10สิ่ง ที่ควรรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม เพื่ออยู่อาศัย
1. ทำเล - ทำเลที่ตั้งของการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย เราจะต้องดูในเรื่องของการเดินทางที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย ทำเลที่ตั้งของคอนโดที่จะเลือกซื้อนั้นจะต้องสะดวก และ เอื้อต่อการเดินทางของผู้อยู่อาศัยทุกคน รวมไปถึงหากนึกถึงเรื่องของการขายต่อ ก็ควรจะต้องดูในทำเลที่มีTrafficเยอะๆ เช่น ใกล้รถไฟฟ้า BTS/MRT , ห้างสรรพสินค้า , โรงเรียนหรือ สำนักงาน เป็นต้น หากทำเลใกล้สถานที่เหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่ขะเปลี่ยนมือได้ง่ายกว่าทำเลที่ไม่ค่อยมีTraffic
2. ราคา - ในเรื่องของราคาเราควรจะดูเทียบกับราคาตลาด ทั้งราคาตลาดของคอนโดนั้น รวมไปถึงราคาตลาดของคอนโดใกล้เคียง โดยดูเป็น ราคาต่อตารางเมตร ซึ่งราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับ เกรดหรือแบรนด์ของโครงการ , ชั้นของห้องชุด , ทิศของห้องชุด , พื้นที่ส่วนกลาง , พื้นที่จอดรถ , เฟอร์นิเจอร์ และ คุณภาพวัสดุ เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น คอนโดราคาถูกกว่าแต่คุณภาพวัสดุเกรดต่ำกว่า กับชั้นของห้องชุดอยู่ต่ำกว่า อีกคอนโดหนึ่ง แต่อันที่จริงแล้วถ้าดูโดยรวม ก็อาจจะใกล้เคียง หรือแพงกว่าด้วยซ้ำ
3. พื้นที่ใช้สอย - คอนโดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องอาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ถ้าแบ่งเป็นสัดส่วนตามการใช้งานได้ดี ก็จะทำให้ห้องดูออกมาลงตัว ไม่ดูคับแคบอึดอัด นอกจากในห้องแล้วก็จะยังมีส่วนกลางที่จะสามารถไปใช้ได้ หลักๆก็จะมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวน แต่ถ้าโครงการเกรดหรูหน่อยก็จะมี ซาวน่า สตรีม จากุชชี่ ห้องสมุด และถ้าดีขึ้นมาอีกก็จะมี โต๊ะพู ห้องคาราโอเกะ ที่ทำบาบีคิว ห้องประชุม เป็นต้น ถึงแม้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจะเล็กแต่ถ้าพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางโอเค มีความหลากหลาย ใช้ประโยชน์ได้มาก ก็สามารถทดแทนกันได้ และอีกอย่างที่สำคัญมากๆคือพื้นที่จอดรถ เพราะบางโครงการพื้นที่จอดรถน้อยก็จะมีปัญหาเรื่องไม่มีที่จอดบ้าง รถเชี่ยวกันบ้าง แล้วยิ่งเราอยู่อาศัยเองยิ่งลำบากแน่นอนครับ
4. การคมนาคม - คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ก็จะอยู่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า หรือไม่ก็เข้าซอยไปบ้าง ซึ่งในเรื่องของการคมนาคมส่วนใหญ่แล้วอยู่ตอนโดจะไม่ค่อยมีปัญหา เดินทางสะดวก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้คนนั้นเลือกที่จะอยู่มาอยู่อาศัยกันในคอนโดมิเนียม ส่วนสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เน้นกันก็จะเน้นใกล้ทางด่วนเพราะจะไปไหนมาไหนได้สะดวก
