ทางแยก
“...พอเถอะค่ะ หยุดทำอะไรๆ เพื่อฟ้าเสียที สิ่งที่ภูทำมันยิ่งทำให้ฟ้ารู้สึกผิดต่อเขา และก็ยิ่งละอายใจต่อภูมากขึ้นเท่านั้น...”
สิ้นเสียงของหญิงสาว ดูราวกับบรรยากาศของร้านทั้งร้านที่ทั้งคู่นั่งอยู่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อวินาทีที่แล้วอย่างน่าใจหาย นอกจากบริเวณรอบกายแล้วภาพที่เหลือกลับกลายเป็นสีขาวดำก่อนที่ทุกสิ่งจะหยุดนิ่ง ร่างกายเบาโหวง หูรับได้แต่เสียงอื้ออึง สายตาที่กำลังจ้องเขม็งกลับไม่อาจจับจ้องสิ่งใด
ภูผาก้มหน้าลง ยิ้มเงียบเชียบให้กับความปราชัย
ไม่ว่าจะนานขนาดไหน แม้ว่าจะทำสิ่งใดๆ ให้ไป ถึงจะทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเพียงใด แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่อาจแทรกซึมผ่านกำแพงจิตใจอันแข็งแกร่งของปลายฟ้าเข้าไปได้
ตั้งแต่ชายคนนั้นจากปลายฟ้าและภูผาไปอย่างไม่มีวันกลับ
ตะวัน เพื่อนที่แสนดีของภูผาและชายคนรักของปลายฟ้า
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามเริ่มจากการเป็นเพื่อนที่ดี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป รอยยิ้มและความสดใสของปลายฟ้าก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
“เห้ย ภู เราชอบฟ้าว่ะ นายช่วยเราหน่อยสิ”
เป็นตะวันที่พูดออกมาก่อน และคำพูดของเพื่อนรักนั้นเองที่ทำให้ภูผาต้องหยุดสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจแต่เพียงเท่านั้น ไม่นานความสัมพันธ์ของคนทั้งสามก็เปลี่ยนไปจากเพื่อนรักสามคนกลายเป็นคู่รักหนึ่งคู่และเพื่อนรักอีกหนึ่งคน
ภูผาซึ่งรักปลายฟ้าเท่าๆ กับที่รักตะวันยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น ทุกสิ่งยังคงดำเนินไปด้วยดี หากไม่เพียงว่าในวันหนึ่งอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดที่ผ่านเข้ามาจะพรากชีวิตของตะวันไป
และในครั้งนั้น เป็นภูผาที่เฝ้าปลอบใจดูแลปลายฟ้าไม่ห่าง วันแล้ววันเล่าที่เขาทำทุกอย่างเพียงเพราะไม่ต้องการเห็นแววตาเศร้าสร้อย ไม่ต้องการเห็นรอยน้ำตาจากหญิงที่รัก
จิตใจของปลายฟ้าดีขึ้นตามลำดับ หากแต่ความรู้สึกผิดในใจไม่เคยจางหายไป มันกลับยิ่งก่อตัวและหยั่งรากลึกลงไปในใจของเธอ และสำหรับภูผา ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้เขากลับเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
หากแต่ในเวลานี้ คำพูดอันหนักแน่นชัดเจนของปลายฟ้าทำให้ภูผาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
หญิงสาวตรงหน้าที่ไม่ว่าเขาจะพยายามร่นระยะทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้สักเพียงใด แต่ระยะห่างก็ยังคงเท่าเดิม
ปลายฟ้าก็ยังคงเป็นปลายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง มันไม่เคยเข้ามาใกล้มากกว่านั้น
หากเป็นคนที่ยังมีเลือดเนื้อมีชีวิต ภูผาอาจจะยังคงอดทนต่อสู้เฝ้ารอเพื่อคนที่รักได้ หากแต่กับตะวันที่บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงภาพในความทรงจำเขาจะทำอย่างไร
ความทรงจำจากความรู้สึกผิดมักสูงส่งสวยงามกว่าความเป็นจริงเสมอ และสำหรับปลายฟ้า มันอยู่ในจุดที่สูงเสียจนภูผาไม่อาจแม้แต่จะเอื้อมมือคว้าได้
“ฟ้ารู้ดี รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับทั้งตะวันและภู ฟ้ารู้ว่าภูทำทุกอย่างให้ฟ้าอย่างเต็มใจ แต่ระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นอื่นได้มากกว่านี้อีกแล้ว”
ภูผารู้อยู่แล้วว่าสักวันจะได้ยินคำพูดที่ไม่อยากได้ยินเหล่านี้ เขาเบือนหน้าแสร้งมองที่อื่นแทนเพราะไม่อยากให้คู่สนทนาเห็นความอ่อนแอในใจ
ตั้งแต่วันที่ตะวันจากไป สำหรับปลายฟ้าแล้ว นั่นอาจหมายถึงค่ำคืนที่จะไม่มีแสงสว่างจากดวงตะวันสาดส่องมาให้เกิดกลางวันอีกต่อไป
เธอเลือกที่จะหยุดเวลาของตัวเองไว้ที่วันนั้น เธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในห้วงเวลาของอดีต
และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน ภูผาก็เป็นได้เพียงผู้ที่เดินตามรอยอดีตของคนทั้งสอง เขาเป็นเพียงผู้เสาะแสวงหาทางแยกจากความทรงจำอันงดงามของปลายฟ้าและตะวันเท่านั้น
...........................................................
