที่จขกท.เป็นเราว่าเป็นเพราะจขกท.กำลังพยายามทำตัวให้ดีตามความคาดหวังของพ่อแม่หรือตามนิยามของสังคมไทย เราเข้าใจนะ เพราะเราก็โตมาจากบ้านแนวผู้ดีเก่า เลี้ยงลูกแบบหัวโบราณ แต่เชื่อมั้ยว่าเราไม่เอาพวกนั้นเลย เราโชคดี (ขอใช้คำว่าโชคดีเลยนะ) ที่ได้รับสื่อจากฝั่งตะวันตกไวกว่าเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน 11-12 เราเริ่มดูหนังฟังเพลงฝรั่งแล้ว 13-14 เราอ่านคอสโมฯคลีโอ ทำให้เรากลายเป็นมีค่านิยมชุดเดียวกับสังคมแบบตะวันตกไป เรามองเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมดา เราคิดตั้งแต่อายุเท่านั้นแล้วว่าถ้าเรามีแฟนและมีความต้องการทั้งคู่ เราก็ไม่ปฏิเสธที่จะมี แค่เราต้องป้องกันอย่างดีจริงๆ ไม่ประมาท แค่นั้นเอง เราย้อนคิดว่าถ้าเราไม่โชคดีแบบนั้น วันนี้เราจะต้องมาทนนั่งอิจฉาผู้หญิงที่ใช้ชีวิตได้ตามใจปรารถนา ในขณะที่ตัวเองต้องทนเก็บกดเพื่อทำตามความคาดหวังของสังคมหรือของพ่อแม่ มันทรมานอะ ไม่ใช่ชีวิตที่มีความสุขเลย
ส่วนตัวเราคิดว่าค่านิยมแบบที่พ่อแม่ต้องการให้ลูกเป็นมันไม่ใช่อะไรที่ต้องส่งต่อให้ลูกนะ พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดู แต่ไม่ใช่จะมาครอบงำความคิดหรือแนวทางในการดำเนินชีวิตไปซะทั้งหมด เพราะถึงวันนึงชีวิตลูกก็จะต้องใช้เอง เป็นเจ้าของชีวิตตัวเองเต็มตัว ลูกควรมีสิทธิ์ตัดสินใจจะเลือกเองตราบใดที่มันไม่ได้ผิดกฎหมายหรือผิดแปลกจากศีลธรรมพื้นฐาน เน้นนะว่าศีลธรรมพื้นฐาน ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่จารีตประเพณีท้องถิ่นที่ไหน
สำหรับคำแนะนำที่จะให้หรืออะไรทำนองนั้น ก็ไม่รู้พูดไปแล้วจะโดนคนอื่นมารุมยำเอามั้ย แต่ก็จะพูดละนะ ฮ่าๆ หลักคิดง่ายๆของเราคือประสบการณ์ทางเพศไม่ใช่สิ่งที่เอามาวัดคุณค่าความดี เพราะเรื่องเซ็กซ์เรื่องเพศมันเป็นเรื่องธรรมชาติ การที่บางคนคิดว่าคนฝืนอารมณ์ไว้คือคนดีกว่า ประเสริฐกว่า ผ่องแผ้วกว่า สำหรับเรามันบูลชิทมากอะ มันย้อนแย้งในตัวเอง เหมือนมองเซ็กซ์เป็นอารมณ์ด้านต่ำที่ผู้หญิงอย่าหมกมุ่นมาก แต่พอมีสามีที่ได้ตบแต่งออกหน้าออกตากลับไปยกเซ็กซ์เป็นของสูงของดี ว่าต้องทำกับผัวที่ตบแต่งออกหน้าออกตาเท่านั้น เซ็กซ์จึงเป็นของดี ของล้ำค่า เป็นการที่ผู้หญิงมอบสิ่งที่มีค่าให้ผู้ชายที่เธอคู่ควร บลาๆๆ มันตลกอะการตีความแบบนั้น เซ็กซ์มันก็เป็นแค่อารมณ์ใคร่ที่เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างมนุษย์สองคน (หรือมากกว่าสองสำหรับบางคนที่มีรสนิยมอีกแบบ) ก็เท่านั้นเอง