5. สภาพของห้องชุด และ อาคารชุด - สภาพห้องชุดควรจะดูเรื่องของรอยรั่ว ซึ่งหากมีรอยรั่วใหญ่อาจจะทำให้เกิดการซ่อมแซมที่เรื้อรัง หรือต้องซ่อมแซมใหญ่ได้ รอยรั่วอาจจะมาจากรั่วมาจากกำแพงด้านนอก หรือ รั่วมาจากท่อที่ฝังอยู่ในกำแพง ซึ่งบางจุดซ่อมง่าย บางจุดซ่อมยาก ค่าใช้จ่ายอาจจะบานปลายได้ เพราะฉะนั้นก็ควรดูและเผื่อค่าใช้จ่ายเอาไว้สำหรับซ่อมแซมเอาไว้ด้วย สภาพอาคารชุดควรจะดูเรื่องของการดูแล หากอาคารชุดดูดี ดูใหม่อยู่เสมอแม้ว่าอายุอาคารชุดจะนานแล้ว มีการซ่อมแซม ทางสีอยู่ตลอด ก็แสดงให้เห็นว่านิติบุคคลดูแลเอาใจใส่ดี ก็เป็นคอนโดที่น่าจะเลือกเอาไว้อยู่อาศัย
6. เพื่อนบ้าน - ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเพื่อนบ้านถ้าส่งเสียงดังก็อาจจะรบกวนการอยู่อาศัยได้ รวมถึงถ้าวัยรุ่นอยู่เยอะ อาจจะมีพาเพื่อนฝูงมาที่ห้อง หรือ เจ้าของบางรายอาจจะนำห้องเช่าไปปล่อยแบบรายวัน ทำให้มีผู้เช่าแปลกหน้าเข้ามาตลอด ก็อาจจะส่งกระทบต่อเรื่องของความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
7. รักษาความปลอดภัย - ควรจะดูในเรื่องของความปลอดภัยทั้งระบบของอาคาร และความเข้มงวดของพนักงานรักษาความปลอดภัย ของตัวอาคารก็ เช่น คีย์การ์ดเข้าออกตัวอาคาร , คีย์การ์ดเข้าส่วนลิฟท์ , คีย์การ์ดล๊อคชั้น เป็นต้น ในส่วนของพนักงานรักษาความปลอดภัย เช่น เรื่องของการให้บุคคลภายนอกเข้าออก มีการแลกบัตร หรือเข้มงวดมากแค่ไหน , พนักงานจำคนในคนนอกได้หรือไม่ เป็นต้น
8. ฮวงจุ้ย - ฮวงจุ้ยหลักๆที่ดูกันของคอนโดมิเนียมก็จะมี ไม่ควรอยู่ตรงทาง , ไม่ควรอยู่ตรงข้ามห้องขยะ , ระเบียงมองไปไม่เห็นเมรุเผา , เลขที่ชั้น และ บ้านเลขที่ห้องชุด เป็นต้น
9. สิ่งรบกวน - ในคอนโดจะมีเรื่องหลักๆที่ดูคือ ห้องอยู่ใกล้ลิฟท์ก็จะมีเสียงรบกวน , ห้องอยู่ใกล้ห้องขยะก็อาจจะส่งกลิ่น หรือ ความสกปรก , ห้องอยู่ใกล้ทางหนีไฟ เป็นต้น แต่ผู้พักอาศัยบางรายก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเหล่านี้ เพราะห้องตำแหน่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ราคาจะถูกกว่าปกติ ซึ่งก็ถือว่าแลกบางอย่างเพื่อได้มาซึ่งบางอย่างไป
10. เงินในกระเป๋า - ปัจจุบันคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นซื้อง่าย แต่คอนโดที่ถูกทางธนาคารยึดมาก็ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเราก็ควรเผื่อเงินในกระเป๋าสำหรับเป็นเงินผ่อนค่าบ้านโด อย่างน้อย 6-12เดือน เพราะหากเกิดเราเป็นอะไรทำงานไม่ได้ ก็ยังมีเงินสำรองเอาไว้จ่ายค่าผ่อนบ้านในช่วงระยะเวลาหนึงได้ รวมไปถึงตอนแรกที่เราเลือกซื้อเราก็ไม่ควรซื้อคอนโดในราคาที่เกินตัว ที่เราผ่อนไม่ไหว ควรจะคำนวณว่าในแต่ละเดือนเราจะผ่อนอย่างสบายๆไม่หนักมาก หรือถ้าซื้อด้วยเงินสดได้ก็จะดีที่สุดครับไม่ต้องเป็นหนี้ใคร แถมไม่ต้องโดนดอกเบี้ยอีกด้วยครับ
ในการซื้อคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสภาพคล่องต่ำ เราควรจะต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน ซื้อมาแล้วต้องชอบ อยากอยู่อย่างมีความสุขทุกๆวัน เพราะถ้าเราซื้อมาแล้วอยู่อย่างไม่มีความสุข แล้วเราจะมาเสียใจภายหลัง จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่ได้ง่ายมากครับ
ที่กล่าวมานี้ก็เป็นรายละเอียดส่วนนึงในมุมมองของผม หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านในการนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจครับ
FB: คอนโดมิเนียมของคนรุ่นใหม่
