ตอนที่ยืนอยู่หน้าโรงหนัง ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะดูเรื่องนี้หรือจะดู Pete's Dragon ดี เพราะน่าดูทั้งสองเรื่อง ใจนึงก็ชอบเจสัน แต่กลัวว่าเนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรจนซ้ำซากน่าเบื่อ อีกใจก็อยากดูหนังที่ทำให้สมองปลอดโปร่ง แต่สุดท้ายแล้วความชอบเจสันก็ลากให้ผมไปดู Mechanic Resurrection แทนในที่สุด
เจสัน สเตแธม กลับมาอีกครั้งในบทมือสังหาร อาเธอร์ บิชอพ ที่ถูกบีบให้กลับสู่เส้นทางนักฆ่าหลังจากวางมือไปแล้ว โดยเขาต้องทำภารกิจสังหารบุคคลที่อันตรายที่สุดของโลก เพื่อแลกกับชีวิตของคนรักที่ถูกลักพาตัวไป
แล้วก็เป็นจริงตามคาด หนังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เรื่องราวของนักฆ่าที่ต้องทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อช่วยคนรักของตัวเอง ซึ่งไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย บทออกจะทื่อๆ ไม่พลิกแพลงด้วยซ้ำ แต่เราก็ทำใจไว้แล้วว่าหนังมันคงไม่หนีภาคแรก หรือไม่หนีหนังเรื่องเก่าๆ ของเจสันสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะการที่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้เยอะ เลยไม่ได้สนใจถึงที่มาที่ไปมากนัก เพราะหนังแทบจะไม่มีที่มาที่ไปอะไรเลย อยู่ๆ ก็โดนว่าจ้าง อยู่ๆ ก็ต้องฆ่าคนที่ไม่รู้จักกัน อยู่ๆ ก็เจอนางเอก อยู่ๆ ก็ตกหลุมรัก ซึ่งมันแทบไม่มีเหตุผล
แต่สิ่งที่ทำให้หนังดูสนุกในทุกเรื่องของหนังเจสันก็คือ ฉากแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญนี่แหละ ที่ทำให้หนังมีความมันส์ในรูปแบบที่มันควรจะเป็น การต่อสู้แบบประชิดตัวที่เป้นจุดขายของเจสันออกมาให้ดูกันอย่างหนำใจ ถึงจะไม่มีฉากระเบิดตูมตามมากมายขนาดโปรดักชั่นพันล้าน แต่ก็มีออกมาให้เห็นบ้างเพิ่มความมันส์
ตัวนักแสดง เจสัน สแตทแฮ่ม เป็นตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึง ถึงบทจะซ้ำๆ แต่คิดว่าแฟนๆ ก็คงไม่เบื่อ เจสสิก้า อัลบา คนนี้หายไปนาน กลับมาอีกทีเซ็กซี่สุดๆ มิเชล โหย่ว ดูเหมือนตัวประกอบที่มีบทพูดเยอะมากกว่าจะเป็นตัวสำคัญของเรื่อง ส่วน ทอมมี่ ลี โจนส์ บทไม่เยอะ แต่แปลกใหม่และมีความสำคัญกับหนัง ส่วนตัวร้ายของเรื่องเสียดายที่บทไม่เก่งเท่าไหร่ ไม่งั้นคงมันส์กว่านี้
โดยรวมแล้ว ส่วนตัวผมว่าหนังเจสัน ยังไงก็ยังเป็นหนังเจสัน ถ้าไม่คิดจะเอาหลักเหตุผลอะไรที่มันต้องมีน้ำหนักและตรรกะ ผมว่าดูได้มันส์และเพลินเลยล่ะ แต่ถ้าคิดจะเอาเหตุผลที่มาที่ไปอย่างเอาเป็นเอาตาย เรื่องนี้ไม่เหมาะด้วยประกานรทั้งปวงครับ
พูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ >>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Mechanic Resurrection - หนังแอ็คชั่นสไตล์ Jason Statham ที่ไม่ต้องการเหตุผลในการดู