ส่วนตัวเราคิดว่าค่านิยมแบบที่พ่อแม่ต้องการให้ลูกเป็นมันไม่ใช่อะไรที่ต้องส่งต่อให้ลูกนะ พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดู แต่ไม่ใช่จะมาครอบงำความคิดหรือแนวทางในการดำเนินชีวิตไปซะทั้งหมด เพราะถึงวันนึงชีวิตลูกก็จะต้องใช้เอง เป็นเจ้าของชีวิตตัวเองเต็มตัว ลูกควรมีสิทธิ์ตัดสินใจจะเลือกเองตราบใดที่มันไม่ได้ผิดกฎหมายหรือผิดแปลกจากศีลธรรมพื้นฐาน เน้นนะว่าศีลธรรมพื้นฐาน ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่จารีตประเพณีท้องถิ่นที่ไหน
สำหรับคำแนะนำที่จะให้หรืออะไรทำนองนั้น ก็ไม่รู้พูดไปแล้วจะโดนคนอื่นมารุมยำเอามั้ย แต่ก็จะพูดละนะ ฮ่าๆ หลักคิดง่ายๆของเราคือประสบการณ์ทางเพศไม่ใช่สิ่งที่เอามาวัดคุณค่าความดี เพราะเรื่องเซ็กซ์เรื่องเพศมันเป็นเรื่องธรรมชาติ การที่บางคนคิดว่าคนฝืนอารมณ์ไว้คือคนดีกว่า ประเสริฐกว่า ผ่องแผ้วกว่า สำหรับเรามันบูลชิทมากอะ มันย้อนแย้งในตัวเอง เหมือนมองเซ็กซ์เป็นอารมณ์ด้านต่ำที่ผู้หญิงอย่าหมกมุ่นมาก แต่พอมีสามีที่ได้ตบแต่งออกหน้าออกตากลับไปยกเซ็กซ์เป็นของสูงของดี ว่าต้องทำกับผัวที่ตบแต่งออกหน้าออกตาเท่านั้น เซ็กซ์จึงเป็นของดี ของล้ำค่า เป็นการที่ผู้หญิงมอบสิ่งที่มีค่าให้ผู้ชายที่เธอคู่ควร บลาๆๆ มันตลกอะการตีความแบบนั้น เซ็กซ์มันก็เป็นแค่อารมณ์ใคร่ที่เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างมนุษย์สองคน (หรือมากกว่าสองสำหรับบางคนที่มีรสนิยมอีกแบบ) ก็เท่านั้นเอง
ความคิดเห็นที่ 38
คือมันผิดตั้งแต่ การตั้งวัตถุประสงค์และออกแบบการดำเนินงานค่ะ
.เป็นผู้หญิงดี เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อเจอผู้ชายดีๆ สักคน เราจะดีพอให้เขาเลือกเป็นคู่ชีวิต .
ผิดค่ะ...อยากได้ผู้ชายที่ดี ต้องออกไปหาผู้ชายที่ดีค่ะ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤๅ
นั่งสวยๆอยู่บ้านใครเขาจะเห็นคะลูก
แล้วเราจะเป็นผู้หญิงดีๆ ไปทำไม ก็เพื่อเป็นผู้หญิงดีๆไงคะ
ทำดีเพื่อให้ได้ทำดีค่ะ ทำดีเพื่อให้ได้ผัวดีเนี่ย...ไม่ใช่แล้ว
.เป็นผู้หญิงดี เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อเจอผู้ชายดีๆ สักคน เราจะดีพอให้เขาเลือกเป็นคู่ชีวิต .
