ไปดูมาแล้ว...
ลุ้นหนักกับระบบงานหลายขั้นตอนและการตัดสินใจที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน Eye in the Sky แผนพิฆาตล่าข้ามโลก (ให้ 8.5/10)
*****ไม่สปอยล์*****
Eye in the Sky เป็นหนังที่ตัดสินใจจากตัวอย่างไม่ได้เลย เพราะตัวอย่างมันดูเฉยมากก แต่พอดูแล้วผิดคาด หนังมันโคตรสะท้อนความจริงแฝงในสงครามยุคใหม่ที่ต่อสู้ด้วย “โดรน” ที่โดนใจคนทำงานแบบเราเข้าเต็มๆ
.
Eye in the Sky เล่าเรื่องราวของผู้พัน แคทเธอรีน พาวเวลล์ (เฮเลน มิร์เรน) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารที่ลอนดอน และกำลังปฏิบัติการโดรนลับเพื่อจับกุมผู้ก่อการร้ายในเคนยา แต่แล้วภารกิจก็ยกระดับจากการ “จับกุม” เป็น “การสังหาร” สตีฟ วัตส์ (อารอน พอล) นักบินโดรนชาวอเมริกัน กำลังเตรียมจะทำลายเซฟเฮาส์ ในตอนที่เด็กหญิงวัยเก้าขวบก้าวเข้าสู่โซนสังหารนอกรั้วบ้าน เมื่ออาจเกิดผลกระทบการทำลายล้างอย่างไม่คาดคิด การตัดสินใจจะลงมือโจมตีก็ถูกส่งต่อไปตาม “ลำดับสั่งการสังหาร” ของนักการเมืองและทนายความในตอนที่เวลางวดเข้ามาทุกที ๆ บอกเลยว่าลุ้นหนักมาก
Eye in the Sky น่าจะมีความหมายสื่อได้ 2 ลักษณะ คือ "โดรน" ที่จับตาผู้ก่อการร้ายจากบนฟ้าหรืออาจจะหมายถึง "ผู้ใหญ่ที่คอยสั่งการ" จากหอคอยงาช้าง แต่ไม่ว่าหนังจะตั้งใจสื่อความหมายไปในทางใดนั้นคนดูอย่างเรารู้สึกได้ว่าหนังเทน้ำหนักไปทางความหมายอย่างหลังมากกว่า นั่นก็หมายความว่า Eye in the Sky อาจจะเป็นหนังตลกร้ายอยู่ใช่ย่อย
หลายประเด็นในหนังน่าสนใจมากๆ สามารถหยิบจับมานั่งคุยกันต่อหลังดูจบได้อีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักของศีลธรรมและความถูกต้อง ข้อดีข้อเสียระบบการสั่งงานหลายขั้นตอน รวมไปถึงพฤติกรรมของแต่ละตัวละครว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า
“โดรน” คือเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการทำสงคราม เพราะประเทศมหาอำนาจไม่ต้องส่งทหารลงพื้นที่ แต่การตัดสินใจโจมตีที่ทำได้ง่ายขึ้นทางเทคนิค เต็มไปด้วยความยากลำบากทางจริยธรรมและกฎหมาย ซึ่ง Eye in the Sky ถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวได้อย่างละเอียดอ่อนและบอกเราว่าอย่ามองอะไรแต่เพียงด้านเดียว จริงอยู่ว่าการคิดให้ถี่ถ้วนและมองผลกระทบในหลายๆ ด้านมันทำให้การตัดสินใจทำได้ยากขึ้น แต่มันก็เป็นกระบวนการสำคัญในการทำเรื่องใหญ่ๆ ไม่ใช่หรอ
บ่อยครั้งที่ความลำบากใจมักเกิดขึ้นกับคนทำงาน เพราะต้องรอการตัดสินใจจากหัวหน้า รอผ่านอนุมัติจากผอ. หรือรอการลงความเห็นจากนายใหญ่ สิ่งเหล่านี้มันคือโครงสร้าง มันคือลำดับขั้นในการทำงาน ซึ่ง Eye in the Sky ก็ล้อเลียนและจิกกัดระบบแบบนี้เจ็บพอสมควร และให้ข้อสรุปว่าหัวหน้าที่ดีควรให้ข้อสรุปและให้คำตัดสินใจ งานมันถึงจะเดินต่อไปได้
.
โดยรวม Eye in the Sky ดึงประเด็นย่อยๆ มารวมกันได้อย่างลงตัว ชวนลุ้นกับระบบงานหลายขั้นตอนกับการตัดสินใจที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน พูดได้เลยว่าควรค่าแก่การไปชม
ปล. เฉพาะที่ เอสเอฟ เซ็นทรัลเวิลด์ เท่านั้น !!
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1756028374682042/?type=3&theater
[CR] ลุ้นหนักกับระบบงานหลายขั้นตอนและการตัดสินใจที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน Eye in the Sky แผนพิฆาตล่าข้ามโลก
ไปดูมาแล้ว...