“ภู ภู เป็นอะไรรึเปล่า เห็นเหม่อๆ เงียบๆ ไป”
เสียงเรียกฉุดภูผาออกจากภวังค์ สายน้ำ หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร
“เอ่อ เปล่านี่ คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ เมื่อกี้น้ำว่าอะไรนะ”
ภูผาตอบ หลบตาลงต่ำ เปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ทานกันต่อเถอะ”
สายน้ำตอบกลับเสียงแผ่วเบา ทำท่าเหมือนตั้งหน้าตั้งตาจดจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้าภายใต้บรรยากาศชวยอึดอัด ถึงแม้ภูผาจะพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ แต่เธอก็มองเห็นได้ถึงความหมองหม่นในแววตาคู่นั้น
ความรู้สึกบางอย่างกรีดลึกลงไปในใจ มันช่างเป็นความเจ็บปวดที่คุ้นเคยมาตลอดระยะเวลาที่สายน้ำคบกับภูผาในฐานะที่เธอเองก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคืออะไร
นานมากจนบ่อยครั้งที่สายน้ำคิดว่าเธอน่าจะชินและยอมรับมันได้แล้ว แต่มันก็ไม่เคยเป็นอย่างนั้นได้สักครั้ง เธอก้มหน้ายิ้มจางๆ อย่างเงียบเชียบ ความรู้สึกอันบอกไม่ถูกเอ่อล้นออกมา
จนถึงวันนี้ภูผาก็ยังไม่เคยลืมเธอคนนั้นที่เป็นรักแรก
สายน้ำรู้เรื่องราวของภูผาดี เธอเฝ้ามองความสัมพันธ์อันน่าชื่นชมของคนทั้งสามอยู่ห่างๆ ความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของภูผา กลับกลายเป็นความประทับใจ สายตาของเธอก็กลับมีเพียงเขานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เธอเห็นทั้งความเจ็บปวดและความมั่นคงของภูผามาตลอดระยะเวลานานแสนนาน หวังว่าสักวันเธอจะเป็นผู้ปลอบใจให้กับเขา สักวันเธอจะแทนที่รักแรกนั้นได้ และเธอเองก็เฝ้าหวังที่จะได้ในสิ่งเดียวกันนั้นกลับคืนมาจากเขา
หากแต่สิ่งนั้นที่สายน้ำหวังมันช่างดูยากเย็นลางเลือนเหลือเกิน สุดท้ายแล้วเธอคนนั้นก็ไม่ได้จากไปไหน เธอยังอยู่ในใจของภูผาเรื่อยมา
สายน้ำเคยคิดว่าสักวันภูผาจะลืมเลือนเรื่องราวในอดีตและทำใจยอมรับทุกสิ่งใด แต่จนถึงวันนี้เขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เธอเคยคิดว่าเธอเข้าใจและยอมรับทุกเรื่องของภูผาได้ แต่สิ่งที่ไม่เคยคิดและไม่เคยรู้สึกตัวเลยก็คือ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจ มันทำให้เธอบอบช้ำขึ้นทีละน้อย
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าของสายน้ำช่างมีจิตใจมั่นคงดังเช่นภูผาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆ ที่นั่งห่างกันเพียงแค่คนละฝั่งของโต๊ะอาหาร แต่ภาพฝันในอนาคตที่เคยเปล่งประกายในดวงตาของสายน้ำกลับดูเลือนราง ภาพชายในมโนภาพที่ยืนคู่กับเธอในวันวิวาห์ช่างดูห่างไกลจนไม่อาจเห็นได้ชัดเจน
...........................................................