10สิ่ง ที่ควรรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม เพื่ออยู่อาศัย
1. ทำเล - ทำเลที่ตั้งของการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย เราจะต้องดูในเรื่องของการเดินทางที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย ทำเลที่ตั้งของคอนโดที่จะเลือกซื้อนั้นจะต้องสะดวก และ เอื้อต่อการเดินทางของผู้อยู่อาศัยทุกคน รวมไปถึงหากนึกถึงเรื่องของการขายต่อ ก็ควรจะต้องดูในทำเลที่มีTrafficเยอะๆ เช่น ใกล้รถไฟฟ้า BTS/MRT , ห้างสรรพสินค้า , โรงเรียนหรือ สำนักงาน เป็นต้น หากทำเลใกล้สถานที่เหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่ขะเปลี่ยนมือได้ง่ายกว่าทำเลที่ไม่ค่อยมีTraffic
2. ราคา - ในเรื่องของราคาเราควรจะดูเทียบกับราคาตลาด ทั้งราคาตลาดของคอนโดนั้น รวมไปถึงราคาตลาดของคอนโดใกล้เคียง โดยดูเป็น ราคาต่อตารางเมตร ซึ่งราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับ เกรดหรือแบรนด์ของโครงการ , ชั้นของห้องชุด , ทิศของห้องชุด , พื้นที่ส่วนกลาง , พื้นที่จอดรถ , เฟอร์นิเจอร์ และ คุณภาพวัสดุ เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น คอนโดราคาถูกกว่าแต่คุณภาพวัสดุเกรดต่ำกว่า กับชั้นของห้องชุดอยู่ต่ำกว่า อีกคอนโดหนึ่ง แต่อันที่จริงแล้วถ้าดูโดยรวม ก็อาจจะใกล้เคียง หรือแพงกว่าด้วยซ้ำ
3. พื้นที่ใช้สอย - คอนโดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องอาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ถ้าแบ่งเป็นสัดส่วนตามการใช้งานได้ดี ก็จะทำให้ห้องดูออกมาลงตัว ไม่ดูคับแคบอึดอัด นอกจากในห้องแล้วก็จะยังมีส่วนกลางที่จะสามารถไปใช้ได้ หลักๆก็จะมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวน แต่ถ้าโครงการเกรดหรูหน่อยก็จะมี ซาวน่า สตรีม จากุชชี่ ห้องสมุด และถ้าดีขึ้นมาอีกก็จะมี โต๊ะพู ห้องคาราโอเกะ ที่ทำบาบีคิว ห้องประชุม เป็นต้น ถึงแม้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจะเล็กแต่ถ้าพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางโอเค มีความหลากหลาย ใช้ประโยชน์ได้มาก ก็สามารถทดแทนกันได้ และอีกอย่างที่สำคัญมากๆคือพื้นที่จอดรถ เพราะบางโครงการพื้นที่จอดรถน้อยก็จะมีปัญหาเรื่องไม่มีที่จอดบ้าง รถเชี่ยวกันบ้าง แล้วยิ่งเราอยู่อาศัยเองยิ่งลำบากแน่นอนครับ
4. การคมนาคม - คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ก็จะอยู่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า หรือไม่ก็เข้าซอยไปบ้าง ซึ่งในเรื่องของการคมนาคมส่วนใหญ่แล้วอยู่ตอนโดจะไม่ค่อยมีปัญหา เดินทางสะดวก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้คนนั้นเลือกที่จะอยู่มาอยู่อาศัยกันในคอนโดมิเนียม ส่วนสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เน้นกันก็จะเน้นใกล้ทางด่วนเพราะจะไปไหนมาไหนได้สะดวก