ผิดค่ะ...อยากได้ผู้ชายที่ดี ต้องออกไปหาผู้ชายที่ดีค่ะ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤๅ
นั่งสวยๆอยู่บ้านใครเขาจะเห็นคะลูก
แล้วเราจะเป็นผู้หญิงดีๆ ไปทำไม ก็เพื่อเป็นผู้หญิงดีๆไงคะ
ทำดีเพื่อให้ได้ทำดีค่ะ ทำดีเพื่อให้ได้ผัวดีเนี่ย...ไม่ใช่แล้ว
ความคิดเห็นที่ 68
เห็นด้วยกับอีกหลายความเห็นว่า คุณแค่ทำตามที่พ่อแม่และสังคมคาดหวัง เรื่องการเป็นผู้หญิงดี
ความอึดอัดที่เกิดขึ้นนี้เนื่องจากคุณไม่ได้ทำดีด้วยตัวเองแบบ born to be อ่ะแต่พยายามทำดีเพื่อตัวเองแบบ try to be แล้ว try hard ด้วยนะ
ทำให้เกิดอารมณ์เก็บกด เพราะความพยายามที่จะเป็นคนดีของคุณ แต่อ่านดูทัศนคติคุณดูเป็นคนน่ารักและเป็นมิตรนะคะ
คุณน่าจะสับสนเพราะสิ่งที่คุณเห็นๆจากคนอื่นประพฤติตัวไม่ดี(ตามความคิดของคุณที่ถูกสั่งสอนมา)
กลับได้ดีไม่สมกับความพฤติที่คุณพยายามทำ ซึ่งมันขัดกับสิ่งที่คุณสั่งสมมาจากคำสอนของพ่อแม่
อารมณ์เหมือนเด็กที่ตั้งใจเรียนจนได้ที่1มาตลอด อ่านหนังสือมาทั้งชีวิต แต่ตอนทำงานจะได้เลื่อนขั้นก็ดันมาแพ้
พวกเรียนแย่ๆที่จบมาแบบกระท่อนกระแท่น ตอนสอบไม่อ่านหนังสือเอาแต่ลอกข้อสอบคุณ อะไรทำนองนั้น
ลองปล่อยวางและเป็นตัวของตัวเองดูดีไหมคะ คุณคิดไว้หรือยังว่าลิมิตตัวเองแค่ไหน
เท่าที่อ่านจากที่คุณเล่า คุณมองโลกแบบสุดโต่ง ถ้าไม่ขาวก็คือดำไปเลย แต่บนโลกนี้มันมีสีเทา เทาอมขาว เทาอมดำฯลฯอีกเยอะแยะนะ
อย่างเช่น ไม่ต้องรอฟ้ารอฝนให้ผู้ชายดีๆเข้ามาหาเข้ามาจีบ คุณเองก็มีสิทธิ์เลือกจีบได้เช่นกัน
เจอผู้ชายที่ชอบก็เข้าไปคุยด้วย แต่ก็ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องนอนด้วยนี่นา เป็นต้น
แล้วถ้าเค้าอยากจะนอนกับคุณ ตัวคุณเองพร้อมแค่ไหน เรียนจบหรือยัง ทำงานแล้วพร้อมจะมีประสบการณ์ทางเพศมั้ย
รอหลังแต่งรอได้ไหม รักเค้ามากแค่ไหนที่จะพร้อมมีอะไรกัน รับผิดชอบได้ไหมถ้าเกิดมีลูกขึ้นมา การคุมกำเนิด ฯลฯ
มองโลกให้มันอยู่บนความเป็นจริงค่ะ อย่ามองด้านเดียว การยึดติดในมายาคติทำให้คุณดูน่าสงสารเลยสำหรับเรา
ผู้หญิงบางคนเสพติดการคิดว่าตัวเองดี หลงยึดไป คิดว่าตัวเองเป็นกุลสตรีสุดกู่
วันๆก็คิดแต่ว่าจะผู้ชายคนนั้นคนนี้จะมายังไง จะโดนหลอกฟันไหม จะชิ่งไหม