โทรศัพท์กรีดเสียงขึ้น ภูผาล้วงมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“สวัสดีครับ ครับ ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ภูผาสนทนากับปลายสาย สีหน้าเคร่งขรึมนั้นเคร่งเครียดขึ้นอย่างชัดเจน เขาวางสายและหันกลับมาสบตากับสายน้ำ
“แม่ของฟ้าโทรมา ตอนนี้ฟ้าถูกรถชนนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
ท่าทางเป็นกังวล บรรยากาศที่เงียบกลับกลายเป็นเงียบสงัด ภูผาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้แต่ไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี ปลายฟ้ากำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แต่สายน้ำนั่งอยู่ตรงหน้าของเขา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะค่ะ ไปเยี่ยมเธอ”
สายน้ำเอ่ยเพราะรู้สึกได้ถึงความลำบากใจที่เกิดขึ้น เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบกลายเป็นกระซิบ ภูผาอดนึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่น้อย
“แต่ น้ำ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณฟ้ากำลังลำบาก เธออาจต้องการคนช่วย ต้องการกำลังใจ ภูไปหาเธอเถอะนะ”
ราวกับมีอะไรจุกอยู่ที่อก สายน้ำพูดสิ่งที่ยากลำบากที่สุดออกมา เงยหน้ายิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องห่วงน้ำ ภูไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย น้ำอยู่ได้ น้ำเคยบอกภูตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้วไง ว่าน้ำเข้าใจทุกอย่าง เข้าใจว่าภูคือภู และน้ำอยากจะบอกกับภูว่า จนถึงวันนี้น้ำก็จะยังเป็นคนที่เข้าใจภูเหมือนเดิมเปลี่ยนแปลง”
หลายสิ่งหลายอย่างที่เก็บอยู่ในจิตใจจนบัดนี้สายน้ำแทบจะเก็บมันไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
“ไปเถอะค่ะ”
รู้สึกใจหาย เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิม ภูผารับรู้มาตลอดว่าหญิงสาวตรงหน้ารักเขา แต่สิ่งที่เขาไม่เคยได้รับรู้ก็คือความจริงที่ว่าเธอรักเขามากกว่าที่เขาคิดไว้มากมายนัก
ภูผาลุกขึ้น ไม่เคยคิดว่ามันจะยากลำบากขนาดนี้ เปิดประตูร้านด้วยความลังเล
แผ่นหลังของชายคนรักเดินห่างออกไป บางทีทุกอย่างอาจจะจบลงในไม่ช้า วันที่สายน้ำไม่อาจทนฝืนความจริงได้อีกต่อไป
ลาก่อน ชายที่รักสุดหัวใจ
ความรู้สึกบอกเธออย่างนั้น รอยยิ้มกว้างต่อหน้าชายคนรักกลับกลายเป็นรอยยิ้มแห่งความปราชัยให้แก่ตนเอง
เสี้ยววินาทีที่ภูผาหันกลับมามอง ดวงตาอ่อนหวานอันคุ้นเคยนั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ภาพนั้นกรีดลึกลงในความรู้สึก เป็นครั้งแรกที่จิตใจของภูผาสั่นคลอน
...........................................................