5. สภาพของห้องชุด และ อาคารชุด - สภาพห้องชุดควรจะดูเรื่องของรอยรั่ว ซึ่งหากมีรอยรั่วใหญ่อาจจะทำให้เกิดการซ่อมแซมที่เรื้อรัง หรือต้องซ่อมแซมใหญ่ได้ รอยรั่วอาจจะมาจากรั่วมาจากกำแพงด้านนอก หรือ รั่วมาจากท่อที่ฝังอยู่ในกำแพง ซึ่งบางจุดซ่อมง่าย บางจุดซ่อมยาก ค่าใช้จ่ายอาจจะบานปลายได้ เพราะฉะนั้นก็ควรดูและเผื่อค่าใช้จ่ายเอาไว้สำหรับซ่อมแซมเอาไว้ด้วย สภาพอาคารชุดควรจะดูเรื่องของการดูแล หากอาคารชุดดูดี ดูใหม่อยู่เสมอแม้ว่าอายุอาคารชุดจะนานแล้ว มีการซ่อมแซม ทางสีอยู่ตลอด ก็แสดงให้เห็นว่านิติบุคคลดูแลเอาใจใส่ดี ก็เป็นคอนโดที่น่าจะเลือกเอาไว้อยู่อาศัย
6. เพื่อนบ้าน - ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเพื่อนบ้านถ้าส่งเสียงดังก็อาจจะรบกวนการอยู่อาศัยได้ รวมถึงถ้าวัยรุ่นอยู่เยอะ อาจจะมีพาเพื่อนฝูงมาที่ห้อง หรือ เจ้าของบางรายอาจจะนำห้องเช่าไปปล่อยแบบรายวัน ทำให้มีผู้เช่าแปลกหน้าเข้ามาตลอด ก็อาจจะส่งกระทบต่อเรื่องของความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
7. รักษาความปลอดภัย - ควรจะดูในเรื่องของความปลอดภัยทั้งระบบของอาคาร และความเข้มงวดของพนักงานรักษาความปลอดภัย ของตัวอาคารก็ เช่น คีย์การ์ดเข้าออกตัวอาคาร , คีย์การ์ดเข้าส่วนลิฟท์ , คีย์การ์ดล๊อคชั้น เป็นต้น ในส่วนของพนักงานรักษาความปลอดภัย เช่น เรื่องของการให้บุคคลภายนอกเข้าออก มีการแลกบัตร หรือเข้มงวดมากแค่ไหน , พนักงานจำคนในคนนอกได้หรือไม่ เป็นต้น
8. ฮวงจุ้ย - ฮวงจุ้ยหลักๆที่ดูกันของคอนโดมิเนียมก็จะมี ไม่ควรอยู่ตรงทาง , ไม่ควรอยู่ตรงข้ามห้องขยะ , ระเบียงมองไปไม่เห็นเมรุเผา , เลขที่ชั้น และ บ้านเลขที่ห้องชุด เป็นต้น
9. สิ่งรบกวน - ในคอนโดจะมีเรื่องหลักๆที่ดูคือ ห้องอยู่ใกล้ลิฟท์ก็จะมีเสียงรบกวน , ห้องอยู่ใกล้ห้องขยะก็อาจจะส่งกลิ่น หรือ ความสกปรก , ห้องอยู่ใกล้ทางหนีไฟ เป็นต้น แต่ผู้พักอาศัยบางรายก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเหล่านี้ เพราะห้องตำแหน่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ราคาจะถูกกว่าปกติ ซึ่งก็ถือว่าแลกบางอย่างเพื่อได้มาซึ่งบางอย่างไป
10. เงินในกระเป๋า - ปัจจุบันคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นซื้อง่าย แต่คอนโดที่ถูกทางธนาคารยึดมาก็ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเราก็ควรเผื่อเงินในกระเป๋าสำหรับเป็นเงินผ่อนค่าบ้านโด อย่างน้อย 6-12เดือน เพราะหากเกิดเราเป็นอะไรทำงานไม่ได้ ก็ยังมีเงินสำรองเอาไว้จ่ายค่าผ่อนบ้านในช่วงระยะเวลาหนึงได้ รวมไปถึงตอนแรกที่เราเลือกซื้อเราก็ไม่ควรซื้อคอนโดในราคาที่เกินตัว ที่เราผ่อนไม่ไหว ควรจะคำนวณว่าในแต่ละเดือนเราจะผ่อนอย่างสบายๆไม่หนักมาก หรือถ้าซื้อด้วยเงินสดได้ก็จะดีที่สุดครับไม่ต้องเป็นหนี้ใคร แถมไม่ต้องโดนดอกเบี้ยอีกด้วยครับ
ในการซื้อคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสภาพคล่องต่ำ เราควรจะต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน ซื้อมาแล้วต้องชอบ อยากอยู่อย่างมีความสุขทุกๆวัน เพราะถ้าเราซื้อมาแล้วอยู่อย่างไม่มีความสุข แล้วเราจะมาเสียใจภายหลัง จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่ได้ง่ายมากครับ
ที่กล่าวมานี้ก็เป็นรายละเอียดส่วนนึงในมุมมองของผม หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านในการนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจครับ
FB: คอนโดมิเนียมของคนรุ่นใหม่