" ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน " หนังสือดีที่แม้อยู่นอกกระแสก็ยังน่าอ่าน

" ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน " ( Red Star over China ) เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเมื่อราว 80 ปีก่อน...เป็นเรื่องความจริงของชีวิตชาวจีนคอมมิวนิสต์ที่ไม่เคยเป็นที่เปิดเผยในยุคนั้น...และก็คงจะไม่ได้รับการเปิดเผยจนถึงตอนนี้แน่ ๆ ถ้าไม่มีชายที่ชื่อ เอดการ์ สโนว์ ผู้เขียนเรื่องนี้อาศัยความกล้าหาญและความบากบั่นเข้าไปบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ออกมาเผยแพร่

ลองนึกดูนะครับว่า...ความเป็นจริงในเขตแดงนั้นไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาเลย...มีแต่ข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับ " ทหารแดง " ซึ่งรัฐบาลก๊กมินตั๋งเรียกว่า " โจรแดง "
คุณสโนว์เขาไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าข่าวลือที่เกี่ยวกับ " โจรแดง " นั้นเป็นจริงหรือไม่...ถ้ามันเป็นจริง...เขาก็คงจบชีวิตหลังจากเข้าไปในเขตแดงในเวลาไม่นาน...นึกดูว่ามันต้องอาศัยความกล้าขนาดไหน

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงที่มันถูกเขียนขึ้นโดยชาวอเมริกันคนหนึ่งซึ่งเกิดและเติบโตมาในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย....อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันมาก...เพราะฉะนั้นเรื่องน่าประทับใจซึ่งเขาบันทึกไว้...หรือคำชมที่มีต่อบุคคลที่นั่น ปณิธานของผู้คนที่นั่น วินัยของกองทัพแดง มันจึงน่าเชื่อถือ

อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้...ก็ตรงที่มันเขียนขึ้นเมื่อ 80 ปีก่อน ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ตอนที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนยังไม่ได้มีชัยชนะเหนือฝ่าย ก๊กมินตั๋ง
มันน่าสนใจยังไง ?...มันน่าสนใจตรงที่ในหนังสือสามารถถ่ายทอดตัวตนของบุคลต่าง ๆ อย่าง ประธานเหมาเจ๋อตง นายกโจวเอินไหล จอมพลจูเต๋อ จอมพลเผิงเตอะไหว จอมพลหลินเปียว ฯลฯ ในช่วงก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นตำนาน
ประธานเหมายังไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน...
นายกฯโจวยังไม่ได้เจิดจรัสในเวทีการฑูตระดับโลก...
จอมพลจูเต๋อยังไม่ใช่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
จอมพลเผิงเตอะไหวยังไม่ใช่จอมทัพใน " สงครามต่อต้านอเมริกา " ( สงครามเกาหลี )
จอมพลหลินเปียวยังไม่ใช่คนบาปของประเทศชาติที่อาศัยพวกเรดการ์ดกำจัดศัตรูทางการเมืองในช่วงต้น " การปฏิวัติวัฒนธรรม " และยังไม่ใช่ผู้ที่กล้าวางแผนสังหารประธานเหมา
ถ้าเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นมาในช่วงหลังจากที่ผู้คนเหล่านี้เสียชีวิตไปแล้ว...จะถูกความเป็นตำนานของบุคคลเหล่านี้สร้างอิทธิพลในการเขียนไม่มากก็น้อย

อย่างเช่นการพูดถึงนายพลหลินเปียว....หากเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว...ก็จะแสดงภาพลักษณ์ของหลินเปียวว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์คดโกง...ในฐานะคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงขนาดคิดสังหารประธานเหมา...
ขนาดพูดถึงตอนที่หลินเปียวป่วยจนต้องไปรักษาตัวที่มอสโคว์ในช่วงสงครามเกาหลี..ยังมีคนบอกว่าเพราะหลินเปียวกลัวตายไม่อยากไปรบกับกองทัพอเมริกาที่มีแสนยานุภาพเหนือกว่ามากก็เลยสำออยแกล้งป่วยจนต้องให้จอมพลเผิงไปรบแทน
แต่ในหนังสือ " ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน " ได้แสดงตัวตนของหลินเปียวตอนที่ยังเป็นนักปฏิวัติ....เป็นผู้บัญชาการกองทัพแดงนับหมื่นนับแสนทั้ง ๆ ที่อายุไม่ถึง 30 ....เขียนถึงหลินเปียวในฐานะแม่ทัพผู้ปราดเปรื่อง

