ทำประกันสุขภาพให้ได้สุขภาพ ปวดหัว เป็นไข้แค่ไหนถึงจะเอาอยู่!!

เอาข้อมูลมาฝากกันค่ะสำหรับใครที่กำลังอยากทำประกันสุขภาพให้ตัวเองหรือครอบครัว จะได้เอาไว้ช่วยในการตัดสินใจได้บ้าง แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่คนขายประกัน ดังนั้นสิ่งที่จะแชร์คือข้อมูลที่เราได้ศึกษาตอนทำประกัน และความคิดเห็นส่วนตัว หากมีส่วนไหนที่ผิดพลาดไปยินดีรับคำแนะนำ และจะยินดีมากๆ หากเพื่อนๆ ช่วยกันแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติมนะคะ

จริงๆ เรามีประสุขภาพอยู่แล้ว 3 ตัว บวกกับประกันที่บริษัททำให้อีกนิดหน่อย ก็ยังรู้สึกว่าประกันที่มีอยู่มันช่วยอะไรไม่ได้มาก ค่าห้องน้อยบวกกับค่าห้องโรงพยาบาลเดี๋ยวก็พุ่งปี้ดๆ ไม่สนใจใยดีคนใครกันเลยทีเดียว แพงกว่าไปนอนโรงแรมหรูๆ อีกบางที แถม OPD ของประกันกลุ่มก็น้อยนิดมากๆ ครั้งละ 1,000 -2,000 บาทเอง ฉุกเฉินป่วยขึ้นมานี่ แค่ไปขอยากลับบ้านก็ปาไปสามสี่พันแล้ว หรือจะใช้ประกันสังคมก็ต่อคิวนานจนเลิกป่วยดีกว่า เรียกว่าป่วยทีล่มจมได้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ก็เลยคิดว่าทำประกันเพิ่มไปเลยน่าจะดีสุดให้มันครองคุมหมดทุกสิ่งกันไปเลย จะได้นอนป่วยได้อย่างสบายใจ สบายกระเป๋า

อย่างที่บอกไปว่าเรามีประกันอยู่แล้ว 3 ตัว แต่ว่า 3 ตัวนี้เป็น AIA ทั้งหมด เป็นประกันหลัก 2 ตัว เสริมอีก 1 ตัว รวมค่าห้องแล้วได้ 2,000 บาทต่อวัน ค่ารักษารวมกัน 20,000 บาท ไม่มี OPD รวมเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปีเกือบ 3 หมื่น อันนี้ทำมาตั้งแต่สมัยเรียนนับจริงๆก็สิบกว่าปี จะเรียกว่าคุ้มครองจิ้ดเดียวก็ได้ เมื่อเทียบกับค่ารักษาในโรงบาลที่เพิ่มขึ้นสูงปี้ดๆ ตอนนี้



ข้อเสียของประกันเดิมคือ
1.    ค่าห้องน้อย
2.    ไม่มีค่ารักษา OPD กรณีที่ไม่ต้องนอนโรงบาลป่วยเล็กๆ น้อยๆ
3.    เครมช้า เครมนาน ล่าสุดคือไม่ครอบคุมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองเยอะมาก
4.    หากออกจากโรงบาลแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นจะกลับเข้ามาใหม่ ต้องรออีก 90วันประกันถึงจะคุ้มครอง เอาง่ายๆ คือ ถ้าป่วยแล้วออกโรงบาลจะกลับเข้าไปใหม่ต้องรอ 90 วันเท่านั้นถึงจะเบิกได้

แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อดีเลยนะ ข้อดีของประกันเดิมคือ
1.    ลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน ซึ่งตอนนี้ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะใช้ลดหย่อนไม่ได้จะใช้ได้เฉพาะประกันแบบเงินออมเท่านั้น
2.    มีโรงบาลเอกชนหลายแห่งที่ใช้ประกันเบิกได้
จริงๆ ยอมรับว่าเจ้านี้ดีนะไม่งั้นคงไม่ต่อประกันมาเกือบสิบปีขนาดนี้ แต่หลังๆ เริ่มรู้สึกว่ายากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่คุณหมอที่โรงบาลที่เคยใช้ประจำยังพูดว่าช่วงนี้เจ้านี้มีปัญหา ถ้ามีอันอื่นจะดีกว่า สิ้นคำหมอไม่เท่าไหร่วันออกจากโรงบาลเจอกับตัวเลย เครมช้า เบิกไม่ได้ นั่นนี่วุ่นวายต้องโทรเช็คกัน สุดท้ายทางประกันแจ้งว่าระบบ error ก็ต้องรอทำเรื่องใหม่อีกรอบ ที่สำคัญก็ยังต้องจ่ายส่วนเกินเยอะอยู่ดี

จาก 5 เจ้าที่เลือกไว้เอามาเทียบกันให้เห็นชัดๆ อันนี้เลือกเราวงเงินประกันที่ 1,000,000 บาทเท่ากัน แต่จะมีแค่ Bupa ที่วงเงินน้อยหน่อยเพราะสูงมีแค่เจ็ดแสนห้า เกณฑ์อายุก็ 30 ปีค่ะ



จากตารางเจ้าที่ตอบโจทย์เรามากสุดก็จะเป็น Generali กับ Bupa ที่มีค่า OPD ค่าห้องเยอะสุด แล้วอีกอย่างคือเรื่องโรงบาลที่เข้าได้สองเจ้านี้โรงบาลเยอะ จะต่างแค่ Generali เบิกโรงบาลชั้นนำได้ด้วย เช่น โรงบาลกรุงเทพ BNH บำรุงราษฎร์ สมิติเวท เป็นต้น ที่เหลือเกือบเหมือนกันหมดห่างกันนิดๆ หน่อยๆ ราคาก็ใกล้เคียงกันด้วย
อีกข้อที่คิดว่าโดนมากคือ Generali  เป็นแบบเหมาจ่ายไม่ต้องรอ 90 วันถ้าป่วยด้วยโรคเดิม คือป่วยเมื่อไหร่ ป่วยซ้ำเดิมก็เข้าโรงบาลไปได้ตลอดตามวงเงินที่เรามี คิดว่างานนี้น่าจะโดน Generali และ Bupa แน่นอน แล้วเอาไปทบกับประกันที่มีอยู่คิดว่าน่าจะโอเคที่สุด และแนะนำว่าอย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการเจ็บป่วย เพราะมันทำให้ล่มจมได้จริงๆ ค่าห้องถูกสุดตอนนี้ก็เกือบๆ 5,000 บาท ไม่รวมค่ารักษาจิปาถะอีกมากมาย

ราคาค่าห้องโรงพยาบาลตามลิงค์นี้เลยค่ะ
http://www.aia-delivery.com/15077383/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5

อย่าไปหวังเอากับประกันสังคม หรือสวัสดิการอะไรมากมาย สุขภาพเราร่างกายเราก็ต้องดูแลจริงมั้ยคะ
สุดท้ายท้ายสุดหวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจนะคะ หากผิดพลาดตรงไหนแนะนำ ติ-ชม แชร์ข้อมูลกันได้เต็มที่เลยนะคะ ยินดีมากๆ ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่