บางคู่คบกันมีไรกันแล้วพอผู้ชายเลิกก็ไปด่าเค้าหาว่าเค้าหลอกฟัน ไม่ดูตัวเองว่าเค้าอาจจะรับทัศนคติบางอย่างของคุณไม่ได้ก็ได้นะ
เช่น การหลงยึดมั่นถือมั่น ตัดสินคนอื่นตลอด แบบนั้นดีแบบนั้นเลว ทำอะไรก็มีข้อแม้ไปซะหมด เพราะมองโลกแง่ลบ ทำให้ดูเป็นคนน่าเบื่อ
ต่อให้มีพรหมจารีย์กี่ร้อยอันก็เอาไว้ไม่อยู่ค่ะ เพราะคบกันด้วยทัศนคติ ไม่ใช่เยื่อบางๆอะไรนั่น
เพราะว่าเค้ารู้สึกว่าคุณไม่จริงใจไงคะ ไม่จริงใจกับตัวเองขนาดทำดียังต้องพยายามเลย
ก็เลยทำให้ไม่จริงใจกับคนอื่นไปด้วย(อันนี้เคสคล้ายเพื่อนเรา)
ลองสังเกตผู้หญิงที่คุณคิดว่าไม่ดี ที่ทำพฤติกรรมตรงข้ามกับคุณดูสิ เรามีเพื่อนแบบนี้เยอะพอสมควร จุดร่วมของสาวๆพวกนี้ที่จะเหมือนกันคือ
พวกนี้ถึงไหนถึงกัน มองโลกแง่ดีมาก ลุยไหนลุยนั่น เสียแล้วเสียไปหาใหม่ดีกว่า ไม่ปิดกั้นตัวเอง มองโลกกว้าง
แล้วมักจะสวยๆเริ่ดๆเพราะมั่นใจในตัวเองสูง สำคัญหน้าที่การงานไม่ได้เป็นรองใคร ความเก่งนี่เกินพวกที่บอกว่าตัวเองดีๆอีก
ทัศนคติในการใช้ชีวิตนี่แบบดีมากๆ เค้าเคารพตัวเองรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ในขณะเดียวกันก็เคารพผู้อื่น
เค้าถึงได้สามีดีๆไงเพราะเค้าจริงใจมาก จริงใจกับตัวเองเค้าเลยจริงใจกับคนอื่นด้วย
ถ้าผู้ชายที่คบมันแย่นักก็เลิกมันไป ไม่ได้ยึดติดกับการที่เคยมีอะไรกัน ไม่ชี้หน้าด่าผู้ชายด้วยว่าหลอกฟัน
เพราะนางแฟร์พอ นอนก็นอนด้วยกันเนอะ เลิกกันแล้วจะไปว่าเค้าหลอก เราก็ว่าไม่ถูกนะ
ถ้าโดนข่มขืนล่อลวงนั่นก็อีกเรื่องค่ะ ซึ่งเป็นคนละประเด็นโลด
คนเราควรจะยากในส่วนที่ควรจะยาก แล้วก็ควรง่ายในส่วนที่ควรจะง่าย
อย่าไปปรุงแต่งจริตมากจนชีวิตซับซ้อนขนาดนั้นเลย เอาสั้นๆง่ายๆนะคะ จริงใจเข้าไว้ค่ะ ทั้งตัวเองกับผู้อื่น จบ
ความอึดอัดที่เกิดขึ้นนี้เนื่องจากคุณไม่ได้ทำดีด้วยตัวเองแบบ born to be อ่ะแต่พยายามทำดีเพื่อตัวเองแบบ try to be แล้ว try hard ด้วยนะ
ทำให้เกิดอารมณ์เก็บกด เพราะความพยายามที่จะเป็นคนดีของคุณ แต่อ่านดูทัศนคติคุณดูเป็นคนน่ารักและเป็นมิตรนะคะ
คุณน่าจะสับสนเพราะสิ่งที่คุณเห็นๆจากคนอื่นประพฤติตัวไม่ดี(ตามความคิดของคุณที่ถูกสั่งสอนมา)
กลับได้ดีไม่สมกับความพฤติที่คุณพยายามทำ ซึ่งมันขัดกับสิ่งที่คุณสั่งสมมาจากคำสอนของพ่อแม่