“ขอบคุณนะภู ที่ช่วยมาเดินเรื่องติดต่อนั่นนี่ให้ฟ้า”
เสียงอ่อนแรงบนเตียงเอ่ยของคุณอย่างยากลำบากเต็มที
“ไม่เป็นไรหรอก ภูยินดีทำทุกอย่างให้ฟ้า ฟ้าก็รู้ดี”
ภูผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงโล่งใจเมื่อผู้ที่นอนอยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่คิด
“ภู จนถึงวันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ภูก็ยังเป็นเพื่อนที่แสนดี รักและห่วงใยฟ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
ปลายฟ้าเอ่ยออกมาด้วยความตื้นตัน รอยยิ้มจางนั้นบ่งบอกได้ถึงความจริงใจอย่างชัดเจน ภูผายิ้มตอบหญิงสาว เขารู้สึกว่าขณะนี้เขาสามารถยิ้มออกมาด้วยความสดใสมากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ฟ้า ฟ้าเชื่อมั้ย หลังจากวันนั้น วันที่ความสัมพันธ์ของเราสามคนเปลี่ยนไป วันนี้เป็นวันแรกนับจากนั้นที่ผมกล้าที่จะสบตาและยิ้มให้กับฟ้าตรงๆ ด้วยความปลอดโปร่งใจขนาดนี้”
“ที่ผ่านๆ มาผมก็เป็นเพียงแค่คนเห็นแก่ตัว ผมมันแต่โทษนั่นโทษนี่ไปต่างๆ นานา ถ้าวันนั้นคนที่บอกรักฟ้าก่อนเป็นผม ถ้าวันนั้นตะวันเข้าใจผมและไม่บอกกับผมว่าเขาชอบฟ้า ทำไมฟ้าถึงไม่เข้าใจในความรักที่ผมมีให้ซักที”
ปลายฟ้าตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูด สิ่งที่อยู่ในใจของเขามาตลอดระยะเวลานานด้วยความตั้งใจ
“คำถามเหล่านั้นมันก็เพียงข้ออ้างเพื่อใช้ปิดบังและหลีกหนีความจริงในจิตใจของผม ผมมัวแต่คาดหวังที่จะให้ใครๆ มาเข้าใจผม”
“แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นผมเองต่างห่าง เป็นผมที่ไม่เคยเข้าใจจิตใจของฟ้า หรือแม้แต่ของใครๆ เลยแม้แต่น้อย และในวันนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งได้สอนให้ผมรู้จักกับสิ่งๆ นั้น เธอที่ยอมเข้าใจและอดทนเพื่อผมเสมอมาโดยไม่เคยย่อท้อ เธอที่พยายามฉุดดึงและชี้ทางแยกจากอดีตเพื่อที่จะก้าวไปสู่อนาคตให้กับผม”
“ผมมัวแต่ยึดติดและเดินตามแต่อดีตของฟ้ากับตะวันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าการกระทำของผมได้ทำให้ฟ้าลำบากใจ และทำให้เธอคนนั้นต้องปวดร้าวมานานแสนนาน”
ชายหนุ่มหลับตา เงยหน้า สูดหายใจลึก
“ต่อจากนี้จะเป็นผมเองที่จะเป็นฝ่ายเข้าใจคนอื่นๆ บ้าง และต่อจากนี้คงเป็นเวลาที่ผมจะต้องมุ่งหน้าไปสู่อนาคตเสียที กับคนที่รักผมสุดหัวใจ คนในโลกอนาคตของผม”
รอยยิ้มสดใสของคนทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน สายตาภูผามองปลายฟ้าด้วยความรู้สึกเปลี่ยนไป หากแต่นั่นกลับทำให้มิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนระหว่างคนทั้งสองสว่างไสวงดงามกว่าที่ผ่านมา
...........................................................
และที่แห่งหนึ่งในช่วงเวลาแห่งอนาคต ชายหนุ่มในชุดสูทบรรจงสวมแหวนทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักบริสุทธิ์เข้ากับนิ้วนางมือซ้ายของหญิงสาวในชุดขาวยาวงดงาม เขาโน้มตัวลงใกล้ชิด เอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณนะน้ำ ขอบคุณที่ดึงผมออกมาจากทางแยกในอดีต น้ำทำเพื่อผมและยอมเข้าใจผมมามากพอแล้ว ต่อจากนี้และตลอดไป ขอให้ผมได้เป็นฝ่ายเข้าใจและทำเพื่อน้ำบ้างนะ หญิงสาวผู้มากับสายน้ำใสที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจอันเหี่ยวเฉาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หญิงสาวในโลกอนาคตของผม”
สายน้ำยิ้มรับคำของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ปั้นแต่งใดๆ แต่มันกลับเจิดจ้าและส่องประกายอย่างงดงาม น้ำตาแห่งความปีติไหลล้นออกจากใจของหญิงสาวก่อนที่มืออันแข็งแกร่งจะรั้งร่างเล็กเข้าโอบกอด
ต่อจากนี้ ทั้งสองจะจูงมือและร่วมกันก้าวผ่านไปสู่ความสดใสของวันพรุ่งนี้
ทางแยก
“...พอเถอะค่ะ หยุดทำอะไรๆ เพื่อฟ้าเสียที สิ่งที่ภูทำมันยิ่งทำให้ฟ้ารู้สึกผิดต่อเขา และก็ยิ่งละอายใจต่อภูมากขึ้นเท่านั้น...”