ในเรื่องนี้มีพูดถึงข่าวลือที่ทำลายฝ่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งกุขึ้นมาจากฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า " เสรีนิยม " ( บางทีก็ไม่เสรีจริง...น่าจะพูดว่าเป็นรัฐบาลที่อเมริการับรองมากกว่า...เพราะต่อให้เป็นเผด็จการแบบรัฐบาลของเจียงไคเช็คก็ยังนับเป็นฝ่าย " เสรีนิยม " เลย )
อย่างพวกเราที่เกิดในช่วงพ.ศ. 2520 หรือ ก่อนหน้านั้น คงจะทราบกันดีว่าเวลาพูดถึงคอมมิวนิสต์หรือประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ขึ้นมามันให้ความรู้สึกน่ารังเกียจเหมือนโรคเรื้อนยังไงยังงั้น...ซึ่งนั่นก็เป็นผลจากการ " ปลูกฝังภาพลักษณ์ของคอมมิวนิสต์โดยฝ่ายเสรีนิยม " เช่นกัน
แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์มาให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ
อย่างเกาหลีเหนือซึ่งปิดประเทศ ( บางทีก็โดนคว่ำบาตรซ้ำ ) นี่มีข่าวลือเยอะมาก...มีทั้งสารคดีซึ่งสัมภาษณ์ " ผู้ลี้ภัยจากทางเหนือ "...บางทีก็มีข่าวลือว่าส่งนักกีฬาที่แข่งแพ้ไปทำงานในเหมือง....และก็จะมีคนจำนวนมากเชื่ออย่างไม่ลังเล...ไม่มีใครสงสัยในความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าวแม้แต่น้อย...ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าได้ข้อมูลมายังไง

หนังสือเรื่อง " ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน " ประสบการณ์จริงของคุณสโนว์ที่ลบล้างข่าวลือเกี่ยวกับกองทัพแดงในช่วงนั้น...เป็นตัวอย่างนึงที่บอกว่า ข่าวลือเชื่อไม่ได้ทั้งหมด
อย่างถ้าพูดถึงกรณีของประเทศเกาหลีเหนือ...ผมยังจำนักกีฬายกน้ำหนักของเกาหลีเหนือขณะรับเหรียญทองโอลิมปิกเมื่อ 4 ปีก่อนได้...เขาวันทยาหัตถ์ให้ธงชาติของตนเองพร้อมหลั่งน้ำตายามที่เพลงชาติบรรเลง
ถ้าประเทศนั้นมันแย่ขนาดข่าวลือที่ออกมา...จะมีคนแสดงความรักประเทศนั้นขนาดหลั่งน้ำตาให้ธงชาติของเขาหรือเพลงชาติของเขายังงั้นหรือ
คนที่ลี้ภัยจากทางเหนือก็ย่อมให้ข้อมูลที่มีผลลบอยู่แล้ว...เพราะถ้าเขาไม่มีปัญหาอะไรเขาก็คงไม่ลี้ภัยมาหรอก....ไม่เคยมีสำนักข่าวระดับโลกที่ไหนไปสัมภาษณ์ " ผู้ลี้ภัยจากทางใต้ " หรือเปิดเผยตัวเลข " ผู้ลี้ภัยจากทางใต้ " ซะด้วย

ในทุกวันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารล้ำหน้ากว่าในยุคก่อนอย่างมาก...การแพร่ข่าวลือทำได้ง่ายขึ้น
แต่ข่าวสารทุกอย่างควรต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสิน...อย่าให้ภาพลักษณ์ของแหล่งข่าวหรือสำนักข่าวมาครอบงำการตัดสินใจของเรา....ไม่ใช่ว่าเป็นสำนักข่าวที่บอกว่าตัวเองเป็นสำนักข่าวระดับโลกออกข่าวมาจะเป็นจริงไปซะทุกอย่าง
อย่างเมื่อตอนต้นปีก็มีสำนักข่าวที่ว่ากันว่าเป็นสำนักข่าวระดับโลกสำนักหนึ่งออกข่าวเกี่ยวกับรัฐบุรุษของจีนท่านหนึ่งซึ่งได้รับความยกย่องทั้งเรื่องความสามารถ ความทุ่มเทในการทำงานและความสัตย์ซื่อมือสะอาด..โดยบอกว่ารัฐบุรุษท่านนั้นเป็นเกย์...ด้วยหลักฐานที่เบาบางและมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรจะต้องพิสูจน์ออกมาแต่ก็ยังไม่ทำแต่ก็ยังอุตส่าห์ออกข่าวออกมาได้...แถมจงใจออกข่าวมาในช่วงเดือนที่ครบรอบ 40 ปี แห่งการอสัญกรรมของรัฐบุรุษท่านนั้นพอดีซะด้วย

ข่าวลือ..หากได้รับมาก็ควรเผื่อใจไว้บ้าง...อย่าเชื่อทั้งหมด...หากทำได้ก็จะลดโอกาสที่เรากลายเป็นเครื่องมือของผู้ปล่อยข่าวครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่