อารมณ์เหมือนเด็กที่ตั้งใจเรียนจนได้ที่1มาตลอด อ่านหนังสือมาทั้งชีวิต แต่ตอนทำงานจะได้เลื่อนขั้นก็ดันมาแพ้
พวกเรียนแย่ๆที่จบมาแบบกระท่อนกระแท่น ตอนสอบไม่อ่านหนังสือเอาแต่ลอกข้อสอบคุณ อะไรทำนองนั้น
ลองปล่อยวางและเป็นตัวของตัวเองดูดีไหมคะ คุณคิดไว้หรือยังว่าลิมิตตัวเองแค่ไหน
เท่าที่อ่านจากที่คุณเล่า คุณมองโลกแบบสุดโต่ง ถ้าไม่ขาวก็คือดำไปเลย แต่บนโลกนี้มันมีสีเทา เทาอมขาว เทาอมดำฯลฯอีกเยอะแยะนะ
อย่างเช่น ไม่ต้องรอฟ้ารอฝนให้ผู้ชายดีๆเข้ามาหาเข้ามาจีบ คุณเองก็มีสิทธิ์เลือกจีบได้เช่นกัน
เจอผู้ชายที่ชอบก็เข้าไปคุยด้วย แต่ก็ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องนอนด้วยนี่นา เป็นต้น
แล้วถ้าเค้าอยากจะนอนกับคุณ ตัวคุณเองพร้อมแค่ไหน เรียนจบหรือยัง ทำงานแล้วพร้อมจะมีประสบการณ์ทางเพศมั้ย
รอหลังแต่งรอได้ไหม รักเค้ามากแค่ไหนที่จะพร้อมมีอะไรกัน รับผิดชอบได้ไหมถ้าเกิดมีลูกขึ้นมา การคุมกำเนิด ฯลฯ
มองโลกให้มันอยู่บนความเป็นจริงค่ะ อย่ามองด้านเดียว การยึดติดในมายาคติทำให้คุณดูน่าสงสารเลยสำหรับเรา
ผู้หญิงบางคนเสพติดการคิดว่าตัวเองดี หลงยึดไป คิดว่าตัวเองเป็นกุลสตรีสุดกู่
วันๆก็คิดแต่ว่าจะผู้ชายคนนั้นคนนี้จะมายังไง จะโดนหลอกฟันไหม จะชิ่งไหม
บางคู่คบกันมีไรกันแล้วพอผู้ชายเลิกก็ไปด่าเค้าหาว่าเค้าหลอกฟัน ไม่ดูตัวเองว่าเค้าอาจจะรับทัศนคติบางอย่างของคุณไม่ได้ก็ได้นะ
เช่น การหลงยึดมั่นถือมั่น ตัดสินคนอื่นตลอด แบบนั้นดีแบบนั้นเลว ทำอะไรก็มีข้อแม้ไปซะหมด เพราะมองโลกแง่ลบ ทำให้ดูเป็นคนน่าเบื่อ
ต่อให้มีพรหมจารีย์กี่ร้อยอันก็เอาไว้ไม่อยู่ค่ะ เพราะคบกันด้วยทัศนคติ ไม่ใช่เยื่อบางๆอะไรนั่น
เพราะว่าเค้ารู้สึกว่าคุณไม่จริงใจไงคะ ไม่จริงใจกับตัวเองขนาดทำดียังต้องพยายามเลย
ก็เลยทำให้ไม่จริงใจกับคนอื่นไปด้วย(อันนี้เคสคล้ายเพื่อนเรา)
ลองสังเกตผู้หญิงที่คุณคิดว่าไม่ดี ที่ทำพฤติกรรมตรงข้ามกับคุณดูสิ เรามีเพื่อนแบบนี้เยอะพอสมควร จุดร่วมของสาวๆพวกนี้ที่จะเหมือนกันคือ
พวกนี้ถึงไหนถึงกัน มองโลกแง่ดีมาก ลุยไหนลุยนั่น เสียแล้วเสียไปหาใหม่ดีกว่า ไม่ปิดกั้นตัวเอง มองโลกกว้าง
แล้วมักจะสวยๆเริ่ดๆเพราะมั่นใจในตัวเองสูง สำคัญหน้าที่การงานไม่ได้เป็นรองใคร ความเก่งนี่เกินพวกที่บอกว่าตัวเองดีๆอีก