สิ้นเสียงของหญิงสาว ดูราวกับบรรยากาศของร้านทั้งร้านที่ทั้งคู่นั่งอยู่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อวินาทีที่แล้วอย่างน่าใจหาย นอกจากบริเวณรอบกายแล้วภาพที่เหลือกลับกลายเป็นสีขาวดำก่อนที่ทุกสิ่งจะหยุดนิ่ง ร่างกายเบาโหวง หูรับได้แต่เสียงอื้ออึง สายตาที่กำลังจ้องเขม็งกลับไม่อาจจับจ้องสิ่งใด
ภูผาก้มหน้าลง ยิ้มเงียบเชียบให้กับความปราชัย
ไม่ว่าจะนานขนาดไหน แม้ว่าจะทำสิ่งใดๆ ให้ไป ถึงจะทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเพียงใด แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่อาจแทรกซึมผ่านกำแพงจิตใจอันแข็งแกร่งของปลายฟ้าเข้าไปได้
ตั้งแต่ชายคนนั้นจากปลายฟ้าและภูผาไปอย่างไม่มีวันกลับ
ตะวัน เพื่อนที่แสนดีของภูผาและชายคนรักของปลายฟ้า
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามเริ่มจากการเป็นเพื่อนที่ดี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป รอยยิ้มและความสดใสของปลายฟ้าก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
“เห้ย ภู เราชอบฟ้าว่ะ นายช่วยเราหน่อยสิ”
เป็นตะวันที่พูดออกมาก่อน และคำพูดของเพื่อนรักนั้นเองที่ทำให้ภูผาต้องหยุดสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจแต่เพียงเท่านั้น ไม่นานความสัมพันธ์ของคนทั้งสามก็เปลี่ยนไปจากเพื่อนรักสามคนกลายเป็นคู่รักหนึ่งคู่และเพื่อนรักอีกหนึ่งคน
ภูผาซึ่งรักปลายฟ้าเท่าๆ กับที่รักตะวันยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น ทุกสิ่งยังคงดำเนินไปด้วยดี หากไม่เพียงว่าในวันหนึ่งอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดที่ผ่านเข้ามาจะพรากชีวิตของตะวันไป
และในครั้งนั้น เป็นภูผาที่เฝ้าปลอบใจดูแลปลายฟ้าไม่ห่าง วันแล้ววันเล่าที่เขาทำทุกอย่างเพียงเพราะไม่ต้องการเห็นแววตาเศร้าสร้อย ไม่ต้องการเห็นรอยน้ำตาจากหญิงที่รัก
จิตใจของปลายฟ้าดีขึ้นตามลำดับ หากแต่ความรู้สึกผิดในใจไม่เคยจางหายไป มันกลับยิ่งก่อตัวและหยั่งรากลึกลงไปในใจของเธอ และสำหรับภูผา ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้เขากลับเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
หากแต่ในเวลานี้ คำพูดอันหนักแน่นชัดเจนของปลายฟ้าทำให้ภูผาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
หญิงสาวตรงหน้าที่ไม่ว่าเขาจะพยายามร่นระยะทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้สักเพียงใด แต่ระยะห่างก็ยังคงเท่าเดิม
ปลายฟ้าก็ยังคงเป็นปลายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง มันไม่เคยเข้ามาใกล้มากกว่านั้น
หากเป็นคนที่ยังมีเลือดเนื้อมีชีวิต ภูผาอาจจะยังคงอดทนต่อสู้เฝ้ารอเพื่อคนที่รักได้ หากแต่กับตะวันที่บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงภาพในความทรงจำเขาจะทำอย่างไร
ความทรงจำจากความรู้สึกผิดมักสูงส่งสวยงามกว่าความเป็นจริงเสมอ และสำหรับปลายฟ้า มันอยู่ในจุดที่สูงเสียจนภูผาไม่อาจแม้แต่จะเอื้อมมือคว้าได้
“ฟ้ารู้ดี รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับทั้งตะวันและภู ฟ้ารู้ว่าภูทำทุกอย่างให้ฟ้าอย่างเต็มใจ แต่ระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นอื่นได้มากกว่านี้อีกแล้ว”
ภูผารู้อยู่แล้วว่าสักวันจะได้ยินคำพูดที่ไม่อยากได้ยินเหล่านี้ เขาเบือนหน้าแสร้งมองที่อื่นแทนเพราะไม่อยากให้คู่สนทนาเห็นความอ่อนแอในใจ
ตั้งแต่วันที่ตะวันจากไป สำหรับปลายฟ้าแล้ว นั่นอาจหมายถึงค่ำคืนที่จะไม่มีแสงสว่างจากดวงตะวันสาดส่องมาให้เกิดกลางวันอีกต่อไป
เธอเลือกที่จะหยุดเวลาของตัวเองไว้ที่วันนั้น เธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในห้วงเวลาของอดีต
และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน ภูผาก็เป็นได้เพียงผู้ที่เดินตามรอยอดีตของคนทั้งสอง เขาเป็นเพียงผู้เสาะแสวงหาทางแยกจากความทรงจำอันงดงามของปลายฟ้าและตะวันเท่านั้น
...........................................................
