เอเลี่ยน... เป็นอะไรที่อยู่คู่กับเรามานานพอสมควรตั้งแต่อดีต มักจะมีภาพยนตร์ที่อิงอะไรแบบนี้ออกมาให้เราได้รับชมกันเสมอมา และล่าสุดก็มีภาพยนตร์เรื่องใหม่นามว่า Arrival (2016) หนังเอเลี่ยนจิตวิทยาของ Denis Villeneuve ซึ่งนำเรื่องราวมาเขียนให้ยาวขึ้นโดย Eric Heisserer แต่เดิมเป็นแค่เรื่องสั้นของ Ted Chiang น่ะครับ.. แล้วหนังเรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็ลองมาดูกันเลย !
พรีวิวแบบวิดีโอครับ (มีภาพประกอบเยอะกว่าและสอดคล้องกับเนื้อหา)
ภาพยนตร์เรื่อง Arrival มีความยาว 116 นาที แนว Drama, Mystery และ Sci-Fi ซึ่งดูเหมือนว่าจะออกแนว Mystery ตามความถนัดของเฮีย Denis แกด้วยมั้ง..
ส่วนนักแสดงหลักก็มี Amy Adams ที่เล่นเป็น Lois ใน Batman v Superman ก่อนหน้านี้... และ Jeremy Renner ผู้รับบท Hawkeye ของ Marvel และ Forest Whitaker ซึ่งอาจไม่เป็นที่รู้จักเท่าสองคนก่อนหน้า.. แต่เขาคือนักแสดงรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Last King of Scotland เมื่อปี 2006 นั่นเอง..
เรื่องย่อของ Arrival ก็ประมาณว่า.. มนุษย์ได้พบกับวัตถุประหลาดบางอย่างในแต่ละสถานที่บนโลก ซึ่งคาดกันว่าเป็น UFO.. โดยทางกองทัพต้องเข้าไปข้างในวัตถุนั้นและพยายามทำการสื่อสารบางอย่างกับสิ่งที่คิดว่าเป็นเอเลี่ยน ด้าน Amy ที่รับบทเป็นนักภาษาศาสตร์จึงถูกนำตัวมาร่วมกับภารกิจนี้ ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อนั้นก็คงต้องรอชมกันเมื่อหนังเข้าฉายครับ
สิ่งที่น่าสนใจมากเลยก็คือหนังเรื่องนี้กำกับโดย Denis Villeneuve ซึ่งเป็นผู้กำกับที่คุมหนังเก่งมากคนนึง เขาคนนี้โดดเด่นเรื่องการเก็บงำความลับและสร้างอารมณ์กดดันชวนสงสัยแก่คนดูอย่างน่าติดตาม พูดง่ายๆก็คือแกเป็นคนทำหนังที่มีชั้นเชิงดี ซึ่งเราคงเคยเห็นมาแล้วทั้งจาก Prisoners (2013) หรือ Sicario (2015) หรือหนังแจ้งเกิดของเขาอย่างเรื่อง Incendies เมื่อปี 2010
และหากยังจำกันได้ว่าหนังอย่าง Enemy (2013) เองก็เป็นเรื่องที่เล่นกับนัยยะและการใช้สัญลักษณ์ด้วย.. ซึ่งไม่แน่ว่า Arrival เองก็อาจจะมีการเล่นกับนัยยะหรือสัญลักษณ์บางอย่างด้วยเช่นกัน บางทีนี่อาจไม่ใช่หนังเอเลี่ยนดูเอาสนุกอย่างเดียว แต่น่าจะมีอะไรให้เราขบคิดด้วยก็ได้..
สำหรับในอนาคต.. Denis ก็ได้นั่งแท่นทำหนังเรื่อง Blade Runner ด้วยนะครับ ใครที่เป็นคอหนัง Sci-Fi ก็คงจะรู้จักเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่เข้าทางเขาเลยแหละ..
ทีนี้มาลองดูสิ่งที่น่าสนใจในตัวอย่างบ้างนะครับ อย่างแรกเลยคือวัตถุต้องสงสัยตามสถานที่ต่างๆ เราจะเห็นว่ามีการออกแบบได้อย่างน่าสนใจไม่น้อยทั้งจากภายนอกและภายใน มันคืออะไรทำไมลอยได้และทำไมถึงมีรูปทรงแบบนี้.. ส่วนภายในเองเป็นแรงโน้มถ่วงแบบไหนกัน ? ผมไม่แน่ใจนะครับว่าในตัวอย่างเขาตั้งใจถ่ายกลับหัวหรือว่าเราสามารถยืนกลับหัวแบบนั้นได้ ซึ่งถือว่าน่าเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย..
ต่อมาคือกำแพงสีขาวขุ่นที่มีเอเลี่ยนอยู่อีกฟาก โดยเอเลี่ยนก็เป็นอะไรที่แสดงถึงความลึกลับและน่าสนใจในตัวมันเองอยู่แล้ว ก็ต้องมาดูกันว่าหนังจะออกแบบรูปร่างของมันยังไง.. และต่อมาก็คือภาษาของเอเลี่ยน ซึ่งในบรรดาหนังเอเลี่ยนที่เราได้ดูกันนั้น มีไม่เยอะที่หนังจะให้ความสำคัญกับการสื่อสารหรือภาษาของพวกมัน ซึ่งดูเหมือนว่า Arrival จะเล่นกับตรงนี้พอสมควร..