ทัศนคติในการใช้ชีวิตนี่แบบดีมากๆ เค้าเคารพตัวเองรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ในขณะเดียวกันก็เคารพผู้อื่น
เค้าถึงได้สามีดีๆไงเพราะเค้าจริงใจมาก จริงใจกับตัวเองเค้าเลยจริงใจกับคนอื่นด้วย
ถ้าผู้ชายที่คบมันแย่นักก็เลิกมันไป ไม่ได้ยึดติดกับการที่เคยมีอะไรกัน ไม่ชี้หน้าด่าผู้ชายด้วยว่าหลอกฟัน
เพราะนางแฟร์พอ นอนก็นอนด้วยกันเนอะ เลิกกันแล้วจะไปว่าเค้าหลอก เราก็ว่าไม่ถูกนะ
ถ้าโดนข่มขืนล่อลวงนั่นก็อีกเรื่องค่ะ ซึ่งเป็นคนละประเด็นโลด
คนเราควรจะยากในส่วนที่ควรจะยาก แล้วก็ควรง่ายในส่วนที่ควรจะง่าย
อย่าไปปรุงแต่งจริตมากจนชีวิตซับซ้อนขนาดนั้นเลย เอาสั้นๆง่ายๆนะคะ จริงใจเข้าไว้ค่ะ ทั้งตัวเองกับผู้อื่น จบ
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกอิจฉาผู้หญิงกล้าได้กล้าเสีย เป็นผู้หญิงดีเรียบร้อย ชีวิตไม่เห็นดีตรงไหนเลย
มาวันนี้เรากลับรู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่มีความมั่นใจกล้าได้กล้าเสีย มีอิสระในการใช้ชีวิต กล้าเข้าหาผู้ชายก่อน และถึงแม้ผ่านผู้ชายมาหลายคน แต่สุดท้ายก็ได้เจอผู้ชายดีๆ ที่เขาไม่สนใจอดีตที่ผ่านมา บอกตามตรงเลยว่าเราอิจฉา ทั่งหมดที่เราพยายามทำมาเพื่ออะไร สุดท้ายเราก็ได้แต่รอผู้ชายเข้ามาจีบ มาเลือกว่าเราดีพอสำหรับเขาไหม แต่ในขณะเดียวกันผู้หญิงที่ได้ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ไม่ต้องแคร์ไม่ต้องกังวลอะไร สุดท้ายก็ได้ผู้ชายดีๆ เหมือนกัน เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ เอาจริงๆ ก็อิจฉาแหละ อยากทำบ้าง แต่ไม่กล้า
เราเองผู้ชายมาจีบเรื่อยๆ เอาจริงๆ เราไม่เคยคิดว่าเราเป็นผู้หญิงดีงามอะไร เพียงแค่มีความประพฤติถูกต้องตามประเพณี เลยคิดเอาเองว่าเป็นลักษณะผู้หญิงดีนั่นล่ะ เพียงแต่บางทีเราเห็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง พอเห็นผู้ชายแล้วชอบก็เข้าไปจีบ ผู้ชายชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ไป แล้วก็มีอะไรกัน เฮ่ย เร็วไปไหม เราถูกสอนมาว่าทำตัวอย่างนั้นคือ "ง่าย" ผู้ชายไม่จริงจังด้วย แต่สุดท้ายผู้หญิงเหล่านั้นเราก็เห็นมีชีวิตที่ดีออก ผู้ชายจริงจังด้วย ได้แต่งงาน มีลูกมีครอบครัวที่น่ารัก...