“ภู ภู เป็นอะไรรึเปล่า เห็นเหม่อๆ เงียบๆ ไป”
เสียงเรียกฉุดภูผาออกจากภวังค์ สายน้ำ หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร
“เอ่อ เปล่านี่ คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ เมื่อกี้น้ำว่าอะไรนะ”
ภูผาตอบ หลบตาลงต่ำ เปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ทานกันต่อเถอะ”
สายน้ำตอบกลับเสียงแผ่วเบา ทำท่าเหมือนตั้งหน้าตั้งตาจดจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้าภายใต้บรรยากาศชวยอึดอัด ถึงแม้ภูผาจะพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ แต่เธอก็มองเห็นได้ถึงความหมองหม่นในแววตาคู่นั้น
ความรู้สึกบางอย่างกรีดลึกลงไปในใจ มันช่างเป็นความเจ็บปวดที่คุ้นเคยมาตลอดระยะเวลาที่สายน้ำคบกับภูผาในฐานะที่เธอเองก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคืออะไร
นานมากจนบ่อยครั้งที่สายน้ำคิดว่าเธอน่าจะชินและยอมรับมันได้แล้ว แต่มันก็ไม่เคยเป็นอย่างนั้นได้สักครั้ง เธอก้มหน้ายิ้มจางๆ อย่างเงียบเชียบ ความรู้สึกอันบอกไม่ถูกเอ่อล้นออกมา
จนถึงวันนี้ภูผาก็ยังไม่เคยลืมเธอคนนั้นที่เป็นรักแรก
สายน้ำรู้เรื่องราวของภูผาดี เธอเฝ้ามองความสัมพันธ์อันน่าชื่นชมของคนทั้งสามอยู่ห่างๆ ความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของภูผา กลับกลายเป็นความประทับใจ สายตาของเธอก็กลับมีเพียงเขานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เธอเห็นทั้งความเจ็บปวดและความมั่นคงของภูผามาตลอดระยะเวลานานแสนนาน หวังว่าสักวันเธอจะเป็นผู้ปลอบใจให้กับเขา สักวันเธอจะแทนที่รักแรกนั้นได้ และเธอเองก็เฝ้าหวังที่จะได้ในสิ่งเดียวกันนั้นกลับคืนมาจากเขา
หากแต่สิ่งนั้นที่สายน้ำหวังมันช่างดูยากเย็นลางเลือนเหลือเกิน สุดท้ายแล้วเธอคนนั้นก็ไม่ได้จากไปไหน เธอยังอยู่ในใจของภูผาเรื่อยมา
สายน้ำเคยคิดว่าสักวันภูผาจะลืมเลือนเรื่องราวในอดีตและทำใจยอมรับทุกสิ่งใด แต่จนถึงวันนี้เขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เธอเคยคิดว่าเธอเข้าใจและยอมรับทุกเรื่องของภูผาได้ แต่สิ่งที่ไม่เคยคิดและไม่เคยรู้สึกตัวเลยก็คือ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจ มันทำให้เธอบอบช้ำขึ้นทีละน้อย
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าของสายน้ำช่างมีจิตใจมั่นคงดังเช่นภูผาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆ ที่นั่งห่างกันเพียงแค่คนละฝั่งของโต๊ะอาหาร แต่ภาพฝันในอนาคตที่เคยเปล่งประกายในดวงตาของสายน้ำกลับดูเลือนราง ภาพชายในมโนภาพที่ยืนคู่กับเธอในวันวิวาห์ช่างดูห่างไกลจนไม่อาจเห็นได้ชัดเจน
...........................................................