ลุ้นหนักกับระบบงานหลายขั้นตอนและการตัดสินใจที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน Eye in the Sky แผนพิฆาตล่าข้ามโลก (ให้ 8.5/10)
*****ไม่สปอยล์*****
Eye in the Sky เป็นหนังที่ตัดสินใจจากตัวอย่างไม่ได้เลย เพราะตัวอย่างมันดูเฉยมากก แต่พอดูแล้วผิดคาด หนังมันโคตรสะท้อนความจริงแฝงในสงครามยุคใหม่ที่ต่อสู้ด้วย “โดรน” ที่โดนใจคนทำงานแบบเราเข้าเต็มๆ
.
Eye in the Sky เล่าเรื่องราวของผู้พัน แคทเธอรีน พาวเวลล์ (เฮเลน มิร์เรน) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารที่ลอนดอน และกำลังปฏิบัติการโดรนลับเพื่อจับกุมผู้ก่อการร้ายในเคนยา แต่แล้วภารกิจก็ยกระดับจากการ “จับกุม” เป็น “การสังหาร” สตีฟ วัตส์ (อารอน พอล) นักบินโดรนชาวอเมริกัน กำลังเตรียมจะทำลายเซฟเฮาส์ ในตอนที่เด็กหญิงวัยเก้าขวบก้าวเข้าสู่โซนสังหารนอกรั้วบ้าน เมื่ออาจเกิดผลกระทบการทำลายล้างอย่างไม่คาดคิด การตัดสินใจจะลงมือโจมตีก็ถูกส่งต่อไปตาม “ลำดับสั่งการสังหาร” ของนักการเมืองและทนายความในตอนที่เวลางวดเข้ามาทุกที ๆ บอกเลยว่าลุ้นหนักมาก
Eye in the Sky น่าจะมีความหมายสื่อได้ 2 ลักษณะ คือ "โดรน" ที่จับตาผู้ก่อการร้ายจากบนฟ้าหรืออาจจะหมายถึง "ผู้ใหญ่ที่คอยสั่งการ" จากหอคอยงาช้าง แต่ไม่ว่าหนังจะตั้งใจสื่อความหมายไปในทางใดนั้นคนดูอย่างเรารู้สึกได้ว่าหนังเทน้ำหนักไปทางความหมายอย่างหลังมากกว่า นั่นก็หมายความว่า Eye in the Sky อาจจะเป็นหนังตลกร้ายอยู่ใช่ย่อย
หลายประเด็นในหนังน่าสนใจมากๆ สามารถหยิบจับมานั่งคุยกันต่อหลังดูจบได้อีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักของศีลธรรมและความถูกต้อง ข้อดีข้อเสียระบบการสั่งงานหลายขั้นตอน รวมไปถึงพฤติกรรมของแต่ละตัวละครว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า
“โดรน” คือเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการทำสงคราม เพราะประเทศมหาอำนาจไม่ต้องส่งทหารลงพื้นที่ แต่การตัดสินใจโจมตีที่ทำได้ง่ายขึ้นทางเทคนิค เต็มไปด้วยความยากลำบากทางจริยธรรมและกฎหมาย ซึ่ง Eye in the Sky ถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวได้อย่างละเอียดอ่อนและบอกเราว่าอย่ามองอะไรแต่เพียงด้านเดียว จริงอยู่ว่าการคิดให้ถี่ถ้วนและมองผลกระทบในหลายๆ ด้านมันทำให้การตัดสินใจทำได้ยากขึ้น แต่มันก็เป็นกระบวนการสำคัญในการทำเรื่องใหญ่ๆ ไม่ใช่หรอ
บ่อยครั้งที่ความลำบากใจมักเกิดขึ้นกับคนทำงาน เพราะต้องรอการตัดสินใจจากหัวหน้า รอผ่านอนุมัติจากผอ. หรือรอการลงความเห็นจากนายใหญ่ สิ่งเหล่านี้มันคือโครงสร้าง มันคือลำดับขั้นในการทำงาน ซึ่ง Eye in the Sky ก็ล้อเลียนและจิกกัดระบบแบบนี้เจ็บพอสมควร และให้ข้อสรุปว่าหัวหน้าที่ดีควรให้ข้อสรุปและให้คำตัดสินใจ งานมันถึงจะเดินต่อไปได้
.
โดยรวม Eye in the Sky ดึงประเด็นย่อยๆ มารวมกันได้อย่างลงตัว ชวนลุ้นกับระบบงานหลายขั้นตอนกับการตัดสินใจที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน พูดได้เลยว่าควรค่าแก่การไปชม
ปล. เฉพาะที่ เอสเอฟ เซ็นทรัลเวิลด์ เท่านั้น !!
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1756028374682042/?type=3&theater