โดย “ภาษา” นั้น.. ก็เป็นตัวแทนของการสื่อสารอยู่แล้ว หรือจะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ที่มีการเข้ารหัสซึ่งต้องใช้การถอดรหัสด้วยก็ได้ เราถึงได้มีนักภาษาศาสตร์ที่เป็นคนถอดรหัสและทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าภาษาสามารถตีความได้หลากหลายกว่าสัญลักษณ์อีกประเภทนึงอย่าง “ตัวเลข” ที่มีความหมายแบบเฉพาะเจาะจงกว่า โดยในตัวอย่างเองก็พูดนะครับว่าภาษาสามารถตีความได้มากกว่าหนึ่งแบบ..
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าหนังอาจเล่นดราม่าเกี่ยวกับตัวละครนางเอกด้วย ซึ่งยังมีเรื่องของความร่วมมือและความขัดแย้งกันเองในหมู่มนุษย์อีก และแม้ว่าช่วงท้ายของตัวอย่างจะมีแอคชั่นผสมอยู่ แต่หนังคงไม่ได้เน้นในส่วนนี้นัก.. ถ้าหากเราพิจารณาจากแนวของผู้กำกับประกอบไปด้วยน่ะนะ
บางที.. Arrival อาจเป็นหนังเอเลี่ยนที่เน้นดราม่าและความลึกลับน่าค้นหา.. โดยชื่อเดิมของเรื่องนี้คือ “Story of Your Life” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น "Arrival" ที่เรารู้จักนี้ ซึ่งเราคงไม่ได้เห็นแอคชั่นมากมายนัก.. แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็เป็นแค่การวิเคราะห์เบื้องต้นจากตัวอย่างนะครับ เพราะหลายครั้งตัวอย่างกับหนังจริงก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว…
ส่วนหนังเรื่องนี้ควรดูหรือไม่.. อันนี้อยากให้ไปตัดสินกันเอาเองนะครับ ^^
[Preview/วิเคราะห์] หนัง Arrival (2016) น่าดูหรือไม่ ? พร้อมข้อมูลและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์
[Preview/วิเคราะห์] หนัง Arrival (2016) น่าดูหรือไม่ ? พร้อมข้อมูลและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์
เอเลี่ยน... เป็นอะไรที่อยู่คู่กับเรามานานพอสมควรตั้งแต่อดีต มักจะมีภาพยนตร์ที่อิงอะไรแบบนี้ออกมาให้เราได้รับชมกันเสมอมา และล่าสุดก็มีภาพยนตร์เรื่องใหม่นามว่า Arrival (2016) หนังเอเลี่ยนจิตวิทยาของ Denis Villeneuve ซึ่งนำเรื่องราวมาเขียนให้ยาวขึ้นโดย Eric Heisserer แต่เดิมเป็นแค่เรื่องสั้นของ Ted Chiang น่ะครับ.. แล้วหนังเรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็ลองมาดูกันเลย !
พรีวิวแบบวิดีโอครับ (มีภาพประกอบเยอะกว่าและสอดคล้องกับเนื้อหา)
ภาพยนตร์เรื่อง Arrival มีความยาว 116 นาที แนว Drama, Mystery และ Sci-Fi ซึ่งดูเหมือนว่าจะออกแนว Mystery ตามความถนัดของเฮีย Denis แกด้วยมั้ง..
ส่วนนักแสดงหลักก็มี Amy Adams ที่เล่นเป็น Lois ใน Batman v Superman ก่อนหน้านี้... และ Jeremy Renner ผู้รับบท Hawkeye ของ Marvel และ Forest Whitaker ซึ่งอาจไม่เป็นที่รู้จักเท่าสองคนก่อนหน้า.. แต่เขาคือนักแสดงรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Last King of Scotland เมื่อปี 2006 นั่นเอง..