โทรศัพท์กรีดเสียงขึ้น ภูผาล้วงมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“สวัสดีครับ ครับ ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ภูผาสนทนากับปลายสาย สีหน้าเคร่งขรึมนั้นเคร่งเครียดขึ้นอย่างชัดเจน เขาวางสายและหันกลับมาสบตากับสายน้ำ
“แม่ของฟ้าโทรมา ตอนนี้ฟ้าถูกรถชนนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
ท่าทางเป็นกังวล บรรยากาศที่เงียบกลับกลายเป็นเงียบสงัด ภูผาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้แต่ไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี ปลายฟ้ากำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แต่สายน้ำนั่งอยู่ตรงหน้าของเขา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะค่ะ ไปเยี่ยมเธอ”
สายน้ำเอ่ยเพราะรู้สึกได้ถึงความลำบากใจที่เกิดขึ้น เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบกลายเป็นกระซิบ ภูผาอดนึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่น้อย
“แต่ น้ำ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณฟ้ากำลังลำบาก เธออาจต้องการคนช่วย ต้องการกำลังใจ ภูไปหาเธอเถอะนะ”
ราวกับมีอะไรจุกอยู่ที่อก สายน้ำพูดสิ่งที่ยากลำบากที่สุดออกมา เงยหน้ายิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องห่วงน้ำ ภูไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย น้ำอยู่ได้ น้ำเคยบอกภูตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้วไง ว่าน้ำเข้าใจทุกอย่าง เข้าใจว่าภูคือภู และน้ำอยากจะบอกกับภูว่า จนถึงวันนี้น้ำก็จะยังเป็นคนที่เข้าใจภูเหมือนเดิมเปลี่ยนแปลง”
หลายสิ่งหลายอย่างที่เก็บอยู่ในจิตใจจนบัดนี้สายน้ำแทบจะเก็บมันไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
“ไปเถอะค่ะ”
รู้สึกใจหาย เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิม ภูผารับรู้มาตลอดว่าหญิงสาวตรงหน้ารักเขา แต่สิ่งที่เขาไม่เคยได้รับรู้ก็คือความจริงที่ว่าเธอรักเขามากกว่าที่เขาคิดไว้มากมายนัก
ภูผาลุกขึ้น ไม่เคยคิดว่ามันจะยากลำบากขนาดนี้ เปิดประตูร้านด้วยความลังเล
แผ่นหลังของชายคนรักเดินห่างออกไป บางทีทุกอย่างอาจจะจบลงในไม่ช้า วันที่สายน้ำไม่อาจทนฝืนความจริงได้อีกต่อไป
ลาก่อน ชายที่รักสุดหัวใจ
ความรู้สึกบอกเธออย่างนั้น รอยยิ้มกว้างต่อหน้าชายคนรักกลับกลายเป็นรอยยิ้มแห่งความปราชัยให้แก่ตนเอง
เสี้ยววินาทีที่ภูผาหันกลับมามอง ดวงตาอ่อนหวานอันคุ้นเคยนั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ภาพนั้นกรีดลึกลงในความรู้สึก เป็นครั้งแรกที่จิตใจของภูผาสั่นคลอน
...........................................................