ตอนที่ยืนอยู่หน้าโรงหนัง ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะดูเรื่องนี้หรือจะดู Pete's Dragon ดี เพราะน่าดูทั้งสองเรื่อง ใจนึงก็ชอบเจสัน แต่กลัวว่าเนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรจนซ้ำซากน่าเบื่อ อีกใจก็อยากดูหนังที่ทำให้สมองปลอดโปร่ง แต่สุดท้ายแล้วความชอบเจสันก็ลากให้ผมไปดู Mechanic Resurrection แทนในที่สุด
เจสัน สเตแธม กลับมาอีกครั้งในบทมือสังหาร อาเธอร์ บิชอพ ที่ถูกบีบให้กลับสู่เส้นทางนักฆ่าหลังจากวางมือไปแล้ว โดยเขาต้องทำภารกิจสังหารบุคคลที่อันตรายที่สุดของโลก เพื่อแลกกับชีวิตของคนรักที่ถูกลักพาตัวไป
แล้วก็เป็นจริงตามคาด หนังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เรื่องราวของนักฆ่าที่ต้องทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อช่วยคนรักของตัวเอง ซึ่งไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย บทออกจะทื่อๆ ไม่พลิกแพลงด้วยซ้ำ แต่เราก็ทำใจไว้แล้วว่าหนังมันคงไม่หนีภาคแรก หรือไม่หนีหนังเรื่องเก่าๆ ของเจสันสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะการที่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้เยอะ เลยไม่ได้สนใจถึงที่มาที่ไปมากนัก เพราะหนังแทบจะไม่มีที่มาที่ไปอะไรเลย อยู่ๆ ก็โดนว่าจ้าง อยู่ๆ ก็ต้องฆ่าคนที่ไม่รู้จักกัน อยู่ๆ ก็เจอนางเอก อยู่ๆ ก็ตกหลุมรัก ซึ่งมันแทบไม่มีเหตุผล
แต่สิ่งที่ทำให้หนังดูสนุกในทุกเรื่องของหนังเจสันก็คือ ฉากแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญนี่แหละ ที่ทำให้หนังมีความมันส์ในรูปแบบที่มันควรจะเป็น การต่อสู้แบบประชิดตัวที่เป้นจุดขายของเจสันออกมาให้ดูกันอย่างหนำใจ ถึงจะไม่มีฉากระเบิดตูมตามมากมายขนาดโปรดักชั่นพันล้าน แต่ก็มีออกมาให้เห็นบ้างเพิ่มความมันส์
ตัวนักแสดง เจสัน สแตทแฮ่ม เป็นตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึง ถึงบทจะซ้ำๆ แต่คิดว่าแฟนๆ ก็คงไม่เบื่อ เจสสิก้า อัลบา คนนี้หายไปนาน กลับมาอีกทีเซ็กซี่สุดๆ มิเชล โหย่ว ดูเหมือนตัวประกอบที่มีบทพูดเยอะมากกว่าจะเป็นตัวสำคัญของเรื่อง ส่วน ทอมมี่ ลี โจนส์ บทไม่เยอะ แต่แปลกใหม่และมีความสำคัญกับหนัง ส่วนตัวร้ายของเรื่องเสียดายที่บทไม่เก่งเท่าไหร่ ไม่งั้นคงมันส์กว่านี้
โดยรวมแล้ว ส่วนตัวผมว่าหนังเจสัน ยังไงก็ยังเป็นหนังเจสัน ถ้าไม่คิดจะเอาหลักเหตุผลอะไรที่มันต้องมีน้ำหนักและตรรกะ ผมว่าดูได้มันส์และเพลินเลยล่ะ แต่ถ้าคิดจะเอาเหตุผลที่มาที่ไปอย่างเอาเป็นเอาตาย เรื่องนี้ไม่เหมาะด้วยประกานรทั้งปวงครับ
พูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ >>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้