เรื่องย่อของ Arrival ก็ประมาณว่า.. มนุษย์ได้พบกับวัตถุประหลาดบางอย่างในแต่ละสถานที่บนโลก ซึ่งคาดกันว่าเป็น UFO.. โดยทางกองทัพต้องเข้าไปข้างในวัตถุนั้นและพยายามทำการสื่อสารบางอย่างกับสิ่งที่คิดว่าเป็นเอเลี่ยน ด้าน Amy ที่รับบทเป็นนักภาษาศาสตร์จึงถูกนำตัวมาร่วมกับภารกิจนี้ ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อนั้นก็คงต้องรอชมกันเมื่อหนังเข้าฉายครับ
สิ่งที่น่าสนใจมากเลยก็คือหนังเรื่องนี้กำกับโดย Denis Villeneuve ซึ่งเป็นผู้กำกับที่คุมหนังเก่งมากคนนึง เขาคนนี้โดดเด่นเรื่องการเก็บงำความลับและสร้างอารมณ์กดดันชวนสงสัยแก่คนดูอย่างน่าติดตาม พูดง่ายๆก็คือแกเป็นคนทำหนังที่มีชั้นเชิงดี ซึ่งเราคงเคยเห็นมาแล้วทั้งจาก Prisoners (2013) หรือ Sicario (2015) หรือหนังแจ้งเกิดของเขาอย่างเรื่อง Incendies เมื่อปี 2010
และหากยังจำกันได้ว่าหนังอย่าง Enemy (2013) เองก็เป็นเรื่องที่เล่นกับนัยยะและการใช้สัญลักษณ์ด้วย.. ซึ่งไม่แน่ว่า Arrival เองก็อาจจะมีการเล่นกับนัยยะหรือสัญลักษณ์บางอย่างด้วยเช่นกัน บางทีนี่อาจไม่ใช่หนังเอเลี่ยนดูเอาสนุกอย่างเดียว แต่น่าจะมีอะไรให้เราขบคิดด้วยก็ได้..
สำหรับในอนาคต.. Denis ก็ได้นั่งแท่นทำหนังเรื่อง Blade Runner ด้วยนะครับ ใครที่เป็นคอหนัง Sci-Fi ก็คงจะรู้จักเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่เข้าทางเขาเลยแหละ..
ทีนี้มาลองดูสิ่งที่น่าสนใจในตัวอย่างบ้างนะครับ อย่างแรกเลยคือวัตถุต้องสงสัยตามสถานที่ต่างๆ เราจะเห็นว่ามีการออกแบบได้อย่างน่าสนใจไม่น้อยทั้งจากภายนอกและภายใน มันคืออะไรทำไมลอยได้และทำไมถึงมีรูปทรงแบบนี้.. ส่วนภายในเองเป็นแรงโน้มถ่วงแบบไหนกัน ? ผมไม่แน่ใจนะครับว่าในตัวอย่างเขาตั้งใจถ่ายกลับหัวหรือว่าเราสามารถยืนกลับหัวแบบนั้นได้ ซึ่งถือว่าน่าเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย..
ต่อมาคือกำแพงสีขาวขุ่นที่มีเอเลี่ยนอยู่อีกฟาก โดยเอเลี่ยนก็เป็นอะไรที่แสดงถึงความลึกลับและน่าสนใจในตัวมันเองอยู่แล้ว ก็ต้องมาดูกันว่าหนังจะออกแบบรูปร่างของมันยังไง.. และต่อมาก็คือภาษาของเอเลี่ยน ซึ่งในบรรดาหนังเอเลี่ยนที่เราได้ดูกันนั้น มีไม่เยอะที่หนังจะให้ความสำคัญกับการสื่อสารหรือภาษาของพวกมัน ซึ่งดูเหมือนว่า Arrival จะเล่นกับตรงนี้พอสมควร..
โดย “ภาษา” นั้น.. ก็เป็นตัวแทนของการสื่อสารอยู่แล้ว หรือจะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ที่มีการเข้ารหัสซึ่งต้องใช้การถอดรหัสด้วยก็ได้ เราถึงได้มีนักภาษาศาสตร์ที่เป็นคนถอดรหัสและทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าภาษาสามารถตีความได้หลากหลายกว่าสัญลักษณ์อีกประเภทนึงอย่าง “ตัวเลข” ที่มีความหมายแบบเฉพาะเจาะจงกว่า โดยในตัวอย่างเองก็พูดนะครับว่าภาษาสามารถตีความได้มากกว่าหนึ่งแบบ..
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าหนังอาจเล่นดราม่าเกี่ยวกับตัวละครนางเอกด้วย ซึ่งยังมีเรื่องของความร่วมมือและความขัดแย้งกันเองในหมู่มนุษย์อีก และแม้ว่าช่วงท้ายของตัวอย่างจะมีแอคชั่นผสมอยู่ แต่หนังคงไม่ได้เน้นในส่วนนี้นัก.. ถ้าหากเราพิจารณาจากแนวของผู้กำกับประกอบไปด้วยน่ะนะ
บางที.. Arrival อาจเป็นหนังเอเลี่ยนที่เน้นดราม่าและความลึกลับน่าค้นหา.. โดยชื่อเดิมของเรื่องนี้คือ “Story of Your Life” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น "Arrival" ที่เรารู้จักนี้ ซึ่งเราคงไม่ได้เห็นแอคชั่นมากมายนัก.. แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็เป็นแค่การวิเคราะห์เบื้องต้นจากตัวอย่างนะครับ เพราะหลายครั้งตัวอย่างกับหนังจริงก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว…
ส่วนหนังเรื่องนี้ควรดูหรือไม่.. อันนี้อยากให้ไปตัดสินกันเอาเองนะครับ ^^
[Preview/วิเคราะห์] หนัง Arrival (2016) น่าดูหรือไม่ ? พร้อมข้อมูลและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์