“ขอบคุณนะภู ที่ช่วยมาเดินเรื่องติดต่อนั่นนี่ให้ฟ้า”
เสียงอ่อนแรงบนเตียงเอ่ยของคุณอย่างยากลำบากเต็มที
“ไม่เป็นไรหรอก ภูยินดีทำทุกอย่างให้ฟ้า ฟ้าก็รู้ดี”
ภูผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงโล่งใจเมื่อผู้ที่นอนอยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่คิด
“ภู จนถึงวันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ภูก็ยังเป็นเพื่อนที่แสนดี รักและห่วงใยฟ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
ปลายฟ้าเอ่ยออกมาด้วยความตื้นตัน รอยยิ้มจางนั้นบ่งบอกได้ถึงความจริงใจอย่างชัดเจน ภูผายิ้มตอบหญิงสาว เขารู้สึกว่าขณะนี้เขาสามารถยิ้มออกมาด้วยความสดใสมากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ฟ้า ฟ้าเชื่อมั้ย หลังจากวันนั้น วันที่ความสัมพันธ์ของเราสามคนเปลี่ยนไป วันนี้เป็นวันแรกนับจากนั้นที่ผมกล้าที่จะสบตาและยิ้มให้กับฟ้าตรงๆ ด้วยความปลอดโปร่งใจขนาดนี้”
“ที่ผ่านๆ มาผมก็เป็นเพียงแค่คนเห็นแก่ตัว ผมมันแต่โทษนั่นโทษนี่ไปต่างๆ นานา ถ้าวันนั้นคนที่บอกรักฟ้าก่อนเป็นผม ถ้าวันนั้นตะวันเข้าใจผมและไม่บอกกับผมว่าเขาชอบฟ้า ทำไมฟ้าถึงไม่เข้าใจในความรักที่ผมมีให้ซักที”
ปลายฟ้าตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูด สิ่งที่อยู่ในใจของเขามาตลอดระยะเวลานานด้วยความตั้งใจ
“คำถามเหล่านั้นมันก็เพียงข้ออ้างเพื่อใช้ปิดบังและหลีกหนีความจริงในจิตใจของผม ผมมัวแต่คาดหวังที่จะให้ใครๆ มาเข้าใจผม”
“แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นผมเองต่างห่าง เป็นผมที่ไม่เคยเข้าใจจิตใจของฟ้า หรือแม้แต่ของใครๆ เลยแม้แต่น้อย และในวันนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งได้สอนให้ผมรู้จักกับสิ่งๆ นั้น เธอที่ยอมเข้าใจและอดทนเพื่อผมเสมอมาโดยไม่เคยย่อท้อ เธอที่พยายามฉุดดึงและชี้ทางแยกจากอดีตเพื่อที่จะก้าวไปสู่อนาคตให้กับผม”
“ผมมัวแต่ยึดติดและเดินตามแต่อดีตของฟ้ากับตะวันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าการกระทำของผมได้ทำให้ฟ้าลำบากใจ และทำให้เธอคนนั้นต้องปวดร้าวมานานแสนนาน”
ชายหนุ่มหลับตา เงยหน้า สูดหายใจลึก
“ต่อจากนี้จะเป็นผมเองที่จะเป็นฝ่ายเข้าใจคนอื่นๆ บ้าง และต่อจากนี้คงเป็นเวลาที่ผมจะต้องมุ่งหน้าไปสู่อนาคตเสียที กับคนที่รักผมสุดหัวใจ คนในโลกอนาคตของผม”
รอยยิ้มสดใสของคนทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน สายตาภูผามองปลายฟ้าด้วยความรู้สึกเปลี่ยนไป หากแต่นั่นกลับทำให้มิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนระหว่างคนทั้งสองสว่างไสวงดงามกว่าที่ผ่านมา
...........................................................
และที่แห่งหนึ่งในช่วงเวลาแห่งอนาคต ชายหนุ่มในชุดสูทบรรจงสวมแหวนทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักบริสุทธิ์เข้ากับนิ้วนางมือซ้ายของหญิงสาวในชุดขาวยาวงดงาม เขาโน้มตัวลงใกล้ชิด เอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณนะน้ำ ขอบคุณที่ดึงผมออกมาจากทางแยกในอดีต น้ำทำเพื่อผมและยอมเข้าใจผมมามากพอแล้ว ต่อจากนี้และตลอดไป ขอให้ผมได้เป็นฝ่ายเข้าใจและทำเพื่อน้ำบ้างนะ หญิงสาวผู้มากับสายน้ำใสที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจอันเหี่ยวเฉาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หญิงสาวในโลกอนาคตของผม”
สายน้ำยิ้มรับคำของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ปั้นแต่งใดๆ แต่มันกลับเจิดจ้าและส่องประกายอย่างงดงาม น้ำตาแห่งความปีติไหลล้นออกจากใจของหญิงสาวก่อนที่มืออันแข็งแกร่งจะรั้งร่างเล็กเข้าโอบกอด
ต่อจากนี้ ทั้งสองจะจูงมือและร่วมกันก้าวผ่านไปสู่ความสดใสของวันพรุ่งนี้