เรากลับมองว่าผู้หญิงเหล่านี้เจ๋งจัง กล้าเปิดโอกาสให้ตัวเอง ตอนนี้เราเลยสับสนเล็กน้อยว่า ความเชื่อที่เราถูกสั่งสอนมามันคืออะไร เราเองก็อยากสนุก อยากมีชีวิตที่เต็มที่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ใจไม่กล้าพอ กลัวได้ไม่คุ้มเสีย สับสนจังค่ะ
มีใครเคยคิดอย่างนี้บ้าง แล้วมีทางออกยังไง มาแชร์กัน อยากได้ความเห็นผู้ชายด้วย
หมายเหตุ:
คำว่า "ผู้หญิงดี" ในที่นี้หมายความถึง ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติตามค่านิยมสังคมไทยกำหนด เช่น รักนวลสงวนตัว นิสัยเรียบร้อย แต่งตัวเรียบร้อย ไม่เข้าหาผู้ชายก่อน รักษาความบริสุทธิ์ ฯลฯ คุณสมบัติต่างๆ ที่ผู้ชายไทยส่วนมากอยากได้มาเป็นแม่ของลูกประมาณนั้น (นิยามเอาตามนี้นะค่ะ อย่าเพิ่งดราม่าว่าผู้หญิงดีไม่ดีวัดกันตรงไหน เอาตามค่านิยมไทยที่สั่งสอนกันมานี่ล่ะ)
_________________________________________________________________
:::::::::::::::::::
อัพเดทล่าสุด ความเห็นที่ 223 นะคะ
:::::::::::::::::::
หลังจากอ่านคอมเมนต์แล้ว ทำให้เราคิดได้ว่าเราไม่เคยทำความรู้จักตัวเองมาก่อนเลย เราไม่เคยรู้ว่าเราชอบอะไร ต้องการอะไร รู้แต่สิ่งที่ไม่ชอบไม่ต้องการซึ่งมีมากมายเต็มไปหมด เหมือนทะเลที่ถมไม่มีวันเต็ม ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราพยายามใช้ชีวิตให้ถูกทำนองคลองธรรม พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด แต่สุดท้ายเรากลับไม่เคยพอใจในตัวเอง ไม่เคยชื่นชมในสิ่งที่มี ได้แต่โหยหาสิ่งที่ขาดหาย ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นสิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า เราเริ่มคิดได้ว่า ต่อให้เราเกิดมามีความคิดและบุคลิกลักษณะอย่างผู้หญิงที่เราอยากเป็น สุดท้ายเราก็คงไม่พอใจอยู่ดี เพราะเราไม่เคยทำความรู้จักตัวตนและความต้องการอันแท้จริงของตัวเองเลย
ตอนนี้เรารู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นมาก รู้สึกเป็นอิสระจากความคิดแง่ลบที่เราสร้างมากักขังตัวเองไม่ให้มีความสุข เราถามตัวเองว่า เราไปอิจฉาเขาทำไม เพียงเพราะเขาดำเนินชีวิตต่างไปจากเราแต่กลับได้ดีกว่า แค่นี้ก็ทำให้เราทุกข์ได้แล้วหรือ ทำไมทุกข์ง่ายดายขนาดนี้ ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิธีคิด เราคงทุกข์ไปตลอด แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว คนอื่นได้ดีเราก็ควรหัดที่จะยินดีไปกับเขา ใจเราจะได้เบา ไม่หน่วงหนักเหมือนที่ผ่านมา
เคยอ่านคำพระท่านสอนว่า การทำดีเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองยึดติดความดีเหล่านั้นมาเป็นอัตตาว่าตัวอยู่เหนือผู้อื่น ที่เราอิจฉาเขาก็เพราะเราคิดว่าเราดีกว่า ชีวิตก็น่าจะดีกว่า เรากลายเป็นคนดูถูกคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เรามีดีแค่ไหนถึงไปตัดสินว่าใครควรมีชีวิตที่ดี ใครควรสุขควรทุกข์ เรายิ่งใหญ่ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
ณ วันนี้ เรารู้สึกว่ามีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกหลายอย่างเลยทีเดียว เราต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านอีกครั้งนะคะ ที่เข้ามาให้คำแนะนำและกำลังใจ มันมีค่ากับเรามากจริงๆ ค่ะ
_________________________________________________________________